ลูกค้า

1310 Words
วันต่อมา 16 : 45 น. ฟุ่บ! ฉันทิ้งตัวลงบนที่นอนขนาดห้าฟุตอย่างหมดแรง เรื่องเรียนไม่เป็นปัญหาแม้ว่าฉันจะเรียนอยู่ปีสุดท้าย แต่เรื่องที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยหลังจากเลิกเรียนม นั่นก็คือเรื่องค่ารักษาของยาย เมื่อวานหมอแจ้งค่าใช้จ่ายมาแล้ว มันมากกว่าที่คุยกันไว้ เพราะค่าพยาบาลพิเศษ ที่ฉันจ้างมาดูแลยายช่วงที่พักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล และอาจจะต้องจ้างมาดูแลต่อที่บ้าน เพราะช่วงนี้ฉันยุ่งอยู่กับการเรียน ต้องทำงานส่งอาจารย์ด้วย ไม่มีเวลาว่างพอให้ดูแลยายเอง เมื่อไม่กล้าที่จะขออัพราคาจากลูกค้าเพิ่ม และไม่มีเวลาว่างพอให้ไปหาลูกค้าคนใหม่ ฉันจึงตัดสินใจลุกไปอาบน้ำ ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานกว่าปกติ ขัดผิวที่มันเริ่มหยาบกร้านเพราะขาดการดูแลออก เมื่อผิวพรรณพร้อมออกไปข้างนอก ก็ออกมาเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ เสื้อผ้าในตู้ที่ดูดีและราคาแพงที่สุด เป็นเสื้อผ้าที่ฉันเฉียดเงินจากการทำงานซื้อมา จุดประสงค์ก็เพื่อต่อยอดในการรับงาน เป็นเด็กเอ็นฯต้องสวย และการแต่งตัว ก็สำคัญไม่น้อยไปกว่าหน้าตานักหรอก ฉันเลือกสวมชุดเซ็ตคู่กัน ด้านบนเป็นเสื้อแบบเกาะอก ด้านล่างเป็นกระโปรงรัดรูปสีขาว ความยาวของมันเลยเข่าขึ้นมา จึงหยิบเสื้อคลุมที่มันยาวมากๆ เอาไว้ใส่ปิดทับตอนออกเดินทางไปสถานที่นัดหมาย เพราะแต่งหน้าจนชำนาญแล้ว ขั้นตอนนี้ฉันจึงเสียเวลาไปแค่สิบนาทีเท่านั้น แต่ก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจ ต้องเช็คอีกสองรอบถึงจะกล้าออกจากบ้าน 18 : 30 น. @ Iconsiam บ้านเช่าที่อาศัยอยู่ กับสถานที่นัดหมายอยู่ไกลกันมาก ฉันมาถึงห้างที่มีชื่อว่า Iconsiam ตอนใกล้ถึงเวลานัดกับลูกค้า ลงจากรถได้ก็รีบไลน์ไปบอกเขาว่ามาถึงแล้ว เขาบอกให้ฉันเข้าไปด้านในได้เลย เพราะเขาเองก็มาถึงแล้วเหมือนกัน ไลน์ FR : รออยู่ที่โรงหนัง ซื้อตั๋วก่อนแล้วค่อยกินข้าว หรือจะกินข้าวก่อนแล้วค่อยดู K : ยังไงก็ได้ค่ะ กำลังขึ้นไป ฉันพยายามไม่สนใจสายตาที่มองมา ตอนนี้ฉันดึงดูดสายตาผู้คนมาก และมันต่างจากตอนอยู่มหาวิทยาลัยที่ฉันไร้ตัวตนสุดๆ พอเป็นเป้าสายตาก็ไม่ค่อยชิน รู้สึกประหม่ามากๆเลย ฉันหยุดฝีเท้าทันทีที่เดินมาถึงโซนของโรงหนัง ผู้ชายคนหนึ่งดึงดูดสายตาจนฉันต้องหยุดเดิน ส่วนสูงที่คาดคะเนคร่าวๆว่าไม่ต่ำกว่าร้อยเก้าสิบ ไม่ดึงดูดสายตาเท่ารูปหน้าหล่อเหลา และบรรยากาศบางอย่างที่ให้ความรู้สึกลึกลับ น่าค้นหา ตึกตัก! ตึกตัก! หัวใจฉันเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งตอนที่ดวงตาคู่นั้นจ้องมองมา ยิ่งมีความรู้สึก ร้อนๆ หนาวๆ ราวกับจะเป็นไข้ ดวงตาคมหรี่ลงนิดๆ เหมือนจะเห็นว่ามุมปากขยับเป็นรอยยิ้มด้วย ฉันจึงหมุนตัวไปมองด้านหลังว่าเขายิ้มให้ใคร แต่กลับไม่มีใครอยู่ด้านหลังฉันเลย เขายิ้มให้ฉัน? “จะยืนเอ๋ออีกนานไหม?” “คะ?” พรึ่บ! เขาคนนั้นเดินมาหยุดตรงหน้า ชูหน้าจอโทรศัพท์ ที่ด้านในมีข้อความการสนธนาระหว่างฉันกับผู้ชายคนหนึ่งให้ดู ฉันพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะมองจ้องเขาตาค้าง ราวกับไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่ต้องกินข้าวด้วยวันนี้ “ศึกษาข้อมูลลูกค้าบ้างก็ดีนะ” เขาตำหนิเสียงห้วน “คะ ขอโทษค่ะ” ฉันขอโทษเขาเสียงเบา ก็รู้สึกดีใจอยู่หรอกที่ได้คนหล่อแบบเขาเป็นลูกค้า แต่อีกใจหนึ่งก็นึกเสียดาย เขาเป็นผู้ชายคนแรกเลยที่ทำให้ฉันใจเต้นแรงได้ขนาดนี้ แต่ผู้หญิงแบบฉัน คงไม่มีสิทธิ์รู้สึกอะไรแบบนั้นกับใคร แต่ก็นะ เสียดายจัง! “ไปกันเถอะ อยากดูเรื่องอะไรเป็นพิเศษไหม?” เขาเดินนำฉันไป ระยะก้าวของเขาไม่กว้างมาก เหมือนรอฉันอยู่ในที ฉันตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้ว ไม่เพียงแค่เครียดเรื่องยาย ยังเครียดเรื่องลูกค้ารายใหม่ที่ฉันไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาอีก “นี่! ถาม! ไม่ได้ยินเหรอ?” คนตัวสูงเกือบร้อยเก้าสิบ โน้มใบหน้าลงมาอย่างรวดเร็วและถามอยู่ใกล้ๆหู ฉันเงยใบหน้าขึ้นไปมอง พยายามใช้ประสบการณ์ที่มีมาหลายปีเข้ามาช่วย แต่มันไม่ได้ผลเลย ฉันเพิ่งจะเคยหลบตาผู้ชายเป็นครั้งแรก “เห้อ! น่าเบื่อกว่าที่คิดนะ เห็นเพื่อนมันเล่าว่าเฟรนด์ลี่ออก ทำไมเป็นงี้ล่ะ?” “คือ แค่รู้สึกเครียดนิดหน่อยค่ะ” “อืม แล้วสรุปจะดูอะไร?” “ดูเรื่องที่อยากดูได้เลยค่ะ” “ตัดค่ะออกได้ไหม ฟังแล้วรู้สึกหงุดหงิด!” “อ่า!” “ดูเรื่องนี้นะ” “อื้อ” ใบหน้าหล่อเหลาเบือนหนีไปทันทีเมื่อได้คำตอบ ฉันใช้ช่วงเวลาที่เขาคุยกับพนักงานของโรงหนัง แอบมองเพื่อสำรวจการแต่งกาย เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าจริงๆ ไม่เพียงแค่หน้าตาดีเท่านั้นฐานะก็คงจะดีไม่น้อยเลย เสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่ ล้วนเป็นของแบรนด์ดังทั้งนั้น เครื่องประดับอย่างนาฬิกาและเข็มขัดก็ด้วย “มองอะไร?” “อ่ะ ปะเปล่า!” “หนังฉายสองทุ่มสิบห้า ไปกินข้าวก่อนแล้วกัน” “อื้อ” คนตัวโตเดินนำ ฉันเดินตามเขาไปช้าๆ รู้สึกอิจฉาเขามาก ฉันกินนมฟรีที่ทางโรงเรียนแจกมาจนถึงประถมปีสุดท้าย ยังสูงได้แค่ 168 เองอะ อิจฉาความสูงของเขาชะมัดเลย พรึ่บ! “จับมือได้ใช่ไหม?” “อื้อ ก็จับได้แหละ” “ทำอะไรได้บ้าง?” “คะ? เอ่อก็ ถ้าตามราคา ก็ได้แค่ฟิลแฟนละมั้ง” “แล้วถ้าจ่ายเพิ่ม?” เพราะเขาก้มลงมากระซิบใกล้ๆ หรือเพราะคำถามของเขาก็ไม่รู้ ที่มันทำให้ขนอ่อนในกายฉันลุกไปทั้งตัว ใบหน้าที่ไม่มีแววล้อเล่นของเขา ทำให้ฉันกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ “นั่นก็อยู่ที่ว่า คุณจ่ายได้เท่าไหร่” “ถ้าเอา เธอคิดเท่าไหร่?” ฉันเงยหน้ามองเขาทันที แววตาที่เคยมองเขาอย่างชื่นชม ตอนนี้เจือความไม่พอใจ ถึงฉันจะรับงานเป็นเด็กเอ็นเตอร์เทนมานานหลายปี แต่ฉันไม่เคยรับงานแบบนั้นเลย ฉันรับแค่งานกินข้าว ดูหนัง อยู่เป็นเพื่อน และเอ็นเตอร์เทนให้ลูกค้าผ่อนคลาย ยังไม่เคยมีอะไรกับใครเลยสักคน แต่เขาไม่ผิดหรอก เขามีสิทธิ์ที่จะถามเหมือนคนอื่นๆ แม้ฉันจะไม่ชอบใจ แต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี “ไม่รับค่ะ” “แน่ใจ?” “ค่ะ” “หึ! แล้วเธอจะเปลี่ยนใจ” คนตัวโตทำสีหน้าแปลกๆ คว้าข้อมือฉันไปกำไว้ ออกแรงบังคับให้ไปเดินอยู่ข้างๆ เมื่อฉันดิ้นหนีเพราะไม่พอใจ เขาก็คลายมือออก แล้วใช้มันโอบไหล่ฉันแทน “เป็นอะไร?” “เปล่าค่ะ!” ฉันตอบเสียงกระชากเล็กน้อย เพราะไม่พอใจที่เขาพูดแบบนั้น สีหน้าเขาก็ดูมั่นใจเหลือเกิน ราวกับรู้จักฉันดีงั้นแหละ เออ! ยอมรับแหละว่าตอนแรกจะตอบตกลง ก็ฉันต้องใช้เงินนี่นา อะไรที่มันสามารถทำให้หาเงินได้ นาทีนี้ฉันเอาหมดแหละ ขนาดคิดจะขายอวัยวะในร่างกายยังเคยคิดเลย ทำไมกับอีแค่ขายตัวให้ใครสักคน ฉันจะไม่คิดล่ะ แต่มันก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี เพราะแบบนั้นฉันจึงปฏิเสธยังไงล่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD