‘ไหน ๆ ก็โดนจับได้แล้ว ทำไมเมื่อกี้ไม่ขอเข้าไปนั่งเล่นที่ห้องของเขานะ’
พอคิดได้ดังนั้นนิวเยียร์ก็เดินไปที่หน้ากระจก สำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผม ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ก๊อก ก๊อก
คนในห้องที่กำลังต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติจัดจ้าน เอาไว้กินคู่กับไข่ตุ๋นที่ได้มาเมื่อครู่ เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูก็เดินออกจากห้องครัวเพื่อไปดูว่าใครมา
“น้องนิวเยียร์”
“ขอเข้าไปได้ไหมคะ” หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างพยักเพยิดใบหน้าสวยและมองเข้าไปในห้องที่เคยมานอนค้างแล้วครั้งหนึ่ง
“ครับ” จะปฏิเสธก็กระไรอยู่ เลยอนุญาตให้เธอเข้ามา
นิวเยียร์เดินตามเขาเข้าไปในห้องขนาดกว้าง แต่ข้าวของเครื่องใช้กลับถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ บ่งบอกถึงผู้อยู่อาศัยที่รักความสะอาดและความเรียบร้อย แต่แล้วจมูกของเธอได้รับกลิ่นที่โชยออกมาจากห้องครัว
“ต้มบะหมี่เหรอคะ กลิ่นหอมจัง”
“ครับ”
“ขอกินด้วยได้ไหมคะ”
ใจกล้าหน้าด้านแล้วทำกระเพาะว่างเข้าไว้ แม้จะกินไข่ตุ๋นไปแล้วหลายถ้วย แต่ก็ต้องเอ่ยออกไปเหมือนยังไม่ได้กินอะไร เขาจะได้ทำให้กิน และทั้งสองก็จะได้นั่งกินมื้อค่ำด้วยกัน
“เอ่อ… ครับ นั่งรอตรงนี้ก่อนนะครับ ว่าแต่ชอบกินเผ็ดไหม” เขาผายมือไปตรงโซฟาเพื่อให้หญิงสาวนั่งรอไปพลาง ๆ
“จัดมาเลยค่ะ จะเผ็ด จะแซ่บแค่ไหน หนูก็กินได้ทั้งนั้น” เธอคลี่ยิ้มกว้าง เน้นย้ำที่คำว่าเผ็ดและแซ่บขณะที่ช้อนสายตาที่เปล่งประกายมองใบหน้าหล่อของเจ้าของห้อง
หลังจากต้มบะหมี่ให้เธออีกชาม เขาก็ยกออกมาวางบนโต๊ะอาหารและนั่งกินด้วยกัน
“ไข่ตุ๋นเป็นยังไงบ้างคะ หนูลองทำครั้งแรกและให้พี่ชิมเป็นคนแรกเลยนะคะ” หญิงสาวประสานมือแล้วเอาเท้าคาง จ้องมองคนตรงหน้าเพื่อลุ้นว่าเขาจะตอบกลับมาอย่างไร
“อร่อยดีครับ”
“จริงเหรอคะ ไม่ใช่เพราะหนูมาคาดคั้นพี่ใช่ไหม”
“จริงครับ” เขาไม่ได้ตอบเพื่อเอาใจหรือกลัวว่าเธอจะเสียความมั่นใจ แต่รสชาติมันอร่อยเหมือนที่ว่าจริง ๆ
“ดีใจจังที่พี่ชอบ ไว้หนูจะฝึกทำเมนูใหม่ ๆ มาให้ลองชิมอีกนะคะ หวังว่าจะไม่ปฏิเสธ” ถือว่ายัดเยียดเลยก็ว่าได้ จากนี้จะได้มีข้ออ้างมาเจอกันบ่อย ๆ
เขาไม่ได้ตอบกลับคำถามก่อนหน้า แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“คิดยังไงถึงย้ายคอนโดเหรอครับ”
เมื่อหลายวันก่อนยังขับรถไปส่งเธอที่คอนโดเดิมอยู่เลย แต่ทำไมถึงได้ย้ายมาอยู่คอนโดเดียวกันได้
“คิดถึงคนแถวนี้มั้งคะ เลยตามมาอยู่ใกล้ ๆ”
แค่ก แค่ก
โดนหยอดไปหนึ่งประโยค เพิร์ธถึงกับสำลักน้ำบะหมี่รสเผ็ดจนใบหน้าแดงก่ำ น้ำตาซึมที่ดวงตาคู่คม
“น้ำค่ะ” นิวเยียร์รีบยื่นน้ำให้เขาดื่ม หยอดนิดหยอดหน่อยทำเป็นเสียอาการ ‘คนอะไรน่ารักจัง’
“เขินอะไรขนาดนั้นคะ ล้อเล่นแค่นิดเดียวเอง คิกคิก” เธอเอ่ยพลางหลุดหัวเราะชอบใจ
ส่วนคนถูกแซวได้แต่กระดกน้ำเย็นลงคอไปหลายอึกเพื่อแก้อาการสำลัก และความร้อนบนใบหน้าที่จู่ ๆ ก็เหมือนอุณหภูมิจะสูงขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
“อยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอคะ”
“ก็นิดหน่อยครับ แต่ชินแล้ว”
เขาชินกับการไปไหนมาไหนคนเดียว อยู่ห้องคนเดียว นอกจากเรื่องงานก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
“แต่ถ้ามีคนมาอยู่ด้วยมันคงจะดีมากเลยนะคะ มีคนชวนคุย ชวนกินข้าว หรือไม่ก็ออกไปเที่ยวคลายเครียดด้วยกันสองต่อสอง พี่ไม่อยากมีแฟนบ้างเหรอคะ”
“เอ่อ… พี่ยังไม่ได้คิดเรื่องนั้น แล้วน้องนิวเยียร์ล่ะครับไม่คิดจะมีแฟนบ้างเหรอ” เพิร์ธไม่รู้จะตอบเธอว่าอย่างไร เลยเปลี่ยนไปถามหญิงสาวแทน
“คิดค่ะ กำลังจีบอยู่ รีบ ๆ เปิดใจรับหนูเป็นแฟนไว ๆ นะคะ” นิวเยียร์ส่งยิ้มหวาน จ้องคนตรงหน้าด้วยดวงตาหวานหยาดเยิ้ม
“เอ่อ... น้องนิวเยียร์หมายถึง...” ทำไมประโยคบอกเล่าของเธอมันถึงได้ทำให้จิตใจของเขาปั่นป่วนแบบแปลก ๆ
“ก็หมายถึงคนที่หนูจะจีบไงคะ”
เพิร์ธระบายยิ้มมุมปากเล็กน้อย เมื่อกี้เผลอนึกว่าเธอหมายถึงตัวเองเสียอีก
“ขอบคุณสำหรับบะหมี่นะคะ และขอโทษที่มารบกวนเวลาพักผ่อน”
“ไม่เป็นไรครับ” เธอให้ไข่ตุ๋นเขามาเหมือนกัน ถือว่าเจ๊ากันไป แล้วเธอก็ไม่ได้รบกวนเวลาอะไรมาก
“ไม่เป็นไร แสดงว่าหนูมาที่นี่บ่อย ๆ ได้ใช่ไหมคะ ดีเลย อยู่ห้องคนเดียวเง้าเหงา ขอบคุณนะคะ”
ได้ทีนิวเยียร์ก็รีบเอ่ยออกไปพร้อมกับยกยิ้มหวาน ขอบคุณเลขาหนุ่มสุดหล่อใจดีที่ไม่ทันมารยาหญิงของเธอ และพอพูดจบก็รีบวิ่งออกจากห้องของเขาเพื่อกลับเข้าห้องของตัวเองทันที ปล่อยให้เพิร์ธมองตามหลังด้วยความอึ้ง
สรุปก็เหมือนเขาได้อนุญาตเธอไปแล้ว แม้จะไม่ได้เอ่ยออกปาก
หลายวันต่อมา
เห็นว่านิวเยียร์ทำตัวเหมือนว่าง แต่ที่จริงเธอก็ทำงานเหมือนกับคนทั่วไป ไม่ได้ขอเงินที่บ้านใช้ไปวัน ๆ
เธอเปิดเว็บไซต์รับออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ทุกชนิด แต่ถ้าลูกค้าอยากตีพิมพ์ก็จะดีลโรงพิมพ์ของเพื่อนรักอย่างพรีมเอาไว้ให้ เรียกได้ว่าน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า
เธอเป็นคนรักอิสระและไม่ชอบอยู่ในกรอบ จึงไม่เหมาะกับการนั่งทำงานประจำในออฟฟิศ เธอจึงเลือกที่จะเปิดเว็บไซต์รับงานเอง แต่ถ้าลูกค้าจ้างงานเยอะ ทำเองไม่ไหว ก็จะส่งให้พนักงานของโรงพิมพ์เพื่อนรักเป็นคนรับช่วงต่อ จึงทำให้เธอมีเวลาตามจีบหนุ่มหล่อห้องตรงข้าม
“เฮ้อ เสร็จสักที” นิวเยียร์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ล้อเลื่อน แล้วยกมือขึ้นบิดขี้เกียจ วันนี้ทั้งวันนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลาสิบชั่วโมงเต็ม ๆ กว่างานจะเสร็จ
“กี่โมงแล้วเนี่ย” พอเหลือบมองนาฬิกาที่อยู่ตรงหน้าจอก็พบว่าเกือบจะสามทุ่มแล้ว
“พี่พิรัชย์”
พอนึกถึงหนุ่มหล่อก็ทำให้เธอต่อว่าตัวเองในใจ เพราะรู้สึกเสียดายที่เผลอทำงานจนลืมดูเวลา ป่านนี้เขาคงจะกินข้าวไปแล้ว แต่เธอนี่สิ แม้แต่ข้าวเที่ยงก็ยังไม่ตกถึงท้อง
และวันนี้ก็ไม่ใช่วันแรกที่เธอลืมไปหาพิรัชย์ที่ห้องเพื่อนั่งกินข้าว ไม่รู้ว่าป่านนี้จะลืมหน้าเธอไปแล้วหรือยัง แต่จะให้ไปเคาะห้องเขาตอนนี้มันจะดูจงใจอยากเข้าหามากเกินไปหรือเปล่า
และเธอก็ไม่ได้ไปรบกวนเขา
ช่วงสายของอีกวัน นิวเยียร์ที่วันนี้มีเวลาว่าง เพราะเคลียร์งานเสร็จแล้วเมื่อคืน ก็เดินทางไปหาเพื่อนรักที่โรงพิมพ์ ไม่ได้เจอหน้ากันหลายวันก็รู้สึกคิดถึง
“ลมอะไรหอบแกมาถึงที่นี่” พรีมที่เพิ่งจะเห็นหน้าเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันเกือบสองสัปดาห์ก็ทักขึ้นทันที
ปกติพวกเธอไม่ค่อยได้นัดเจอกันที่โรงพิมพ์หรอก ส่วนมากจะนัดกันที่ร้านอาหาร ไม่ก็ร้านเบเกอรีในช่วงพักเที่ยงเสียส่วนใหญ่
“วันนี้ฉันว่างน่ะ เลยแวะมาเมาท์กับแก”
นิวเยียร์เอ่ยพลางขยับเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะลูกสาวเจ้าของโรงพิมพ์แล้วหย่อนก้นลงนั่ง แล้วเริ่มคุยกับพรีมที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน
“ฉันไม่ได้เจอพี่พิรัชย์มาหลายวันแล้วอะ คิดถึงจัง”
“ทำไมล่ะ” พรีมก็งงว่าย้ายไปอยู่ใกล้กันขนาดนั้น ยังมาบ่นว่าไม่ได้เจอหน้ากันอีก
“ก็มีลูกค้าทักมาของานด่วนน่ะสิ จะส่งให้คนของแกทำก็คงส่งงานไม่ทัน ฉันเลยต้องลงมือทำเอง อีกอย่างแต่ละวันกว่างานจะเสร็จก็ดึก จะไปหาเขาตอนดึก ๆ ก็ยังไงอยู่”
“เอาน่า เว้นระยะบ้างก็ได้” พรีมเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ เอ่ยกับเพื่อน
“ได้ไงล่ะแก ตอนนี้ฉันยิ่งต้องทำคะแนน หายไปนาน ๆ เขาก็คิดว่าฉันไม่จริงจังน่ะสิ” นิวเยียร์พูดพลางทำหน้าเศร้า ถอนลมหายใจออกมา