7.เสือจะไม่หลงรักเหยื่อ

2435 Words
สารินก็มองตามวทนิกาไปแบบเศร้าๆ เพราะเจ้านายของเขาสนใจในตัวเธอ แต่เขาก็ไม่คิดว่าเจ้านายของเขาจะใช้วิธีแบบนี้กับวทนิกา ก็ถือว่ามันค่อนข้างจะใจร้ายเลย แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเจ้านายของเขาอยากได้ ก็ต้องได้นั่นแหละ เขาคงช่วยอะไรมากไม่ได้ “ใครเหรอคะคุณสาริน สวยจังเลย...แต่ทำไมเขาถึงว่าท่านประธานแบบนั้นล่ะคะ” ผู้ช่วยเลขาของสารินเอ่ยถามไปอย่างอยากรู้ “มันใช่เรื่องที่เธอต้องยุ่งไหม...ทำงานของเธอไป...” สารินตอบผู้ช่วยเลขาของเขาไป ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเขา ล็อบบี้ด้านล่างตึก “นั่นไงครับนพ นักเขียนที่คุณแดนเทพให้สารินไปเอาตัวมาร่วมงานด้วยโดยเฉพาะ...” เจตรินเลขาของนพเก้า ผู้บริหารหนุ่มที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายบบรรณาธิการอยู่ “อ่อ สวยแบบนี้นี่เองไม่น่าล่ะไอ้แดนมันถึงได้ข้ามหน้าข้ามตาฉันไปเซ็นสัญญาด้วย ฉันต้องเข้าไปทำความรู้จักหน่อยแล้วล่ะ...” นพเก้าที่มายืนรอเจอนักเขียนสาวนั้นก็พูดไปแล้วรีบเดินเข้าไปหาทันที แล้วเลขาหนุ่มก็เดินตามไปแบบเงียบๆ “ขอโทษนะครับ...คุณคือนักเขียนที่แดนเทพพึ่งเซ็นสัญญาด้วยใช่ไหมครับ....” นพเก้าเข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้ม “ก็ไหนอีตานั่นบอกว่าเรื่องสัญญานี่ไม่ให้ใครรู้ไง แล้วผู้ชายคนนี้รู้ได้ยังไงกัน” วทนิกาคิดในใจไปอย่างสงสัย “ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือใครคะ ทำไมรู้เรื่องที่ฉันเซ็นสัญญากับคุณแดนเทพด้วย...” วทนิกาถามไปแล้วมองชายตรงหน้าอย่างจดจ้อง เพราะหน้าตาก็ละหม้ายคล้ายแดนเทพอยู่นะ แต่ติดที่ว่าแดนเทพดูสุขุมและดูดีกว่า “อ่อ ผมชื่อนพเก้าครับ เป็นผู้อำนวยการบรรณธิการของบริษัทครับ ผมได้ยินว่าคุณเข้ามาทำงานวันแรกก็เลยอยากจะมาทักทายหน่อย เพราะน้อยคนมากๆที่แดนเทพจะเลือกเข้ามาโดยไม่บอกผมน่ะครับ...แถมยังให้เงินเดือนสูงกว่าคนอื่นๆเลย คุณคงจะพิเศษน่าดู....” นพเก้าแนะนำตัวไปก็มองเธอ ที่หน้าสวยและมีเสน่ห์มาก เขาล่ะไม่แปลกใจเลยทำไมแดนเทพมันถึงเลือกผู้หญิงคนนี้มาทำงานด้วยตัวเอง “หึ ฉันก็แค่นักเขียนทั่วๆไปที่ผลงานไปเตะตาคุณแดนเทพเขาเท่านั้นแหละค่ะ เงินเดือนหนึ่งแสนมันก็เหมาะสมกับผลงานดีๆที่ฉันเขียนแล้วนิคะ...นักเขียนบางคนในบริษัทของคุณก็คงจะได้มากกว่าฉันด้วยซ้ำ” วทนิกาตอบไปด้วยเสียงเยือกเย็น เพราะเธอมองออกว่าผู้ชายคนนี้คงไม่ค่อยถูกกับแดนเทพ เขาถึงได้พูดจาแบบนี้กับเธอ คงคิดว่าเธอเป็นเด็กของเขาล่ะสิ “ครับ แต่นั่นก็ไม่ใช่เงินเดือนสตาร์ทที่เข้ามาทำงานครั้งแรกนิครับ...กว่าจะได้ถึงขั้นนั้นก็ต้องสองถึงสามปีขึ้นไป....กว่าผมจะพิจารณาให้เงินเดือนสูงแบบนั้น...คุณนี่โชคดีกว่าคนอื่นๆอีกนะครับ...” นพเก้าพูดไป เพราะเธอน่ะเกินหน้าเกินตาคนอื่นๆไปมากเลย “คุณพูดแบบนี้กับฉัน แสดงว่าคุณคิดว่าฉันเข้ามาทำงานที่นี่เพราะใช้เส้นคุณแดนเทพใช่ไหมล่ะคะ...” วทนิกาถามไปตรงๆ “หรือมันไม่จริงล่ะครับ...ผู้หญิงสวยๆอย่างคุณเข้ามาโดยที่ผมยังไม่รับรู้ด้วยซ้ำ....แบบนี้มันไม่เรียกว่าเด็กเส้นแล้วเรียกว่าอะไรล่ะครับ” นพเก้าพูดไปแล้วแสยะยิ้มใส่เธอ “หึ....ใช่ค่ะ ฉันเป็นเด็กเส้นที่คุณแดนเทพพาเข้ามา แล้วไงล่ะคะ ในเมื่อคุณแดนเทพเขาเป็นประธานบริษัทเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเอาใครเข้ามาทำงานที่นี่ก็ได้ไม่ใช่เหรอคะ...ฉันว่าประธานบริษัทจะทำอะไรก็คงไม่ต้องรายงานคนอื่นมั้งคะ...เพราะมันก็ไม่ได้สำคัญอะไร....” วทนิกาตอบไปแล้วยักไหล่ใส่แบบไม่แคร์ เพราะยังไงเธอก็คงไม่ได้ร่วมงานกับเขาหรอก เพราะงานที่ธามไทให้เธอทำน่ะ มันอยู่บนเตียงนู้น พูดแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด เธอก็ยังมาเจอคนที่น่าหงุดหงิดอีก “ขอตัวนะคะ ฉันไม่ว่างจะมาพูดกับคุยหรอกค่ะ...” วทนิกาพูดเสริมไปอีก แล้วเธอก็เดินหนีไปทันที เพราะคุยกับคนแบบนี้ไปก็เท่านั้น เหนื่อยใจเปล่าๆ “ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันครับเนี่ย กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับคุณนพแบบนี้ ไร้มารยาทจริงๆ คิดว่าเป็นเด็กเส้นของท่านประธานแล้วจะพูดอะไรก็ได้เหรอไง...” เจตรินพูดไปเมื่อหญิงสาวเดินออกไปแล้ว “น่าสนใจดี....” นพเก้าพูดออกไปแล้วมองตามหญิงสาวไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ครับ ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจยังไงครับคุณนพ ผมไม่เข้าใจ...” เจตรินถามไปแบบงง “น่าสนใจตรงที่ไอ้แดนมันก็สนใจผู้หญิงคนนี้ไง...ไปสืบประวัติของผู้หญิงคนนี้มา...” นพเก้าพูดบอกไป “เอาอีกแล้วเหรอครับคุณนพ....ครับๆ ผมจะสืบให้ครับ...” เจนตรินพูดไปแบบตอบรับ เพราะนพเก้าชอบจีบผู้หญิงที่ใกล้ชิดกับแดนเทพมาตลอด แกละก็แย่งมาได้ทุกคนเลยด้วย ซึ่งคนต่อไปก็คงหนีไม่พ้นหญิงสาวคนเมื่อกี้แน่ๆ ณ บ้านของวทนิกาและพัชรา “เป็นไงบ้างแก...ทำไมทำงานวันแรกก็กลับมาเร็วแบบนี้ล่ะ” พัชราเดินขึ้นมาที่ห้องทำงานของเพื่อนสาวที่ชั้นสอง แล้วเอ่ยถามไป “ยังไม่ได้เริ่มงานอะไรเลยแก แกรู้ไหมว่าสัญญาที่ฉันเซ็นไปน่ะ มันเป็นสัญญาทาส ทาสที่มีหน้าที่เขียนนิยายแล้วก็คอยบำเรอให้เขา....” วทนิกาบอกเพื่อนสาวไปด้วยสีหน้าเศร้าๆ “ห้ะ..อะไรนะ! สัญญาที่แกเซ็นไปคือสัญญาทาสที่แกต้องบำเรอให้กับเขางั้นเหรอ แกอย่ามาล้อเล่นนะยัยเนย ชีวิตจริงนะจ้ะไม่ใช่นิยายที่แกเขียน จะได้น้ำเน่าขนาดนั้นน่ะ พูดความจริงมาเลยว่าเป็นไงบ้างวันนี้” พัชราพูดไป เมื่อเพื่อนสาวบอกมาแบบนั้น “นี่แหละความจริงๆล้วนๆเลยแก ชีวิตฉันตอนนี้ยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าซะอีก...เฮ้อ...ฉันไม่น่าโลภมากจนเซ็นสัญญาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือเลย ซวยจริงๆ...” วทนิกาพูดไปแล้วถอนหายใจออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอเบ้า หลังจากที่เธออดทนมานาน “เรื่องจริงเหรอแก....” พัชราถาย้ำไปอีก เพราะสีหน้าของเพื่อนสาวดูไม่เล่นๆแล้ว “อืม ฉันจะโกหกแกทำไมล่ะ แล้วพรุ่งนี้ฉันก็ต้องย้ายไปอยู่กับเขาตามที่สัญญาระบุ...จากนั้นชีวิตฉันก็คงจะเจอคำว่านรกของจริงแล้วล่ะ แต่ไม่เป็นไร...ชีวิตคนเรามันต้องสู้นิเนอะ...” วทนิกาพูดไปแล้วก็น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เธอก็เอามือเช็ดไปแบบใจสู้สุดๆ “แกไปยกเลิกสัญญาเลยยัยเนย ร้านนี้เราขายแล้วเอาเงินไปคืนเขาก็ได้ รถก็ขายไปเลย ฉันไม่อยากให้แกต้องมาเจอเรื่องแบบนี้...ถ้าไม่พอเดี๋ยวฉันไปยืมเจ้นุกเอง แกไม่ต้องร้องนะ...ฉันไม่ทิ้งแกหรอกยัยเนย...” พัชราพูดบอกไปแล้วโผล่เข้ากอดเพื่อนสาวทันที “ถ้ายกเลิกสัญญาเขาปรับสิบเท่าของเงินที่เราได้มาเลยนะ เงินตั้งร้อยล้านเราจะไปหามาจากไหนคืนเขา...อีกทางเลือกก็คุก แบบนั้นก็ยิ่งไม่ดีใหญ่ เฮ้อ...ช่างมันเถอะแก ยังไงฉันก็คงหนีไม่พ้น ก็สู้ให้มันสุดใจไปเลย” วทนิกาพูดไปความปลง เพราะมันทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆนอกจากยอมเขาเท่านั้น “นี่แกจะยอมเป็นนางงบำเรอให้เขาจริงๆเหรอ...ฉันว่าเราจ้างทนายจัดการกับเขาดีไหมแก เจ้นุกมีเพื่อนเยอะแยะ เดี๋ยวให้เขาช่วยเราหาทนายเก่งๆมา สัญญาแบบนี้ฉันว่าศาลต้องตัดสินให้เขาแพ้แน่ๆ” พัชราถามไปก็จับมือแล้วมองหน้าเพื่อนสาวอย่างสงสารเลยที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ “ไม่มีประโยชน์หรอกแก เขารวยและมีอำนาจขนาดนั้น ยังไงเราก็สู้เขาไม่ได้หรอก...เหนื่อยเปล่า...คนเจ้าเล่ห์อย่างนั้นไม่ยอมให้ตัวเองเสียผลประโยชน์หรอก ไม่เป็นไรแก อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดอ่ะ” วทนิกาบอกไปแบบรู้เลยว่าเธอและเพื่อนคงทำอะไรไม่มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว “ฉันสงสารแกอ่ะ ฉันไม่อยากจะให้ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลย...หรือแกจะให้คนที่บ้านช่วย พ่อแกก็เป็นคนใหญ่คนโตไม่ใช่เหรอ ให้เขาช่วยก็ได้นิ” พัชราพูดไป “ฉันไม่อยากเอาเรื่องเดือดร้อนไปให้พ่อฉันอีก แค่แม่ฉันคนเดียวก็มากพอแล้วล่ะ...เรื่องนี้เธออย่าบอกใครนะ กับครอบครัวฉันก็ห้าม จะมีแค่ฉันกับแกที่รู้เท่านั้น....”วทนิกาพูดบอกไป เพราะเธอไม่ต้องการรบกวบพ่อของเธอ ยังไงท่านก็ช่วยเธอไม่ได้หรอก “อืม...ก็ได้...แล้วนี่แกจะยอมทำใจเป็นนางบำเรอให้เขาจริงๆงั้นเหรอยัยเนย....” พัชราถามไปด้วยสีหน้าเศร้าๆ “...ฉันไม่มีทางเลือกแล้วนิ...ก็คงต้องยอมเป็นนางบำเรอของเขาจนกว่าจะหมดสัญญาห้าปี....แต่ไม่แน่นะแก ฉันอาจจะโชคดีหลุดพ้นจากเขาก่อนครบห้าก็ได้....ใครจะไปรู้ บางทีสวรรค์อาจจะไม่ใจร้ายกับฉันขนาดนั้นก็ได้แก...” วทนิกาพูดไปแบบมีหวังให้ตัวเอง “งั้นแกก็ทำตัวแย่ๆใส่เขาไปเลย แล้วถ้าเขาจะมีอะไรกับแกนะ แกนอนแข็งเป็นท่อนไม้เลย แบบนั้นฉันว่าเขาเบื่อแกเร็วแน่ๆ....” พัชราพูดแนะนำไป “เออจริงด้วย...แกนี่มันฉลาดที่สุดเลยอ่ะแพท แผนของแกใช้ได้เลย ดูสิว่าถ้าฉันนอนแข็งเป็นท่อนไม้ไร้ลีลาแล้วเขาจะยังอยากได้ฉันเป็นนางบำเรออยู่อีกไหม หึ...เขาเจ้าเล่ห์มา ฉันก็ควรจะเจ้าเล่ห์กลับบ้างสิ...ขอบใจนะแก แกทำให้ฉันหายเครียดเลย...” วทนิกาพูดออกไปแบบดีใจ เพราะแผนของเพื่อนสาวดูเข้าท่าดี “อืม...แกเจอเรื่องลำบากแบบนี้ฉันก็ต้องช่วยแกหาทางออกสิ แล้วนี่แกทำใจได้จริงๆเหรอถ้าต้องมีอะไรกับเขาน่ะ ทำไมฉันรู้สึกเหมือนกับว่าแกเฉยๆยังไงก็ไม่รู้อ่ะ...ที่จริงแกต้องนั่งร้องไห้แล้วอาลัยอาวอนไหมอ่ะที่ต้องไปทำอะไรแบบนั้น แต่นี่อะไร แกดูเฉยๆมากอ่ะ...” พัชราพูดไปอย่างบอกไม่ถูก เพราะเพื่อนเธอไม่ได้ดูเดือดเนื้อร้อนใจเท่าไหร่ “อ่อ ที่ฉันไม่ได้คร่ำครวญก็เพราะว่าไอ้คนที่เป็นนายจ้างฉันน่ะ โคตรหล่อเลยแก...