5. สัญญาทาส

3162 Words
ณ บ้านของวทนิกาและพัชรา “อะไรนะยัยเนย นี่แกเซ็นสัญญาเป็นนักเขียนให้บริษัทไปแล้วเหรอ ไหนแกบอกว่าแกจะเป็นนักเขียนอิสระไง...แล้วนี่แกไปเซ็นให้บริษัทไหนหึ” พัชราพอรู้ว่าเพื่อนสาวเซ็นสัญญาไปแล้วก็ตกใจ แล้วรีบถามไปทันที “แกจะตกใจอะไรเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย ฉันก็เซ็นสัญญากับบริษัทที่เป็นเจ้าของเว็บนิยายที่ฉันลงไปนี่แหละ เพราะเขาให้ข้อเสนอมาเริดมาก ถ้าฉันปฎิเสธนี่สิ ฉันจะกลายเป็นคนโง่ทันทีเลย” วทนิกาบอกไปแล้วยิ้มออกมา เพราะเงินสิบล้านกำลังจะลอยเข้ากระเป๋าเธอแล้ว “เริดยังไงยะถึงทำให้คนที่อยากจะเป็นนักเขียนอิสระอย่างแกยอมเข้าไปเป็นนักเขียนให้เขาชี้นิ้วสั่งงานน่ะ...ไหนบอกมาสิจ้ะ” พันชราพูดไปด้วยสีหน้ากวนๆใส่เพื่อนสาว “ก็บริษัทให้เซ็นสัญญาเป็นนักเขียนในบริษัทห้าปี แลกกับเงินค่าเซ็นสิบล้านบาทที่จะโอนเข้ามาในบัญชีของฉันตอนหนึ่งทุ่มนี้แหละจ้ะเพื่อนรัก แล้วยังไม่หมดแค่นั้นนะ เขายังให้เงินเดือนฉันอีกเดือนล่ะแสนเลย แกว่าแบบนี้ฉันจะไม่เซ็นได้ยังไงอ่ะ เงินก้อนโตลอยอยู่ตรงหน้าขนาดนี้แล้ว” วทนิกาพูดบอกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดีใจ “สิบล้าน...แลกกับสัญญาแค่ห้าปีเนี่ยนะ นี่บริษัทเขาใจปล้ำให้แกเยอะขนาดนี้เลยเหรอ...” พัชราพูดไปแบบอึ้งเพราะมนเยอะมากจริงๆเมื่อเทียบกับห้าปีที่เพื่อนสาวจะต้องทำงานให้ทางบริษัทน่ะ “ก็เออน่ะสิ...ฉันเซ็นไปแล้วด้วยนะแก ตอนนี้แกกับฉันจะสบายกันแล้วนะ ถ้าฉันได้เงินมา ฉันจะไปซื้อตึกนี้ทันทีเลย” วทนิกาพูดไปด้วยรอยยิ้ม “ก่อนที่จะไปซื้อตึกน่ะ แกตอบฉันก่อนว่าในสัญญาเขาเอาเปรียบอะไรแกไหม ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะใจดียื่นเงินสิบล้านให้แกง่ายๆแบบนั้น ไหนเอาสัญญาที่แกเซ็นมาให้ฉันดูหน่อยสิ” พัชราพูดไปแล้วยื่นมือให้เพื่อนสาวทันที “อ่อ คุณสารินเขายังไม่ได้ให้สัญญาฉันมาอ่ะ เขาบอกว่าเขาจะเอาให้ฉันตอนที่ฉันไปเริ่มทำงานวันแรกอ่ะ...แต่ช่างสัญญาเถอะแก แค่ห้าปีเอง แปปเดียวเท่านั้นแหละ ฉันเอาอยู่...ต่อให้จะหนักแค่ไหนก็เถอะ” วทนิกาบอกไปแบบไม่คิดอะไร เพราะเทียบกับเงินที่ได้มันก็คุ้มค่าเหนื่อยแล้วล่ะ “อืม...ไหวก็ไหว...เอาที่แกสบายใจก็แล้วกัน” พัชราพยักหน้ายอมๆไป เพราะถ้าเพื่อนสาวได้เงินมาจริงนี่เหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่งเลยนะ “ติ้งๆ....แก เงินเข้าแล้วอ่ะ....สิบล้าน.....แกดูสิ สิบล้านอ่ะแก....เรารวยกันแล้วแก....เย้....” วทนิกาได้ยินเสียงข้อความแจ้งเตือนเธอก็รีบเปิดเข้าไปทันที ก่อนจะเห็นจำนวนเงินที่โอนเข้ามา เธอก็มองตาโตเลยทีเดียว ก่อนจะโชว์ให้เพื่อนสาวดูด้วยความดีใจ “เย้...ดีใจด้วยนะแก....แกได้กลายเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืนแล้วอ่ะ....” พัชราเห็นก็มองต่างอึ้งๆแล้วก็ร้องดีใจไปกับเพื่อนสาวทันที เพราะตอนแรกก็นึกว่าเพื่อนสาวจะโดนหลอก แต่พอเห็นเงินเข้ามาจริงๆแล้วเธอก็ร้องกรี๊ดดีใจกับเพื่อนสาวเลยทันที จากนั้นสองสาวก็ไปซื้อเครื่องดื่มมาฉลองกันสองคนอย่างดีใจกับชีวิตที่กำลังจะดีขึ้นเพราะเงินสิบล้านที่วทนิกาได้รับมา ณ คอนโดของแดนเทพ พอแดนเทพรู้ว่าตอนนี้สารินได้ดำเนินการเซ็นสัญญากับนักเขียนสาวแล้วมันก็ทำให้เขานั้นอารมณ์ดีมากๆ เพราะความสนุกของเขากำลังจะเริ่มขึ้นมาแล้ว เขาก็ยืนจิบไวน์ด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์แบบสุดๆ “คุณแดนจะทำแบบนี้จริงๆเหรอครับ...สัญญานี้มันโหดไปไหมครับ มันไม่ต่างอะไรกับเอาเขามาเป็นนางบำเรอเลยนะครับนาย....ผมรู้สึกเหมือนผมทำบาปยังไงก็ไม่รู้...” สารินเอ่ยพูดออกไปอย่างอดไม่ได้ เพราะถ้าอ่านสัญญาหน้าหลังๆดีๆ นี่เท่ากับว่าวทนิกาเซ็นสัญญามาเป็นนางบำเรอให้เจ้านายของเขาเลยก็ว่าได้ “สัญญาฉันก็ระบุชัดเจนแล้ว แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ยอมเซ็นด้วยตัวเองไม่ได้มีการบังคับ มันจะบาปอะไรหึ...อีกอย่างฉันก็ให้เงินเขาตั้งสิบล้าน นายคิดว่าฉันเอาเปรียบเขางั้นเหรอ...” แดนเทพพูดไป เพราะเขายอมทุ่มเงินตั้งสิบล้านเพื่อตัวเธอโดยเฉพาะเลยนะ “ก็ไม่ครับ แต่เขาไม่รู้ว่าจะสัญญาทาสแบบนี้ด้วยนิครับ ผมว่าเอาจริงๆเขาไม่ยอมเจ้านายแน่ๆเลยครับ” สารินพูดไป “ไม่ยอมแล้วยังไงล่ะ เขาก็ต้องเสียเงินค่าปรับตามสัญญาไง นายคิดว่าอย่างฉันจะปล่อยให้เนื้อหลุดออกจากปากหรือไง....เนื้อเข้าปากเสือแล้ว ฉันก็กินอย่างเดียว ไม่คาย....นายเข้าใจไหมสาริน” แดนเทพพูดไปด้วยสีหน้ายิ้มร้ายๆ “เข้าใจครับ...งั้นคุณแดนก็ช่วยใจดีกับเขาหน่อยก็แล้วกันครับ...” สารินพูดบอกไป เพราะเจ้านายของเขาร้ายกาจขนาดนี้ เขาล่ะสงสารวทนิกาจริงๆ เธอจะมาสวยถูกใจเจ้านายของเขาทำไมกันนะ คิดไปแล้วมันก็คราวซวยของเธอจริงๆ “อืม...มันก็อยู่ที่เขา จะทำให้ฉันใจดีด้วยแค่ไหน...” แดนเทพตอบไปก็จิบไวน์ต่ออย่างอารมณ์ดี “คุณแดนคะ นินาเตรียมน้ำอุ่นๆให้คุณแดนเรียบร้อยแล้วค่ะ....” เสียงของนางแบบสาวพูดขึ้นพร้อมกับร่างบางที่เดินใส่ผ้าคลุมออกมา “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ...” สารินหันไปมองก็รู้แล้วว่าตอนนี้เขาควรจะออกไปได้แล้ว เขาก็พูดบอกเจ้านายไป ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพักของเจ้านายทันที “เดี๋ยวนินาช่วยคุณแดนถอดชุดนะคะ....” นางแบบสาวพูดไปก็เข้าไปเอามือโอบรอบคอของชายหนุ่ม แล้วเธอก็ส่งสายตายั่วยวนเขาไป แล้วก็ค่อยๆไล้มือลงมาแกะกระดุมเสื้อของเขาออกทีล่ะเม็ดอย่างช้าๆ แดนเทพก็มองการกระทำที่ยั่วยวนของหญิงสาวแล้วก็ยิ้มมุมปากออกมา เพราะสำหรับเขานั้นมันเป็นอะไรที่ธรรมดาแล้วไร้ความตื่นเต้นมาก เพราะพวกเธอนั้นยอมขึ้นเตียงกับเขาก็เพราะเงินของเขาทั้งนั้น ทำให้เธอและผู้หญิงคนอื่นๆนั้นเอาใจเขา จนมันกลายเป็นความน่าเบื่อ “อืม...นั่งคุกเข่าลงไป...” แดนเทพก็ตอบไปสั้นๆแค่นั้น เพราะตอนนี้สำหรับเขามันก็แค่การปลดปล่อยความต้องการแค่นั้น พอหญิงสาวนั่งคุกเข่าลงแล้วเธอก็ปลดกางเกงของเขาแล้วเอาท่อนเอ็นใหญ่อวบอิ่มของเขาออกมา แล้วเธอก็จัดการดูดเลียท่อนเอ็นให้เขาทันที แดนเทพก็ยืนกัดฟันอย่างเสียวซ่าน เพราะเขาต้องให้อมให้เขาก่อนเขาถึงจะมีอารมณ์ขึ้นมา เพราะผู้หญิงพวกนี้เอาแต่เอาใจเขา ทำให้เขานั้นรู้สึกไม่ได้มีความต้องการใดๆ เขาจึงต้องให้เล้าโลมท่อนเอ็นของเขาให้มีอารมณ์ซะก่อน เขาถึงจะมอบเซ็กส์ที่เผ็ดร้อนให้กับพวกเธอได้ พอท่อนเอ็นของแดนเทพเริ่มแข็งตัวขึ้นมาแล้ว หญิงสาวก็พาแดนเทพเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ แล้วเธอก็ปรนเปรอให้กับเศรษฐีหนุ่มไปอย่างร้อนแรง เพราะถ้าเธอทำให้เขาถูกใจเธอก็จะได้เงินจากเขาเพิ่มอีก ดังนั้นผู้หญิงทุกคนที่ถูกแม่เล้าส่งมาขึ้นเตียงกับเขานั้นต่างก็รู้กันดีว่านั้นมีความต้องการมากแค่ไหน ถ้าทำให้เขาถึงใจ เงินของเขาก็ถึงเช่นกัน เช้าวันใหม่ วทนิกาก็เอาเงินไปซื้อตึกที่เธออยู่ด้วยเงินหกล้านบาท แล้วก็ซื้อรถใหม่ป้ายแดงไว้ใช้กับเพื่อนสาวจะได้ไม่ต้องลำบากเวลาไปไหนมาไหน จากนั้นเธอก็เอาเงินหนึ่งแสนบาทไปให้กับเจ้นุก เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องมาเป็นนางแบบตามที่ตกลงกับเจ้นุกเอาไว้ “นี่เราไปหาเงินจากไหนมาเร็วขนาดนี้หึ เจ้พึ่งจะเอารูปเราขึ้นเป็นนางแบบเองนะเนย....” นุกกี้พูดไปด้วยสีหน้าเสียดาย “พอดีเนยได้งานใหม่น่ะค่ะแล้วเจ้านายเขาก็ให้ค่าเซ็นสัญญามาแล้ว เนยก็เลยคิดว่าใช้เงินคืนเจนุกดีกว่า ส่วนรูปที่เนยถ่ายไปก็ไม่เป็นไรค่ะ เจ้นุกเอาไปใช้ได้เลยค่ะ เนยไม่ว่า...” วทนิกาพูดบอกไป เพราะเธอรู้ว่าเจ้นุกหมายถึงอะไร “จริงเหรอ หื้อ ขอบใจนะจ้ะ เรานี่นะน่ารักจริงๆเลย ขอให้รวยๆปังๆไปอีกนะจ้ะ” นุกกี้พูดด้วยเสียงดีใจ เพราะเธอเองก็ไม่ต้องไปลงทุนถ่ายใหม่เลย “ขอบคุณค่ะเจ้ ส่วนเงินที่ยัยแพทติดเจ้ไว้ นี่ค่ะ เนยจ่ายให้เองค่ะ...ขอบคุณเจ้นุกมากเลยนะคะที่ให้ความช่วยเหลือเราสองคนน่ะค่ะ” วทนิกาพูดไปก็ยื่นซองสีน้ำตาลให้เจ้นุกไปอีกซอง เพราะนี่เป็นเงินที่พัชรายืมมาหมุนในร้าน “เห้ยแก เงินนี่เดี๋ยวฉันจ่ายให้เจนุกเอง แกไม่ต้องหรอก...เอาคืนไปเลย...” พัชราหยิบซองเงินมาแล้วส่งกลับคืนให้เพื่อนสาวทันที “ไม่เป็นไรแก เงินที่แกยืมมาก็มาหมุนในร้านทั้งนั้น ฉันเป็นหุ้นส่วนก็ต้องช่วยแกรับผิดชอบสิ แกก็เหมือนคนในครอบครัวของฉัน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ฉันจัดการเอง...นี่ค่ะเจ้ รับไว้นะคะ” วทนิกาพูดไปก็เอาซองเงินยื่นให้เจ้นุกไป “ไม่ต้องคืนหรอก เงินนั้นน่ะเจ้ให้แพทแล้ว เอาไปเถอะ ไม่ต้องใช้คืนหรอก” นุกกี้พูดไปแล้วดันถึงเงินคืนไป “ไม่ได้ค่ะเจ้ แพทยืมก็คือยืม ยังไงแพทก็ต้องใช้คืนเจ้นะคะ” พัชราบอกไปแล้วมองนุกกี้อย่างจดจ้อง เพราะเธอไม่อยากจะเป็นภาระให้กับเจ้นุกบ่อยๆ “รับไว้เถอะนะคะเจ้ อย่าทำให้พวกเราเสียความตั้งใจเลยนะคะ” วทนิกาพูดไปก็ดันเงินกลับไปอีกครั้ง “โอเค งั้นเจ้จะรับไว้ก็แล้วกัน...ต่อไปมีอะไรให้เจ้ช่วยก็บอกเลยนะ ” นุกกี้พูดบอกไปอย่างเอ็นดูเด็กทั้งสอง เพราะรักใคร่และช่วยเหลือกันและกันจนเธออดที่จะอิจฉาไม่ได้ที่ทั้งสองมีมิตรภาพให้กันแบบนี้ “ค่ะเจ้ ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ เพราะเจ้น่ะเป็นที่พึ่งเดียวของเราในเมืองกรุงนี่แล้วล่ะค่ะ ฮ่าๆ...” พัชราพูดไป เพราะพวกเธอก็ไม่ได้มีใครให้ความช่วยเหลือได้ นอกจากเพื่อนรุ่นพี่คนนี้แล้ว นุกกี้ได้ยินแบบนั้นแล้วก็ยิ้มส่ายหน้าไปด้วยรอยยิ้ม เพราะพัชราคือน้องสาวของอดีตคนรักของเขาที่ตายไป ดังนั้นเขาจะไม่ช่วยเหลือน้องสาวคนเดียวของคนรักของเขาได้ยังไงล่ะ เขาอยากจะทำหน้านี้พี่ชายแทนคนรักของเขา หลายวันผ่านไป... และแล้วเช้าวันจันทร์ก็มาถึง เจนลดาก็แต่งตัวอย่างสุภาพด้วยชุดสูทสีดำและกระโปรงทรงเอเหมือนๆกับคนที่มาสมัครงานทั่วไป เพราะเธอคิดว่าทำงานวันแรกเธอก็น่าจะแต่งตัวมาประมาณนี้ จะได้ไม่ถูกว่าเอาได้ แต่พอเธอเดินเข้ามาไม่ทันไร เธอก็รู้สึกเหมือนกับว่าเธอถูกใครหลายๆคนเพ่งมอง จนเธอนั้นรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที “อ่าวน้องเนย พี่ก็ว่าอยู่ว่าใครมายืนสวยอยู่ตรงนี้ ที่แท้ก็น้องเนยนี่เอง ออร่าความสวยนี่ยังพุ่งเหมือนเดิมเลยนะเราน่ะ...แล้วนี่มาทำอะไรที่นี่จ้ะ...” โรสลินบรรณาธการที่คอยดูแลผลงานให้กับวทนิกานั้นเอ่ยทักทายเมื่อเจอหญิงสาวหน้าบริษัท “อ่อพี่โรส สวัสดีค่ะ... พอดีเนยเซ็นสัญญาเป็นนักเขียนให้กับบริษัทแล้วน่ะค่ะ แล้ววันนี้คุณสารินก็นัดให้เนยเข้ามาทำงานน่ะค่ะพี่โรส...” วทนิกาตอบไปตามตรงแล้วยิ้มให้บรรณาธิการสาว ที่มันจะเจอกันอยู่บ่อยๆตอนที่จัดอีเว้นท์หนังสือ “หึ คุณสารินเลขาของท่านปรานงั้นเหรอ..ปกติเขาไม่ลงมายุ่งกับเรื่องพวกนี้เลยนะ แต่ช่างเถอะ เขาคงสนใจผลงานของเราล่ะมั้ง” โรสลินได้ยินแบบนั้นก็แปลกใจ เพราะหน้าที่รับนักเขียนมันไม่เกี่ยวกับสารินเลยนะ เขาเป็นเลขาส่วนตัวของท่านประธานใหญ่ เขาจะมาสนใจอะไรกับนักเขียนตัวเล็กๆทำไมกัน “ค่ะพี่โรส...อีกหน่อยเราคงเจอกันบ่อยขึ้น เพราะเนยคงกลายมาเป็นเด็กในออฟฟิศแล้วล่ะค่ะ ยังไงเนยก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ” วทนิกาพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มให้ “จ้ะ แต่นักเขียนของบริษัทส่วนใหญ่ไม่ได้เข้ามาทำงานที่นี่เป็นหลักหรอกนะ ส่วนใหญ่จะเข้ามาก็ตอนรับงานหรือประชุมน่ะ...เราไม่ได้มานั่งเป็นนักเขียนในออฟฟิศหรอกนะ...” โรสลินพูดบอกไปด้วยรอยยิ้ม “อ่าวเหรอคะ เนยคิดว่าพอเป็นนักเขียนให้บริษัทแล้วต้องมาทำงานที่นี่ทุกวันซะอีกค่ะ” วทนิกาพูดไป “ที่นี่ไม่มีแบบนั้นหรอกจ้ะ เพราะนักเขียนกว่าจะเขียนงานได้ก็ต้องใช้สมองและสมาธิเยอะมาก ท่านประธานเขาเลยให้อิสระกับพวกนักเขียนน่ะ เพราะฉะนั้นเราสบายใจได้เลยนะ...นี่จะเข้าไปพบกับคุณสาลินใช่ไหม ป่ะ เดี๋ยวพี่พาไปเอง ไม่ต้องไปติดต่อที่ประชาสัมพันธ์หรอก” โรสลินพูดอธิบายบอกไป แล้วก็อาสาพาเธอไปหาสาริน “อ่อ ขอบคุณค่ะพี่โรส...” วทนิกายิ้มให้ไปแล้วเธอก็เดินตามโรสลินเข้าไปในบริษัท ก่อนจะขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นยี่สิบกว่า “กริ้งๆ....กริ้งๆ....ฮัลโหลว่าไง....ห้ะ ได้ๆ เดี๋ยวฉันจะรีบไป...” โรสลินรับสายแล้วพูดไปด้วยเสียงตกใจ จนทำหน้าวทนิกานั้นมองอย่างตกใจเช่นกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น “อ่อ น้องเนย พอดีที่แผนกของพี่มีเรื่องด่วนน่ะ เดี๋ยวน้องเนยขึ้นไปที่ชั้นยี่สิบเอ็ดนะ แล้วแจ้งกับเคาน์เตอร์ด้านหน้า แล้วเขาจะพาเราไปหาคุณสารินเอง...” โรสลินพูดอธิบายไป แล้วเธอก็กดชั้นสิบหกทันที “ค่ะพี่โรส ไม่เป็นไรค่ะเนยไปเองก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่โรส...” วทนิกาก็พยักหน้าเข้าใจแล้วเธอก็พูดตอบไปทันที “แล้วเจอกันนะจ้ะ...” โรสลินพูดไปก็เดินออกจาลิฟต์ไปทันทีที่ลิฟต์เปิดประตูที่ชั้นของเธอ ทำให้วทนิกานั้นมองตามแล้วก็ยิ้มอ่อนๆออกมา เพราะถือว่าเธอโชคดีนะที่ยังพอมีคนรู้จักทำงานที่นี่บ้าง อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ตัวคนเดียว จากนั้นก็ถึงชั้นยี่สิบเอ็ดวทนิกาก็เดินออกมาแล้วแจ้งพนักงานที่อยู่หน้าเค้าน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ แล้วพนักงานก็ให้เธอนั่งรอสักครู่ สักพักสารินก็เดินออกมา “สวัสดีครับคุณเนย ขอโทษที่ให้รอนะครับ พอดีผมพึ่งเอากาแฟไปให้ท่านประธานมาน่ะครับ” สารินเดินเข้ามาทักทายแล้วมองหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม เพราะไม่ว่าเธอจะใส่ชุดไหนก็ดูสวยมีเสน่ห์ไปหมดเลย “สวัสดีค่ะคุณสาริน ไม่เป็นไรค่ะ เนยเข้าใจ” วทนิกาตอบไปแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “งั้นเชิญตามผมมาเลยครับ ท่านปรานกำลังรอเจอคุณเนยอยู่ครับ” สารินพูดบอกไปแล้วเขาก็ผายมือเชิญเธอให้ไปกับเขา “คะ..? เนยต้องเจอกับท่านประธานด้วยเหรอคะคุณสาริน...” วทนิกาเอ่ยถามไปอย่างสงสัย เพราะรับนักเขียนเข้ามาแค่นี้ ต้องถึงขั้นเจอกับท่านประธานบริษัทเลยเหรอ “ต้องเจอสิครับ เพราะงานนิยายที่คุณเนยจะเขียนน่ะ ท่านะประธานจะเป็นคนให้พล็อตเรื่องเองครับ เดี๋ยวเราไปคุยรายละเอียดกันที่ห้องท่านประธานดีกว่าครับ” สารินพูดบอกไป “อ่อค่ะ...” วทนิกาก็พยักหน้าเข้าใจแล้วเธอก็เดินตามสารินไปทันที จนกระทั่งเธอเดินผ่านห้องผู้บริหารที่มีป้ายแขวนไว้หน้าประตู เธอก็รู้เลยว่าชั้นนี้เป็นชั้นของพวกผู้บริหารโดยเฉพาะแน่ๆ พอถึงหน้าห้องทำงานของท่านประธานก็เป็นเหมือนล็อบบี้กว้างๆที่มีโต๊ะทำงานของสารินอยู่ แล้วสารินก็เดินไปเปิดประตูห้องทำงานของท่านประธานแล้วส่งสัญญาณให้เธอนั้นเข้าไป วทนิกาก็เดินเข้าไปแบบนิ่งๆแล้วเธอก็เห็นถึงความกว้างขวางของห้องนี้ ซึ่งมันใหญ่มากๆแล้วก็ยังมีวิวเมืองให้ดูอีกต่างหาก พอเธอเดินเข้าไปก็เห็นโต๊ะทำงานของท่านประธาน พร้อมกับป้ายชื่อว่าแดนเทพ เธอก็ตาเบิกกว้างเลยทันที เพราะเธอจำได้ว่าผู้ชายที่เธอชนนั้นชื่อแดนเทพ หรือว่าจะเป็นเขา.... “สวัสดีคุณวทนิกา....เราเจอกันอีกจนได้นะครับ...” แดนเทพหมุนเก้าอี้กลับมาด้วยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยทักทายเธอออกไปแล้วเขาก็จบกาแฟอย่างชิวๆต่อหน้าเธอ วทนิกาพอเห็นหน้าหล่อของเขาก็อึ้งไปเลย เพราะตอนที่เธอรับงานนี้ เธอคิดว่าเธอคงไม่ได้มาเจอเขาเพราะเธอก็เป็นนักเขียนตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น คงไม่ได้เจอกับท่านประธานอย่างเขาแน่ แต่ใครจะไปคิดล่ะว่างานของเธอกลับต้องเจอเขา....แล้วเขาหล่อขนาดนี้ เธอจะมีสมาธิทำงานไหมล่ะเนี่ย..วทนิการคิดในใจไปแบบหนักใจเลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD