“แกไม่ต้องกังวลหรอก ช่วงนี้พี่พิรัชย์งานยุ่งน่ะ กลับดึกทุกวันเลย”
“พี่ธีร์ก็กลับดึกเหมือนกันเหรอ” เธอถามพรีมด้วยความสงสัย ถ้าพิรัชย์กลับดึก แสดงว่าสามีของเพื่อนก็ต้องกลับดึกเหมือนกัน เพราะทำงานด้วยกัน
“อื้ม คงจะเป็นแบบนี้สักสองสามเดือน”
“ทำไมล่ะ”
“ก็พี่กิ่งแก้วที่เป็นผู้ช่วยเลขาลาคลอดน่ะ งานทั้งหมดพี่พิรัชย์เลยต้องรับผิดชอบแทนไปก่อน และพี่ธีร์เองก็รับงานในส่วนของพี่พิรัชย์มาทำเองบางส่วน”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง คงจะเหนื่อยแย่เลยเนาะ”
แต่แล้วก็มีความคิดดี ๆ ผุดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“เออ แก” นิวเยียร์โพล่งขึ้นมาเสียงดังจนพรีมแทบจะสะดุ้ง
“อยู่ใกล้กันแค่นี้แกจะเสียงดังทำไม ฉันเกือบหัวใจวายตายแล้วเนี่ย” พรีมแกล้งเอ็ดเพื่อน
“แกช่วยอะไรฉันหน่อยสิ”
“ช่วยอะไร” พรีมรู้สึกถึงความคาดหวังบางอย่างจากดวงตาของเพื่อนที่ฉายแววออกมา
“ช่วยพูดกับพี่ธีร์ให้ฉันเข้าไปเป็นผู้ช่วยของพี่พิรัชย์ที นะ นะ ยัยพรีม ช่วยฉันหน่อย แค่ให้ฉันได้ช่วยในระหว่างที่พี่กิ่งแก้วลาคลอดก็พอ” นิวเยียร์ทำหน้าอ้อน ยื่นมือไปจับมือของเพื่อนแล้วส่งสายตาอ้อนวอน
“...” พรีมนั่งนิ่งราวกับใช้ความคิด ขณะที่นั่งมองหน้าเพื่อนที่กำลังเขย่าแขนของเธอเบา ๆ
“นะ นะ ยัยพรีม ช่วยฉันที”
“แต่แกไม่ได้เรียนจบบริหารฯ มานะ แกจะทำได้เหรอ”
นิวเยียร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหา ‘คุณสมบัติของการเป็นผู้ช่วยเลขานุการ’ แล้วหันหน้าจอให้พรีมดู
แม้ว่าเธอกับพรีมจะเรียนจบคณะวารสารศาตร์และสื่อสารมวลชน แต่ปีแรกก็ผ่านการเรียนวิชาทั่วไปมาแล้ว และเธอก็มั่นใจว่าจะสามารถทำงานนั้นได้โดยไม่ทำให้ทั้งพิรัชย์และธีร์ สามีของเพื่อนเสียงานอย่างแน่นอน
“แกดูสิ คุณสมบัติฉันผ่านทุกข้อเลย” นิวเยียร์ส่งสายตาอ้อน กระพริบตาปริบ ๆ
“ก็ได้ ๆ แต่ฉันยังไม่รับปากนะ ขอถามพี่ธีร์ก่อน” พรีมตอบเพื่อน สงสัยคืนนี้คงต้องงัดลูกอ้อนมาคุยกับสามีแล้วล่ะ
“เย้ ให้มันได้อย่างนี้สิ เพื่อนรัก”
สองวันต่อมา
นับตั้งแต่วันที่เธองานยุ่งจนกระทั่งวันนี้ นิวเยียร์ยังไม่ได้เจอหน้าพิรัชย์เลยแม้แต่วินาทีเดียว ก็เลยจะเซอร์ไพรส์ให้เขาแปลกใจเหมือนอย่างตอนนี้ที่เธอเดินทางมาถึงที เอส กรุ๊ปพร้อมกับพรีม และนี่ก็เป็นบริษัทของธีร์ สามีของเพื่อนรักนั่นเอง
“พรีมพาผู้ช่วยเลขาคนใหม่มาแล้วค่ะ” พรีมเดินนำเข้าไปในห้องทำงานของสามี ตรงเข้าไปกอดแขนของธีร์อย่างออดอ้อน
“สวัสดีค่ะพี่ธีร์ พี่พิรัชย์” นิวเยียร์เอ่ยทักทายอย่างเป็นทางการ และดูเหมือนคนที่ทำหน้าประหลาดใจคงมีแค่เขาคนเดียว
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะพี่พิรัชย์”
