“แต่ว่า… แล้วคุณลุงคุณป้าล่ะคะ” พระพายนึกไปถึงญาติของตนเองที่เหลืออยู่ คือคุณลุงปัญญา เขาแต่งงานกับคุณป้าแสงจันทร์ อีกทั้งตัวเธอยังมีลูกพี่ลูกน้องอีกสองคนคือเอกณกันและอิงดาว
“ถ้าคุณท่านดำรงไว้ใจคนพวกนั้น เรื่องทั้งหมดก็คงไม่ต้องมาถึงมือพี่หรอก!” ดวงตาสีน้ำเงินวาวโรจน์เช่นเดียวกับน้ำเสียงเย็นเยียบของอันเดรที่ดังขึ้นมานั้น พานให้พระพายรู้สึกหนาวสะท้านไปทั่วทั้งร่าง เธอชักสงสัยแล้วว่าเขาเป็นคนเดียวกันกับที่คนช่วยเธอไว้เมื่อวานใช่ไหม…
ทำไมเช้านี้เขาถึงได้ดูเย็นชานัก!
“พี่พูดแบบนี้หมายความว่า…” หากตัดเรื่องความเย็นชาของผู้พูดออกไป หัวใจของพระพายก็ยังสั่นกลัวกับเนื้อหาในประโยคนั้นอยุ่ดี จะมีอะไรที่ทำให้คนในครอบครัวเดียวกัน สายเลือดเดียวกันไม่เชื่อใจกันได้อีก…
“เรายังตัดสินอะไรไม่ได้ทั้งนั้นครับ พวกเราแค่ทำตามที่คุณท่านสั่งให้ดีที่สุดเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของตัวคุณหนูเอง” ทนายช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์ พระพายเองนั้นยังเด็ก เธออายุเพียงสิบเจ็ดปีและเพิ่งจะผ่านการสูญเสียครั้งใหญ่มาหมาด ๆ ดังนั้นเรื่องทั้งหมดจึงไม่ง่ายสำหรับเธอเลย
“ถ้าหนูพายอยากไปอยู่กับพวกเขาก็เอาเลย พี่ไม่ว่า” อันเดรยังคงเอ่ยต่อมาด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท “แต่ถ้าหนูเชื่อใจคุณปู่ของตนเองที่สุดก็ควรเซ็นเอกสารนี้ รายละเอียดทุกอย่างหนูก็รู้หมดแล้วนี่”
ใช่! พระพายรู้ว่าเขาจะดูแลเธอเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัย การศึกษา และความเป็นอยู่ ทุกอย่างที่เขาจัดไว้ให้นั้นเอื้อประโยชน์ต่อเธอได้อย่างสูงสุดแล้ว แม้ว่าจะต้องทำทั้งหมดนี้ผ่านการแต่งงาน แต่อันเดรก็เอ่ยออกมาแล้วว่าเป็นเพียงการแต่งงานในนามเท่านั้น เขาจะให้เกียรติและไม่ล่วงเกินเธอเลยแม้แต่น้อย และเมื่อเธออายุครบยี่สิบสี่ปีบริบูรณ์ เธอก็สามารถตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของตนเองได้ หากเลือกที่จะหย่าและแยกทางจากเขาเพื่อไปมีชีวิตของตนเอง เขาก็ยินดีปฏิบัติตามทันที
อีกทั้งในระหว่างที่พระพายแต่งงานอยู่กับเขา นอกจากความเป็นอยู่ที่ดีแล้ว เขายังจะระมัดระวังความปลอดภัยของเธอและทรัพย์สินอย่างเต็มที่ด้วย จะไม่มีใครสามารถเอาเปรียบหรือฉกฉวยผลประโยชน์ใด ๆ ของเธอได้ทั้งนั้น ส่วนเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เกิดขึ้นกับคุณปู่ดำรงนั้น อันเดรก็ให้คำมั่นว่าจะใช้อำนาจทุกอย่างที่มีในการสืบหาตัวคนผิดมารับโทษอย่างสาสม
พระพายกะพริบตาไล่หยาดน้ำใสที่คลอขึ้นมาในดวงตาสวย… ประเด็นสุดท้ายนี้สำคัญต่อเธอที่สุด!
เธอไม่อาจยอมรับการจากไปโดยไร้คำอธิบายของคุณปู่ได้ ภาพของชายชราที่ถูกรถชนกระเด็นลอยคว้างไปไกลในอากาศจนกระทั่งตกกระแทกพื้น ศีรษะและแผ่นหลังอาบไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน อวัยวะภายในบอบช้ำภินท์พังจนเจ้าของร่างสำลักเอาลิ่มเลือดออกมา ก่อนที่ดวงตาอ่อนล้าจะปิดลงพร้อมกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายนั้น… ทุกอย่างเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาของหลานสาวอย่างเธอ จากนั้นเรื่องทั้งหมดก็จบลงง่าย ๆ เพียงเพราะรถกระบะสีดำโสโครกที่ชนคุณปู่นั้นระเบิดมอดไหม้ไปพร้อมกับคนขับ ทำให้ไม่สามารถสืบสวนเรื่องราวใด ๆ ได้อีก… เท่านี้น่ะหรือ…
แม้ตำรวจจะบอกว่าการสืบสวนยังไม่สิ้นสุด แต่พวกเขาจะทำการสืบหาความจริงมาให้เธอได้จริง ๆ หรือ แล้วต้องรอไปจนถึงเมื่อไรกัน ผิดกับคนตรงหน้า… พระพายนึกขันตนเองในใจที่รู้สึกเชื่อมั่นในตัวเขา คงเพราะเขาดูเหมือนมาเฟียรัสเซียในหนัง ทั้งยังสัญชาติเดียวกันอีก อันเดรมีอำนาจคับฟ้าจนเธอรู้สึกว่าเขาจะต้องหาตัวคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ได้ในเร็ววันแน่
“คุณหนูต้องรีบตัดสินใจนะครับ อีกสักครู่คุณอันเดรจะพาคุณหนูไปรับร่างของคุณท่านดำรงแล้ว เรื่องนี้ต้องจัดการให้เสร็จตรงนี้เลย” ทนายเร่งรัดขึ้นมาพลางมองนาฬิกา พระพายกำมือเข้าหากันแน่นขณะตัดสินใจ… เธอควรจะไปอยู่กับคุณลุงปัญญาและคุณป้าแสงจันทร์จริงหรือ…
และทันใดนั้น ความทรงจำเลวร้ายก็ผุดขึ้นมาในมโนสติ… นานมากแล้วที่พระพายไม่ได้นึกถึงมัน
‘คุณพ่อคะ! พวกเราดูแลยัยเด็กนี่ไม่ได้หรอกนะ พวกเรามีทั้งตาเอกและยัยอิงที่ต้องดูแล’ เสียงแหลมของคุณป้าแสงจันทร์ตะคอกใส่คุณปู่ดำรงอย่างไม่ไว้หน้า ขณะที่คุณลุงปัญญาเองก็เอ่ยสำทับกับบิดาของตนเสียงเครียด
‘นั่นสิครับ พอเจ้าปราบเสียชีวิตไป งานในบริษัททุกอย่างก็ตกมาเป็นของผม ผมยุ่งจะตายอยู่แล้ว’
‘พวกเราไม่พร้อมจะรับภาระเพิ่มหรอกค่ะ’ คุณป้าแสงจันทร์ว่า พลางตวัดสายตามามองพระพายในวัยเด็กด้วยความหงุดหงิดปนรำคาญใจ
เด็กหญิงพระพายช่างไม่รู้ประสีประสา เมื่อเห็นสายตาดุร้ายของญาติผู้ใหญ่จ้องมองมาก็ทำให้เธอร้องไห้ออกมาเสียงดัง สองแขนกอดตุ๊กตาหมีแน่นราวกับหาที่พึ่ง
‘เงียบเดี๋ยวนี้นะยัยเด็กบ้า รำคาญ!’ เด็กหญิงอิงดาวญาติผู้พี่ของพระพายที่มีอายุมากกว่าสี่ปีเดินเข้ามาเห็นแล้วตวาดใส่ ไม่พอยังจับไหล่บางเขย่าอย่างแรงจนร่างน้อยสั่นไหว ขณะเดียวกันเอกณกันพี่ชายของอิงดาวก็แอบย่องมาทางด้านหลังพระพาย ทันทีที่อิงดาวออกแรงผลักให้เธอล้มไปบนโซฟา เอกณกันก็โผล่มากระชากตุ๊กตาหมีอันเป็นที่พึ่งเดียวของเธอไป
‘แง ๆ ยัยหนูพายขี้แย’ เขาโยนตุ๊กตาหมีไปมาพร้อมส่งเสียงล้อเลียน
พระพายลูบแขนตัวเองที่เจ็บจากการถูกอิงดาวบีบและเขย่า พร้อมพยายามร้องเรียกให้เอกณกันเอาตุ๊กตาหมีของตนเองคืนมา เด็กหญิงหอบสะอื้นตัวโยนจนกระทั่งอ้อมแขนอุ่นของคุณปู่ดำรงอุ้มตัวเธอขึ้นมา เขาปลอบเธออย่างห่วงใยแล้วตัดสินใจในที่สุด
‘ปัญญา แกพาครอบครัวแกกลับไปให้หมด พระพายหลานฉัน ฉันจะเลี้ยงเอง!’ เขาเอ่ยอย่างเด็ดขาด และตั้งแต่นั้นมาพระพายก็อยู่ในการดูแลของคุณปู่ดำรงมาโดยตลอด
แล้วอย่างนี้เธอยังควรจะกลับไปหาคนที่ทอดทิ้งเธอไปอีกอย่างนั้นหรือ…
นับแต่วันนั้นพระพายมีโอกาสได้พบเจอกับครอบครัวของลุงปัญญาอีกหลายครั้ง ทว่าเขาไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจอะไรและยังคงใจดีกับเธอเสมอ แม้จะดูเคร่งเครียดตลอดเวลา ทว่าเธอก็เข้าใจว่าคุณลุงมีงานต้องทำมากมาย ต่างกับคุณป้าแสงจันทร์ที่มักมองเธอด้วยหางตาอยู่บ่อยครั้งและไม่ยอมรับไหว้เธอเลย ตอนเด็ก ๆ เธอมักได้ยินคำพูดกระแนะกระแหนจากหล่อนว่าเธอเป็นภาระ แต่เมื่อเธอเริ่มโตขึ้นคำพูดของคุณป้าก็เปลี่ยนไป มันมีความ ‘ประจบประแจง’ กับ ‘หวังสมบัติ’ แฝงอยู่ในคำพูดที่กล่าวถึงเธออยู่เสมอ
ทางด้านอิงดาวก็ยังคงร้ายกาจกับพระพายดังเดิม รายนั้นตอนนี้เติบโตเป็นสาวมหาวิทยาลัยที่สวยสะคราญและเป็นดาวเด่นที่ได้ถ่ายรูปขึ้นป้ายหน้ามหาวิทยาลัยอยู่บ่อย ๆ ไปแล้ว เธอมักจะแสดงท่าทีล้อเลียนรังเกียจทรงผมนักเรียนโรงเรียนรัฐบาลของพระพายว่าเป็นเด็กกะโปโล เป็นลูกเป็ดขี้เหร่มอมแมมที่ไม่มีวันเทียบชั้นกับเธอได้ ส่วนเอกณกันนั้นก็หาทางแกล้งพระพายอยู่เรื่อยไป ตั้งแต่แกล้งเบา ๆ อย่างเช่นเอาของไปซ่อน จนกระทั่งอะไรก็ตามที่จะทำให้เธออับอาย
และเมื่อคิดได้ดังนั้น… มือบางอันชื้นเหงื่อของพระพายก็หยิบปากกาด้ามโลหะสีเงินปลาบขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยถามออกไปว่า
“หนูพายต้องเซ็นตรงไหนบ้างคะ”