ก๊อก! ๆ ๆ
"มิรา!"
เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงเรียกชื่อมิราดังกังวานอยู่ข้างหน้าห้องนอนของเธอ อาจารย์พนาพี่ชายของเธอนั่นเอง กลับมาถึงเป็นต้องมาเคาะประตูเรียกหาทุกครั้งร่ำไป
"ขาพี่พนา"
มิราขานรับพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยอาการงัวเงียเพื่อมาเปิดประตูให้ผู้เป็นพี่ชาย
พลั่ก!
ประตูห้องถูกเปิดออกเสร็จแล้วคนร่างเล็กก็เดินกลับเข้าห้องเพื่อจะกลับไปล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม ร่างสูงโปร่งของพนาก็เดินตามน้องสาวตัวแสบเข้ามาในห้องเหมือนกัน
มิราล้มตัวลงบนเตียงนอนซุกตัวเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ตั้งใจจะหลับหนีเสียงบ่นพี่ชาย
"ทำไมอยู่ในสภาพแบบนั้นน่ะ อาบน้ำหรือยัง แล้วเมื่อคืนไม่ได้ไปไหนมาใช่มั้ย?"
พนาเห็นสภาพหัวฟูหน้าตาอิดโรยของน้องสาวเลยอดไม่ได้ที่จะซักถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง แต่อีกคนกลับมองว่าพี่ชายทำตัวเหมือนพ่อไม่มีผิด
"ไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ นอนเพิ่งตื่นนี่แหละ ทำไมพี่พนาเพิ่งกลับมากลับเอาป่านนี้เหรอคะ?"
นอกจากจะโกหกคำโตแล้วมิรายังแสร้งทำเป็นย้อนถามพนากลับบ้าง เพราะเกรงว่าผู้เป็นพี่ชายจะจับได้ว่าเธอแอบหนีไปเที่ยวกลางคืน และไปนอนกับผู้ชายแปลกหน้ามา
ถ้าพี่ชายเธอรู้เรื่องนี้เข้า มีหวังได้ขังเธอไว้ในห้องพร้อมกับใส่กุญแจมือแน่ ๆ ถึงพี่เธอจะดูใจดี แต่เวลาที่เธอดื้อแล้วล่ะก็ไม่ต่างอะไรกับอาจารย์ห้องปกครองแบบที่เป็นอาชีพของเขาอยู่แล้วในตอนนี้เลย
"พี่ก็บอกแล้วว่าไปสัมนาต่างจังหวัด"
"อ้อ มิราลืมไปค่ะ"
ทำเป็นนึกออก แต่ก็ยังหลบหน้าหลบตาไม่หยุดแท้จริงก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่เรื่องที่พี่ของเธอจะไปไหนมาไหน
"เราน่ะ เรื่องแต่งงานก็อย่าลืมล่ะกัน เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่กลับมาจากวอชิงตันเดือนหน้านี้แล้ว ท่านก็จะเชิญผู้ใหญ่ฝั่งโน้นมาดูตัวแล้วล่ะ อย่ายิกยักปฏิเสธให้มันมากไป อย่างไรซะก็ต้องแต่งกันอยู่ดี"
มิราหน้าหงิกเมื่อได้ยินเรื่องนี้
"นี่มันยุค 2023 แล้วนะคะพี่พนา ทำไมยังจับคลุมถุงชนเป็นยุคไดโนเสาร์เต่าล้านปีไปได้คะนี่ ยังไงซะมิราก็ไม่แต่งกับคนที่มิราไม่ได้รักหรอก"
"การแต่งงานของเราทั้งคู่น่ะไม่มีสิทธิ์เลือกได้เองหรอกนะ มิราก็รู้ดีว่าคุณพ่อเป็นคนยังไง"
"มิราจะหนีกลับอเมริกา"
"ลืมไปแล้วหรือจ้ะว่าคุณพ่อของเราน่ะเป็นทูตอยู่อเมริกา แล้วจะหนีไปอเมริกามันไม่ย้อนแย้งไปหน่อยเหรอ?"
มิราทำหน้าตาสุดเซ็งเมื่อนึกถึงผู้เป็นบิดา เกิดมาเป็นลูกสาวท่านทูตแบบเธอมักจะถูกจับให้อยู่ในกฏเกณฑ์ตั้งแต่เล็กจนโตเสมอ แต่มิราก็ดื้อรั้นไม่ใช่น้อย ความจริงเธอใช้ชีวิตอยู่เมริกากับผู้เป็นบิดาและมารดา แต่หลังๆเจ้าหล่อนเริ่มมีจะมีผู้ชายตาน้ำข้าวมาติดพันและกำลังจะมีแฟนซึ่งผู้เป็นบิดาไม่เห็นด้วย เนื่องจากมิรามีคู่หมั้นอยู่แล้วที่เมืองไทย เลยถูกจับส่งกลับมาเมืองไทยท่ามกลางความดูแลของอาจารย์พนาผู้เป็นพี่ชาย
"ไม่แต่ง...ยังไงซะก็ไม่แต่ง พี่พนาขา ช่วยน้องด้วย นะ ๆ ๆ"
"ว่าที่สามีของเราน่ะคือเพื่อนของพี่เอง ไปเจอกับมันก่อนและพี่เชื่อแน่ว่ามิราได้เจอเจ้าเจตต์แล้วจะปฏิเสธไม่ลง"
"ฮึ!"
มิราเอาผ้าห่มคลุมศีรษะไม่อยากฟังอะไรจากพนาอีกแล้ว พนาได้แต่ส่ายศีรษะอย่างอ่อนอกอ่อนใจในความดื้อรั้นของน้องสาวซึ่งอายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว
"พี่ไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนล่ะกัน ถ้าจะไปไหนต้องไปบอกพี่ก่อนพี่จะพาไปเอง ได้ยินรึยัง?"
"ได้ยินแล้วค่าาาา"
ตอบเสียงยืด พนาส่ายศีรษะอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปจากห้องด้วยความอ่อนเพลียทั้งใจทั้งกาย ลับหลังที่พนาเดินออกไปแล้วคนใต้ผ้าห่มลุกขึ้นมานั่งทันที
'จริงสิ ถ้าไอ้พี่เจตต์ว่าที่สามีของเรารู้ว่าเราเสียตัวให้คนอื่นแล้ว จะต้องรีบปฏิเสธงานแต่งแน่ ๆ'
มิรายิ้มกริ่มออกมาเมื่อคิดได้แบบนั้น เธอตั้งใจว่าจะปฏิเสธการคลุมถุงชนอย่างหัวชนขวาอยู่แล้ว แต่ทว่า..จู่ๆหน้าของคนเมื่อคืนก็โผล่เข้ามาในมโนจิต เมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อๆของเขาใจของเธอก็สั่นไหวขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
"คุณเป็นใครกันนะ?"
รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นเมื่อนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มคนเมื่อคืน บทรักอันเร่าร้อนที่เขามอบให้มามันตราตรึงใจของเธอไม่รู้ลืม ไม่ว่าจะทำอะไรหน้าของเขาก็ผุดขึ้นมาไม่หยุด
"คุณกำลังทำฉันบ้าตายนะ แล้วฉันจะแต่งงานกับคนอื่นได้ยังไงกัน นายวันไนท์ของฉัน"
มิราหยิบหมอนข้างเข้ามากกกอดเพ้อถึงชายหนุ่มคนเมื่อคืน ป่านนี้เขาก็จะมองเธอว่าเป็นคนอย่างไรนะ สำส่อน หญิงขายบริการ หรือว่านักล่าแต้ม
"โอ้ย!ฉันเป็นอะไรไป หรือว่า...จะตกหลุมรักเขาแล้ว ไม่นะ ไม่! ความสาวของฉันรักษาไว้มายี่สิบห้าปี นายก็เอามันไปแล้ว นี่ยังจะมาเอาหัวใจของฉันอีกเหรอ?"
มิรายังคงเพ้อถึงชายหนุ่มคนเมื่อคืนไม่หยุด พร้อมกับพูดออกมาคนเดียวเสียงเล็กเสียงน้อยคล้ายคนกำลังเพ้อฝันและพาให้เพ้อเจ้อไม่หยุด ในใจไม่ได้นึกเสียใจที่ต้องเสียตัวให้เขาไปแม้แต่นิด ไม่ใช่ว่าไม่หวงความสาว แต่มิรารู้สึกว่าตัวเองนั้นรู้สึกมีใจให้เขาไปแล้วเลยไม่ได้เศร้าโศกเสียใจกับการเสียพรหมจรรย์
บริษัท ทินราช กรุ๊ป จำกัด(มหาชน)
"ฮัดชิ้ว!"
เจตต์จามออกมาไม่หยุด วันนี้ทั้งวันแล้วที่เขาจามออกมาจนรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะไม่สบาย
"เป็นหวัดเหรอครับบอส?"
"นั่นสิ วันนี้หลายรอบแล้ว ณดลนายช่วยเบาแอร์ลงให้หน่อย"
"ครับๆบอส"
"วันนี้ยังมีอะไรอีกมั้ย พอดีว่าฉันนัดกับเอวาเอาไว้"
"ไม่มีแล้วครับ เอ่อ ผมจองโต๊ะร้านอาหารญี่ปุ่นร้านเดิมเอาไว้ให้บอสแล้วครับ หนึ่งทุ่มตรง"
"อืม ถ้าไม่มีอะไรแล้วนายก็กลับไปเถอะ วันนี้ฉันเรียกนายมาตั้งแต่เช้าเพราะฉะนั้นวันนี้ฉันอนุญาตให้นายกลับเร็วได้"
"ครับบอส"
ณดลทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง
"เดี๋ยว!"
"ครับ"
"เรื่องผู้หญิงคนเมื่อคืน เจอเธอมั้ย?"
"ไม่เลยครับ เธอไปที่ไนท์คลับเมื่อคืนเป็นครั้งแรก และก็ไม่มีข้อมูลในโลกโซเชียลด้วย บอสไม่ได้ถามชื่อเธอไว้เหรอครับ?"
"ไม่..ช่างเถอะ แล้วก็แล้วกันไป ออกไปเถอะ"
เจตต์โบกมือไล่ณดลออกไป อยู่ๆภาพบทรักอันเร่าร้อนของเขาที่โดนปลุกด้วยยาปลุกเซ็กส์เมื่อคืนก็ผุดขึ้นมา
'เธอเป็นใครกันนะ?'
ในใจเจตต์ได้แต่ตั้งคำถาม วันนี้ทั้งวันแล้วที่เขาตั้งคำถามนี้ขึ้นมาในใจ เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะคำพูดที่ว่า 'นึกซะว่าฉันให้ทานคุณก็แล้วกัน' มันยังดังก้องอยู่ในหัวเขาไม่หยุดหย่อน
"ต้องจ่ายเงินให้เธอให้ได้ นึกอย่างไรมาดูถูกกัน หน้าอย่างฉันคงไม่ต้องการให้ใครมาทำบุญทำทานให้หรอก ฮึ่ม!" เจตต์รู้สึกหงุดหงิดหัวเสียขึ้นมาเมื่อนึกถึงหญิงสาวคนเมื่อคืน