“ปะ เปล่าครับ ไม่มีอะไร” ไม่รู้ว่าเผลอทำหน้าอย่างไรออกไป เขาก็แค่แปลกใจที่จู่ ๆ นิวเยียร์ก็มาทำงานในหน้าที่ของกิ่งแก้ว ผู้ช่วยของเขาที่ลาคลอดไปเมื่ออาทิตย์ก่อน
“พิรัชย์” ธีร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ใบหน้าดูไม่จริงจังสักเท่าไร
“ครับคุณธีร์”
“ช่วงที่คุณกิ่งแก้วลาคลอด ผมจะให้นิวเยียร์คอยช่วยงานคุณไปก่อนนะ ฝากสอนงานเธอด้วย”
ธีร์ถูกภรรยาคนสวยอ้อนบนเตียงจนยอมใจอ่อน แม้ว่านิวเยียร์จะไม่ได้เรียนสายตรงมาก็จริง แต่ก็ให้ทำงานเอกสารง่าย ๆ ก็คงจะพอทำได้ และช่วงเวลามันก็ไม่ได้นานอะไร ประมาณสองเดือนกว่า เขาก็ไม่อยากจะขัดใจภรรยา ตอบตกลงให้เพื่อนของเธอมาเริ่มงานได้ในวันนี้
“ครับ”
ได้ยินหนุ่มเลขาตอบรับ ใบหน้าของนิวเยียร์ก็ยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ไม่เสียแรงที่ขอให้เพื่อนช่วย
“พรีมฝากนิวเยียร์ด้วยนะคะพี่พิรัชย์” พรีมฝากฝังอีกคน
“ได้ครับ เชิญทางนี้ครับคุณนิวเยียร์”
เพิร์ธตอบรับภรรยาของเจ้านายเสร็จก็หันไปเอ่ยกับผู้ช่วยเลขาคนใหม่ แล้วเดินนำเธอออกไป พาไปที่โต๊ะทำงานที่อยู่หน้าห้อง
“เซอร์ไพรส์ไหมคะพี่พิรัชย์” หญิงสาวนั่งลงที่เก้าอี้ทำงานของตัวเอง ก่อนจะประสานมือเอาเท้าคางบนโต๊ะทำงาน เอียงใบหน้าหวานส่งยิ้มไปทางเขา
“เซอร์ไพรส์อะไรครับ”
“ก็ที่หนูมาเป็นผู้ช่วยพี่ไงคะ”
“เอ่อ… ครับ” เพิร์ธเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร แต่ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
นิวเยียร์ขยับเก้าอี้ล้อเลื่อนเข้าไปหาหนุ่มเลขาที่นั่งประจำที่ของเขา ยื่นมือทั้งสองข้างขนาบข้างลำตัวของเพิร์ธแล้ววางมือตรงที่พักแขน ยื่นใบหน้าหวานเข้าไปใกล้ จ้องเข้าไปในดวงตาคู่คมที่เบิกตากว้างราวกับคนตกใจ
“ช่วยสอนหนูด้วยนะคะ จะให้ทำอะไรก็บอกได้เลย หนูเต็มใจช่วยพี่ทุกอย่างเลยค่ะ”
หญิงสาวกระพริบตาปริบ ๆ เอียงคอไปทางซ้ายและขวาสลับกันไปมา ริมฝีปากก็เผยรอยยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้าที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะขาดใจตายแล้วหรือยัง เพราะเขาได้แต่เอนหลังแนบชิดกับเก้าอี้ และดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังกลั้นหายใจอยู่
“ไม่กลัวขาดออกซิเจนเหรอคะ หรือว่าอยากให้หนูผายปอด”
พอได้ยินคำว่าผายปอดเพิร์ธก็เรียกสติกลับมาได้ เขาเริ่มกระพริบตาแล้วค่อย ๆ คลายลมหายใจออกมา แต่ก็ยังทำเป็นนิ่งเพื่อเก็บอาการ
“น้องนิวเยียร์ขยับออกไปหน่อยดีไหมครับ เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้าจะดูไม่ดี”
“ไม่เรียกคุณแล้วเหรอคะ เมื่อกี้พี่ผิดสัญญา เผลอเรียกหนูว่าคุณอีกแล้ว” นิวเยียร์ยู่ปากเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อยราวกับคนน้อยใจ
“ขอโทษครับ พี่ชินกับการเรียกคนที่ทำงานว่าคุณ” ปกติเขาก็เรียกแบบนี้กับทุกคน ไม่ใช่แค่เธอ
“น่ารักจัง”
ชายหนุ่มตรงหน้าช่างเป็นคนสุภาพ แต่ก็น่าค้นหา เขายอมเอ่ยขอโทษทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าไม่ให้คิดว่าเขาน่ารัก แล้วจะให้คิดว่าอย่างไร
และเสียงแผ่วเบาที่ดังออกมาจากปากของหญิงสาว ก็ทำให้เพิร์ธมีลมหายใจติดขัด เริ่มร้อนใบหน้าลามไปถึงใบหู
“เขินเหรอคะ ทำไมหน้าแดง”
“ปะ เปล่าครับ”
เพิร์ธหายใจเข้าออกถี่กระชั้น เบี่ยงสายตามองไปทางอื่น เพราะตอนนี้เขากำลังจะเก็บอาการไม่อยู่ ไม่คิดว่าเธอจะกล้าเต๊าะเขาในที่แบบนี้ แม้ว่าชั้นบนสุดจะไม่ค่อยมีใครผ่านเข้ามา เพราะเป็นพื้นที่ของซีอีโอหนุ่มอย่างธีร์ แต่ก็ยังถือว่าเป็นสถานที่ทำงาน ไม่มีคนเห็น ก็ยังมีกล้องวงจรปิดที่ยังจับภาพอยู่
นิวเยียร์เห็นว่าคนตรงหน้าเสียอาการ ก็ยิ่งคิดว่าเขามันน่าแกล้ง เห็นหน้าทีไรแล้วหมั่นเขี้ยว ถ้าเป็นเสือคงจะเห็นว่าเขาเป็นเหยื่อที่รอแม่เสือสาวพราวเสน่ห์แต่เวอร์จินอย่างเธอตะครุบ แต่ติดที่เธอก็ไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้น
‘แต่ถ้าเขาสมยอมก็ไม่แน่นะ เธออาจจะยอมใจง่ายให้ผู้ชายคนนี้คนเดียวก็ได้’
พอนิวเยียร์แกล้งแหย่เขาจนพึงพอใจแล้ว ก็ขยับมือออกจากเก้าอี้ของหนุ่มเลขาสุดหล่อ แล้วเลื่อนเก้าอี้ของเธอขยับถอยออกมาอีกนิดเพื่อเว้นระยะห่าง
เขามันขี้อาย แถมยังซึนมาก ๆ ไว้รอสบโอกาสได้อยู่กันสองต่อสอง หรือสถานที่อื่นที่ไม่มีคนจับตามองก็ค่อยแกล้งเขาใหม่
การทำงานวันแรกถือว่าผ่านไปด้วยดี เพิร์ธช่วยสอนงานเธออย่างใจเย็นด้วยน้ำเสียงสุภาพ และเธอก็เป็นคนที่เรียนรู้ได้เร็ว ถึงได้กล้ายืนยันกับพรีมด้วยความมั่นใจว่าจะไม่ทำให้เสียงานอย่างแน่นอน
เธอแยกแยะได้ระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว แต่เวลางานก็ขออ่อยเขาสักเล็กน้อยให้พอชุ่มชื่นหัวใจ
“พรุ่งนี้เราไปทำงานด้วยกันดีไหมคะ”
ทั้งสองคนเลิกงานพร้อมกัน และขับรถตามกันเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของคอนโด และก่อนที่จะแยกกันเข้าห้องนิวเยียร์ก็รีบถามออกไป
“ไปทางเดียวกันประหยัดน้ำมันดีออก จะสลับรถกันคนละวันก็ได้นะคะ”
หญิงสาวเอ่ยออกไปพร้อมกับจ้องใบหน้าหล่อที่ทำหน้านิ่งราวกับใช้ความคิด เธอกลัวว่าเขาจะปฏิเสธเลยเสนอความเห็นให้ผลัดเปลี่ยนกันใช้รถของเธอและเขาสลับกันเดินทางไปทำงาน
“ก็ได้ครับ”
‘เข้าทางเลย’ นิวเยียร์ยกยิ้มกริ่มให้กับความคิดตัวเอง เวลาสองเดือนต่อจากนี้เธอจะต้องจีบเขาให้ติด