หล่อแบบวัวตายควายล้มเลยก็ว่าได้ ฉันก็เลยคิดว่ามันก็ไม่เป็นไร ได้มีอะไรกับคนหล่อก็ถือว่าเป็นกำไรของฉันไหมอ่ะ...ที่ฉันไม่โอเคก็เพราะฉันต้องเป็นนางบำเรอให้เขาตั้งห้าปีนี่แหละ เฮ้อ...” วทนิกาพูดบอกไปตรงๆ เพราะใจลึกแล้วเธอก็รู้สึกว่าเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ถ้าเขาเป็นตาแก่ล่ะก็เธอก็คงจะเป็นอีกแบบนึงแล้วล่ะ “ฉันว่าแล้วเชียว ก็ว่าอยู่ว่าทำไมแกเจอเรื่องแบบนี้แล้วยังไม่ทุกข์ไม่ร้อน ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง...แกก็อย่าไปหลงเสน่ห์เขาเข้าล่ะ...เดี๋ยวจะเจ็บซะเอง อย่างกับในนิยายที่แกเขียนน่ะ บางทีนางเอกมันก็ไม่ได้จบสวยทุกเรื่องนะจ้ะเพื่อน...เพราะฉะนั้นอย่าเอาใจไปเล่นไฟ โดยเฉพาะไฟที่ร้อนแรงแบบนี้...” พัชราพูดเตือนเพื่อนสาวไป “อืม...ฉันรู้แล้วน่า...ระดับนี้แล้วแก ฉันไม่อ่อนไหวกับเขาหรือว่าใครง่ายๆหรอก ถึงฉันจะไม่ค่อยมีใครจริงจัง แต่ฉันก็รู้นิสัยและสันดานผู้ชายดีว่าเป็นยังไง ดังนั้นฉันจะไม่ตกหลุมรักเขาเด็ดขาด...” วทนิกาพูดบอกไปแบบมาดมั่น “พูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วยนะจ้ะเพื่อน...เสือจะต้องไม่หลงรักเหยื่อ...” พัชราพูดไป เพราะเพื่อนสาวมีคนสนใจเยอะแล้วเจอคนมาหลากหลายรูปแบบแล้ว เธอก็หวังว่าจากที่เป็นเสือคงไม่กลายเป็นเหยื่อให้เสือตัวอื่นมาขย้ำก็แล้วกัน “แต่ตอนนี้ฉันก็กลายเป็นเหยื่อของเขาแล้วไหมแก...โดนเขาหลอกต้มจนต้องกลายไปเป็นนางบำเรอเนี่ย...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชีวิตฉันมันจะเหมือนนิยายน้ำเน่าที่ฉันเขียนขนาดนี้...แค่คิดฉันก็ไม่รู้เลยว่าฉันจะต้องเจอกับอะไรบ้าง...” วทนิกาพูดไปแล้วทำหน้าครุ่นคิดออกมา เพราะเขาเจ้าเล่ห์ขนาดนั้น เธอจะรับมือกับเขาได้ไหมนะ “แกจัดการได้แน่นอน ไม่ต้องคิดมาก...” พัชราพูดบอกไปก็จับมือของเพื่อนสาวไว้แล้วมองสบตากันแบบปลอบใจ ด้านวทนิกาก็ทำหน้าฝืนยิ้มให้เพื่อนสาวไป เพราะสถานการณ์นี้มันแก้ไขไม่ได้แล้วจริงๆ คนที่มีอิทธิพลอย่างเขาเธอจะสู้ก็คงไม่ไหว คนเจ้าเลห์แบบนั้นคงไม่ยอมให้เธอเสีบเปรียบง่ายๆหรอก เพราะเธออ่านสัญญาในตอนที่กลับมาแล้ว และเขาก็ดักทางเธอทุกทางเลยไม่ว่าจะฟ้องร้องหรือแจ้งตำรวจ เขาก็ล้วนถูกหมด เพราะเธอรับเงินจากเขามาแล้วและยังเซ็นสัญญากับเขาอีก ดังนั้นเธอก็ต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมในครั้งนี้ของเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD