ตอนที่5

937 Words
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นไม่ทันถึงหนึ่งนาทีประตูก็ถูกเปิดออกโดยเลขาหน้าห้อง คุณมยุรีผู้เป็นมารดาของณัฐวรรธณ์นั่นเองที่มาหาเขาอย่างกะทันหันโดยที่ไม่ได้นัดหมายกันก่อนล่วงหน้า ณัฐวรรธณ์ถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะรู้ดีว่าถ้าไม่มีเรื่องมารดาของเขาไม่โผล่มาแน่นอน ร่างสูงร้อยหกสิบห้า ทรวดทรงองค์เอวยังดูดีทุกสัดส่วน เส้นผมดำขลับของท่านถูกย้อมและจัดทรงเป็นลอนอย่างดีไม่เห็นแม้แต่หงอกสีขาวสักเส้น บนเรือนร่างของคุณมยุรีสวมชุดสูททันสมัยตกแต่งด้วยเครื่องประดับยี่ห้อหรูหราราคาเฉียดล้าน "ตาวรรธณ์" เอ่ยทักบุตรชายด้วยสีหน้าที่ดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ "สวัสดีครับคุณแม่ มาตั้งแต่ตอนไหนทำไมไม่โทรบอกก่อนล่วงหน้าครับ" ณัฐวรรธณ์ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานเดินไปประคองผู้เป็นมารดามานั่งที่โซฟารับแขกอย่างเอาอกเอาใจ "แม่ก็ไม่ได้อยากมาเท่าไหร่หรอกนะถ้าไม่มีเรื่องร้อนใจ คนนี้รู้จักมั้ย คนในรูปเป็นใคร?" มารดายื่นให้บุตรชายดูรูปในโทรศัพท์มือถือ "ไม่รู้จักครับ" ยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้ผู้เป็นมารดา แม้จะเดือดกับรูปที่เห็นในมือถือแค่ไหนก็ต้องเก็บเอาไว้ในใจ "เดินคลอเคลียพะเน้าพะนอกันขนาดนี้ มั่นใจนะว่าเมียแกไม่ได้มีชู้" คุณมยุรีมองเค้นบุตรชายด้วยสายตาเข้มงวด "ไม่หรอกครับคุณแม่ คงจะเป็นเพื่อนน่ะครับ ผมรู้จักนิสัยของวีวี่ดี" ยิ้มให้ผู้เป็นมารดาแสดงสีหน้าเรียบเฉย จะมีเรื่องโกรธหรือไม่พอใจวีธราแค่ไหน ต่อหน้าคนอื่นเขาก็มักจะปกป้องเธออยู่เสมอ เพราะเขาคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะลงโทษเธอได้ อย่างน้อยวีธราก็คือคนของเขาตามกฎหมาย "ดูแกจะเชื่อและหลงเมียเอามากๆตาบอดไปหมดแล้วกระมัง นอกจากจะไม่มีหลานให้ฉันแล้ว ยังทำตัวแบบนี้อีกงามไส้นักเชียว บอกตรงๆนะแม่ไม่เคยภูมิใจสักครั้งที่มีลูกสะใภ้คนนี้ แต่ที่แกล้งปิดตาข้างเดียวมาตลอดเพราะเห็นแก่ความสุขของแก ถ้าอยู่กันไปแล้วมันไม่มีอะไรดีขึ้น ก็หย่าๆไปเสียเถอะลูก ยุคนี้จะหย่า จะแต่ง กี่ครั้งก็ไม่มีใครเขาสนใจหรอก" คุณมยุรียังมีความพยายามที่จะโน้มน้าวจิตใจผู้เป็นบุตรชาย เพราะอยากได้สะใภ้ที่มีฐานะทัดเทียมกัน วีธรามีดีแค่พ่อแม่ทำงานรับราชการไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย มาแต่งงานกับบุตรชายของตนเหมือนกับหนูตกถังข้าวสาร ไหนจะธุรกิจที่เพิ่งจะเปิดไม่รู้ว่ามาเอาเงินจากณัฐวรรธณ์ไปลงทุนเท่าไหร่แล้ว เด็กที่ไม่มีประสบการณ์ทำงานอย่างวีธราจะมีปัญญาที่ไหนมาบริหารธุรกิจนอกจากมาเอาเงินไปตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ คิดพรางก็ถอนหายใจออกมา เฮือกๆ "ผมยังไม่อยากให้เป็นข่าวอะไรตอนนี้ครับ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม" "แต่แม่อยาก จะได้ประกาศให้โลกรู้ไปเลยว่าลูกแม่พร้อมเปิดใจรับคนใหม่แล้ว" "เอาน่าครับคุณแม่ งั้นเดี๋ยวผมกลับบ้านไปผมจะไปถามวีวี่ดูนะครับว่าคนในรูปเป็นใคร แล้วเรื่องนี้ไว้เราค่อยคุยกันใหม่ดีมั้ยครับ วันนี้คุณแม่อยากทานอะไรรึเปล่าครับ เดี๋ยวผมไปรับประทานเป็นเพื่อน" "อืม ก็ได้" แม้จะไม่พอใจที่บุตรชายดูเหมือนไม่เป็นเดือดเป็นร้อนแต่ก็ต้องยอมอีกครั้ง คนอย่างณัฐวรรธณ์ไม่เคยมีใครบังคับอะไรได้ ไม่งั้นคงไม่ได้วีธรามาเป็นลูกสะใภ้ตั้งแต่แรกแล้ว "เออ แม่ลืมไป หนูลิลลี่จะมาเที่ยวเมืองไทย เลยขออนุญาตมาพักที่บ้านของแม่ แม่ก็ตอบรับไปแล้วด้วย" "ลิลลี่เหรอครับ..." ณัฐวรรธณ์เมื่อมารดาเอ่ยถึงลิลลี่ ลิลลี่คือลูกสาวของเพื่อนคุณมยุรี แต่ที่สำคัญไปมากกว่านั้น ลิลลี่คือรักแรกของเขา เป็นPuppy love ตั้งแต่สมัยเขาเรียนอยู่มัธยม แต่ก็ต้องห่างกันเมื่อครอบครัวของลิลลี่ย้ายไปอยู่อเมริกาและหลังจากนั้นลิลลี่ก็มีแฟนใหม่เป็นฝรั่งหน้าหล่อทำให้เขาต้องอกหักไปตามระเบียบ เพราะเรื่องนี้ทำให้เขาฝังใจมาตลอดว่า ผู้หญิงในโลกนี้ไว้ใจไม่ได้สักคน ดั่งคำโคลงประโยคหนึ่ง 'จากกันสามวันนารีเป็นอื่น' "เรื่องเก่าๆอย่าถือสาน้องนะลูก ตอนนี้หนูลิลลี่ก็ยังโสด ถ้าลูกจะหย่าแล้วแต่งงานใหม่แม่ก็ยินดีรับหนูลิลลี่มาเป็นลูกสะใภ้" "คุณแม่ ผมแต่งงานแล้วนะครับ อีกอย่างเรื่องมันนานแล้วลิลลี่คงไม่ได้คิดอะไรกับผมแล้วล่ะครับ" "ใครบอกกันล่ะว่าหนูลิลลี่ไม่ได้คิดอะไรกับแก ไม่อย่างนั้นจะมาพักบ้านเราทำไม โรงแรมหรูในกรุงมีตั้งเยอะแยะ" ณัฐวรรธณ์ไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก เอาจริงๆเขาก็แอบหวั่นไหวเล็กๆ รักแรกสมัยวัยว้าวุ่นมันเป็นอะไรที่ฝังใจเขามาตลอด ถ้าเจอลิลลี่จริงก็คงจะมีผลต่อจิตใจของเขาไม่น้อย ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ววีธราล่ะ เขาจะเอาหล่อนไปไว้ตรงไหน ในเมื่อวีธราไม่เคยอยากจะหย่ากับเขาแม้แต่นิด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD