ทบทวนกันหน่อยไหม

1287 Words
“เห้อ! เจอแบบนี้กับตัวเองจังๆไปไม่ถูกเลยแฮะ” คิมหันต์เสยผมหน้าขึ้นสูง มองคนที่ทำท่าทางเย็นชาพลางถอนใจ แล้วมันยังไงเหรอ ต้องทำยังไงต่อเขาเองก็ไม่รู้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก จนเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน มันผิดขั้นตอนไปหมด ซ้ำยังซับซ้อนจนไม่รู้จะเอายังไงแล้วด้วย “กลับไปเถอะค่ะ ฉันไม่รู้จักคุณ ไม่อยากรู้จักด้วย” ยี่หวาพยายามจะไม่นึกถึงเรื่องคืนนั้น เธอตั้งใจทำและตั้งใจจบ ให้เรื่องคืนนั้นเป็นฝันดีที่สุดในชีวิต ไม่คิดจะคบกับเขา หรือร้องขอให้เขารับผิดชอบด้วย “เธอพูดว่าอะไรบ้างนะ ในบทสัมภาษณ์” คิมหันต์ถามออกไป ส่งผลให้ใบหน้าสวยขมวดคิ้วมุ่น เมื่ออยู่ๆเขาก็เปลี่ยนเรื่อง ใบหน้าสงสัยทำให้คิมหันต์ขยับไปใกล้ เขาพอจะเข้าข่ายผู้ชายในเสปคเธอบ้างหรือเปล่าล่ะ “หมายถึงสัมภาษณ์ที่คุณดูตอนอยู่ในผับเหรอคะ” ยี่หวาคิดตาม เธอไม่ค่อยให้สัมภาษณ์เท่าไหร่ แต่วันนั้นปั้นหน้าสัมภาษณ์กับนักข่าวไปเพราะรำคาญ ทุกคำล้วนโกหก เสปคเธอนะเหรอ ก็ผู้ชายตรงหน้านี่ไง “อืม” “ก็ตามที่พูดไปนั่นแหละค่ะ” ยี่หวาไม่แปลกใจตัวเองเท่าไหร่ ที่ควรไล่เขากลับไป แต่ไม่ทำ ปกติไม่เคยยืนคุยกับใครหน้าบ้านนานขนาดนี้ แต่กับเขา เธอรู้สึกดีที่ได้คุยกัน ทุกอย่างเป็นไปตามเสียงในหัวใจ ไร้ซึ่งเหตุผล “เปลี่ยนไม่ได้เหรอ” “คะ? ความชอบคนเรามันเปลี่ยนกันได้ด้วยเหรอคะ” ยี่หวาเริ่มจะเมื่อยขาแล้ว จึงขยับพิงร่างเข้ากับประตูรั่วหน้าบ้าน เขาคงอยู่คุยอีกนานเลย ส่วนเธอก็ไม่อยากขยับไปไหน “ได้สิ อยู่ที่ว่าอยากเปลี่ยนหรือเปล่า” “ไม่ค่ะ ฉันไม่อยากเปลี่ยน กลับได้แล้วค่ะ ฉันเมื่อยขาแล้ว” ยี่หวาเอ่ยปากไล่ มองรถที่เลี้ยวเข้าบ้านถัดไปด้วยความกังวล คนบ้านนั้นไม่ค่อยวุ่นวายเท่าไหร่ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าเขาจะเอาเรื่องเธอไปโพนทะนาไหม การไล่คิมหันต์กลับไป น่าจะปลอดภัยต่อชื่อเสียงเธอกับเขามากที่สุด “ไปด้วยกันหน่อย” คิมหันต์ก้มลงเก็บกุญแจบ้านที่ถูกลืมอยู่บนพื้นขึ้นมาถือ ชูมันขึ้น เพื่อต่อลองให้เธอไปด้วยกัน เขายังอยากคุยกับเธออยู่ อยากรู้ว่าระหว่างเขากับเธอ พอจะมีความเป็นไปได้ไหม มันต้องได้เป็นอะไรกันมากกว่านี้สิ “ไม่ค่ะ” “อย่าให้ต้องอุ้ม” “ฉันไม่กลัวคุณหรอกนะคะ อย่าคิดว่าขู่แล้วจะยอม” ใบหน้าสวยฉายแววไม่พอใจ แต่เมื่อเจอสายตาดุๆของเขา ขาเรียวยาวก็รีบก้าวเดิน เปิดประตูรถสีแดงสด เข้าไปนั่งเงียบๆ ไม่ยอมพูดจาอะไรเลย จนถึงคอนโดที่เคยไปกับเขา “นี่คุณ คิดจะทำอะไรกันแน่คะ?” ใบหน้าสวยดูตื่นตระหนก เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า มองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาวนรถขึ้นไปชั้นบนไม่วางตา คงไม่ใช่ว่าตั้งใจพาเธอมาทำเรื่องนั้นหรอกใช่ไหม “หาที่เงียบๆคุย” “ที่อื่นก็มี” ใบหน้าสวยยังไม่คลายความกังวล ปากบ่นงืมงำเป็นคำด่าไม่ออกเสียง แต่คนที่นั่งข้างๆคงรู้ว่าเธอพูดอะไร แต่เขาเลือกที่จะไม่ใส่ใจ ตั้งใจขับรถก่อนจะจอดมันไว้ ข้างรถบีเอ็มสีดำ “ที่อื่นมันไม่ปลอดภัย หรืออยากเป็นข่าวด้วยกัน” “ไม่อยากเป็นข่าวกับคุณให้เสียหายหรอกค่ะ” ยี่หวาเปิดประตูออกกว้าง ก้าวลงไปยืนรอข้างรถเงียบๆ เขี่ยเท้าไปมาเบาๆ อย่างคนไม่รู้จะวางตัวยังไง คิมหันต์เดินนำเข้าไปข้างใน คิดถึงคืนนั้นขึ้นมานิดหน่อย แต่ปล่อยให้มันอยู่ในความคิด เขาต้องเคลียร์เรื่องตอนนี้ก่อน “วันนั้นหนักไหมคะ” ยี่หวาพูดเสียงเบา ทำไมตอนนี้เธอถึงได้สลัดภาพในคืนนั้นออกไปจากหัวไม่ได้เลย เขาอุ้มเธอจากรถมาถึงนี่ ระยะทางไกลมากเพราะห้องเขาอยู่ด้านในสุด เธอก็ไม่ได้ตัวเล็กๆ แต่เขาอุ้มเดินลิ่วๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไร จนเธออยากรู้ ว่าตัวเองหนักไหมสำหรับเขา “หืม?” “ปะเปล่าค่ะ พูดไปเรื่อย” ยี่หวาหลบสายตาแทบไม่ทัน ไม่คิดว่าเขาจะหันกลับมากระทันหัน ซ้ำยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ อันตรายจริงๆ! หัวใจเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย “จะให้อุ้มก็ได้นะ แต่ต้องสัญญาว่าจะคุยกันให้ชัดเจน” คิมหันต์ยักคิ้วส่งไปให้ คว้ามือเล็กไว้พลางย่อตัวตั้งท่าเตรียมอุ้ม แต่คนที่ถามกลับถอยห่าง เหมือนหวาดกลัวการสัมผัสโดนตัวเขา “ฉันตัวหนัก” น้ำหนักเธอขึ้นมาจากวันนั้นตั้งสองโล เขาคงอุ้มไม่ไหวแน่ แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น เขาจะมาอุ้มเธอทำไม ในเมื่อตรงนี้คือหน้าห้องของเขาแล้ว “ไม่หนักหรอก ตัวเบาเหมือนคนไม่ได้กินข้าว” คิมหันต์จับมือเล็กไว้แน่น ขณะหันกลับไปแสกนนิ้วมือปลดล็อกห้อง เปิดประตูออกกว้างเพื่อเชื้อเชิญเธอเข้าไปด้านใน ใบหน้าสวยดูกังวลนิดหน่อย แต่ก็ยอมก้าวเท้าตามเข้าไป คิมหันต์เดินไปหยุดที่ห้องรับแขก ปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระ ก่อนจะผละออกไปหยิบน้ำในตู้เย็น เดินกลับมาก็เห็นว่าเธอนั่งมองสำรวจรอบห้องของเขาเงียบๆ จึงถือวิสาสะนั่งลงข้างๆเธอโดยไม่ขออนุญาต “ฉันจะรับผิดชอบ” คิมหันต์เปิดบทนทนา จ้องหน้าเธอนิ่งๆ เพื่อดูปฏิกิริยา “ไม่ค่ะ ฉันไม่ต้องการ วันนั้นฉันเมา” “แต่ฉันไม่ได้เมาไง อย่าพูดอะไรมักง่ายได้ไหมยี่หวา” คิมหันต์แทบจะถลาไปกระชากตัวเธอมาเขย่าให้หัวสั่นหัวคลอน ถ้าไม่ติดว่าเจอแววตาเย็นชาของเธอซะก่อน เขาทำแบบนั้นแน่ “คุณต้องการอะไรกันแน่คะ ฉันไม่เห็นว่าคุณจะเสียหายตรงไหน ฉันไม่ต้องการพบกับคุณอีกค่ะ กรุณาลืมเรื่องที่เกิดขึ้นซะ ถือว่าฉันขอร้อง” ใบหน้าสวยซ่อนความเศร้าไว้ภายใต้ท่าทางเย็นชา และสีหน้าบึ้งตึง เธอต้องคบกับฉัตรชัยไปอีกนาน ถ้ามีความสัมพันธ์กับเขาอีกมันจะแย่ แม้ปกติภาพลักษณ์เธอจะติดลบอยู่แล้ว แต่เธอไม่อยากดึงเขามาลงนรกด้วย “เธอลืมได้เหรอ” “ค่ะ ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ยี่หวาตอบแทบจะทันที แต่เป็นคำโกหกทั้งหมด เมื่อคิดว่าหมดเรื่องจะคุยแล้ว ก็ตัดสินใจลุกขึ้น มองคนที่นั่งเงียบเพียงครู่ ก็หมุนตัวออกเดิน “ทบทวนกันใหม่ได้นะ คราวนี้เอาให้มันฝังแน่นไปถึงจิตวิญญาณของเธอเลย” คิมหันต์ไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน นับหนึ่งถึงสิบก็แล้ว แต่ก็ยังไม่หาย เดินไปช้อนร่างเธอขึ้นพาดบ่า ก้าวยาวๆไปโยนทิ้งลงบนเตียง จำไม่ได้งั้นเหรอ? เมางั้นเหรอ? งั้นทบทวนกันหน่อยไหม จะได้ไม่ลืมเขาอีก “อย่านะคะ” ดวงตากลมโตฉายแววหวาดกลัว ดวงหน้าหวานซีดเซียวไร้สีเลือด กระเสือกกระสนดิ้นรนหนีไปยืนอยู่อีกด้านของเตียง ยกมือขึ้นพนมไหว้วอนคนตรงหน้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD