เงื่อนไขสัญญา

2585 Words
เช้าวันรุ่งขึ้นหญิงสาวแต่งกายด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย วันนี้เธอเตรียมตัวเข้าไปเซ็นสัญญาการว่าจ้างให้เธอเป็นแม่อุ้มบุญที่ทำงานของปรางวลัย “พี่ปราง..” “อ้าวพัทธ์! มาเร็วจัง นั่งก่อนสิ” “ค่ะ” พัทธ์ธีรารับคำแล้วนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของปรางวลัย “เมื่อวานการผ่าตัดเป็นยังไงบ้าง” “ก็ผ่านไปด้วยดีค่ะ หมอบอกว่าต้องรอให้ร่างกายและสมองของแม่ฟื้นตัว พัทก็ได้แต่รอค่ะ” “แม่ของพัทจะต้องดีขึ้น” “พัทก็หวังอย่างนั้นค่ะ” “คุณราชย์มาพอดี..” ราชันย์พยักหน้าเล็กน้อยเป็นสัญญาณให้เธอตามเขาเข้าไปในห้องทำงาน “ตามคุณราชย์เข้าไปสิพัท” “ค่ะพี่ปราง” พัทธ์ธีราก้าวตามราชันย์เข้ามาในห้องทำงานของเขา “เชิญนั่ง..” ราชันย์นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับสั่งให้หญิงสาวนั่งลง “นี่คุณบรรชา..เป็นทนายของบริษัทนี้” “สวัสดีค่ะ” พัทธ์ธีรายกมือขึ้นไหว้และกล่าวทักทายผู้อาวุโสตรงหน้า “เข้าเรื่องกันเลยก็แล้วกัน จะได้ไม่เสียเวลากับทุกฝ่าย คุณบรรชาเตรียมหนังสือสัญญามาเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” “ครับ คุณราชย์” บรรชาบอกพร้อมกับยื่นเอกสารสัญญาที่เขาจัดทำมาให้กับเจ้านาย ชายหนุ่มรับมาแล้วยื่นเอกสารชุดหนึ่งให้กับหญิงสาวก่อนที่เขาจะลุกขึ้นก้าวไปยังประตูและเปิดมันออก “คุณปราง..เขามาเป็นพยานด้วย” “ค่ะ คุณราชย์” เมื่อทุกคนเข้ามานั่งกันพร้อมแล้ว ราชันย์ก็หันไปเอ่ยกับพัทธ์ธีราเสียงเรียบ “นี่คือเงื่อนไขสัญญาทั้งหมด เธออ่านให้ละเอียดและเข้าใจ ถ้าเธอไม่เข้าใจตรงไหนมีข้อสงสัยจะทักท้วงหรือมีอะไรจะเสนอเพิ่มเติมก็บอกฉันมาได้” พัทธ์ธีราก้มหน้าลงอ่านเอกสารสัญญาอย่างละเอียดถี่ถ้วน 1. การอุ้มบุญครั้งนี้ ใช้วิธีการวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ นายจ้างและผู้รับจ้างอุ้มบุญหรือตั้งครรภ์ จะไม่มีความสัมพันธ์ต่อกัน 2. ผู้รับจ้างอุ้มบุญต้องมีสถานะโสด ไม่มีแฟน ไม่มีสามี ไม่มีพันธะกับบุคคลใด เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในอนาคต 3. นายจ้างและผู้รับจ้าง ต้องจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย และต้องจดทะเบียนหย่าเมื่อการอุ้มบุญเสร็จสิ้น 4. ระหว่างการอุ้มบุญหรือตั้งครรภ์ ผู้รับจ้างจะต้องอยู่ในความดูแลของนายจ้าง นายจ้างสามารถไปมาหาสู่ผู้รับจ้างได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5. เมื่อสถานะแม่อุ้มบุญสิ้นสุดลง ผู้รับจ้างไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ในตัวเด็กทุกกรณี เด็กที่เกิดมาด้วยการอุ้มบุญจะเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของนายจ้างแต่เพียงผู้เดียว 6. ถ้าผู้รับจ้างผิดข้อสัญญาข้อหนึ่งข้อใด ผู้รับจ้างจะต้องชดเชยค่าเสียหายให้กับนายจ้างเป็นเงินจำนวนสองเท่าของอัตราค่าจ้าง 7. อัตราค่าจ้างการอุ้มบุญเป็นเงินจำนวน 5,000,000.- ระหว่างการตั้งครรภ์ จะมีเงินเดือนให้นอกเหนือจากค่าจ้างอีกเดือนละ 15,000.- “เธออ่านเงื่อนไขสัญญาและข้อตกลงอย่างเข้าใจดีแล้วใช่ไหม มีอะไรจะถามหรือเปล่า” ราชันย์เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นพัทธ์ธีราเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร “ฉันต้องจดทะเบียนสมรสกับคุณด้วยเหรอคะ” “ฉันต้องการทำให้การอุ้มบุญครั้งนี้ถูกต้องตามกฎหมาย เธอไม่ต้องกังวลหรอก ฉันเตรียมใบหย่าไว้พร้อมแล้ว หลังจากเธอคลอด เราก็ไปเซ็นใบหย่าได้ทันที เธอก็รับเงินก้อนสุดท้ายไป อ๋อ..เงินจะแบ่งจ่ายให้ครั้งละ 1,000,000.- คือ..เมื่อเธอเซ็นสัญญา , ท้องไตรมาสแรก , ไตรมาสสอง , ไตรมาสสาม และเมื่อเธอเซ็นใบหย่า” “ค่ะ” “ส่วน ข้อ 4 เธอคงไม่ต้องการอยู่ร่วมบ้านกับฉัน เพราะเธออาจจะอึดอัดไม่สะดวก เพื่อเป็นความส่วนตัว ฉันจะให้เธออยู่ที่เพนเฮาส์ของฉันริมแม่น้ำเจ้าพระยา เธอติดขัดอะไรหรือเปล่า” “เปล่าค่ะ” “ข้อ 5 ข้อนี้สำคัญมาก เธอจะไม่มีสิทธิ์ในตัวเด็กทุกกรณี ในอนาคตอย่าคิดมาเรียกร้องหรือทวงสิทธิ์ความเป็นแม่ของเด็ก ฉันหวังว่าจะตกลงเข้าใจกันง่ายๆ อย่าให้เกิดปัญหายุ่งยากขึ้นในอนาคต เพราะเธอคงจะไม่มีทางที่จะชดเชยค่าเสียหายให้ฉันหรอกนะ เข้าใจไหม” “ฉันเข้าใจค่ะ” “เธอคิดให้ดี เมื่อเซ็นสัญญานี้แล้ว เธอจะเปลี่ยนใจหรือยกเลิกสัญญาไม่ได้” หญิงสาวนิ่งคิด เพื่อแม่..ท่องไว้ว่าเพื่อแม่ เธอต้องทำได้สิพัท ในที่สุดพัทธ์ธีราก็ตัดสินใจจรดปลายปากกาเซ็นชื่อยอมรับเงื่อนไขทุกอย่างในสัญญาฉบับนี้.. “ฉันต้องทำอะไรอีกบ้างคะ” “เธอไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองให้พร้อม ฉันจะให้คุณปรางนัดเธอไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง” “ค่ะ” เมื่อทุกคนเซ็นสัญญาว่าจ้างและการเป็นพยานเรียบร้อยแล้ว พัทธ์ธีราก้าวออกจากห้องมาพร้อมกับปรางวลัย “เดี๋ยวพี่ไปส่งพัทธ์ที่โรงพยาบาลนะ” “ไม่ต้องหรอกค่ะพี่ปราง พัทกลับเองสะดวก พี่ปรางทำงานต่อเถอะค่ะ ไปรับไปส่งพัทเสียเวลาเปล่าๆ รถก็ติดมากด้วย” “ไม่เป็นไรเลยจ้ะ พี่เต็มใจ และเจ้านายของพี่ก็คงอยากให้พี่ไปส่ง เราไปกันเถอะ” เมื่อทุกคนออกจากห้องทำงานของราชันย์ไปไม่นาน เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูของเขาก็ดังขึ้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะกดรับสายและกรอกเสียงเข้มๆถามออกไป “มีอะไร!” “ทำไมวะ! ถ้าไม่มีอะไร กูจะโทรหามึงไม่ได้เลยหรือไง” ภีรภาคย์ตอบกลับเพื่อนไปอย่างกวนๆ “ถ้าจะโทรมากวนบาทาก็อย่าโทร มีอะไรก็รีบว่ามา” “กูจะโทรมาถามว่ามึงหาเมียได้หรือยัง” “กูบอกแล้วว่าไม่ได้หาเมีย แค่หาแม่อุ้มบุญลูก” “เออๆ ก็เหมือนกันนั่นแหละ” “เหมือนกันตรงไหนวะ เมียก็ส่วนเมีย นี่แม่อุ้มบุญของลูก” “เออๆ อย่าให้กูรู้นะว่ามึงเอาแม่อุ้มบุญทำเมีย” “ไอ้นี่ กวนประสาทกูจริงๆ” “สรุปมึงหาได้หรือยัง” “หาได้แล้ว..” “แล้วเมียมึง เอ๊ย! แม่ของลูกมึงน่ะสวยมั้ยวะ” “ก็พอดูได้” “พอดูได้! มึงดูส่วนไหนล่ะ กูอยากดูด้วยว่าจะสวยแค่ไหน ไอ้มาตราฐานสูงแบบมึง พอดูได้นี่คงจะสวยไม่ธรรมดา” “มึงไม่ต้องมายุ่งกับเธอเลย” “แหม..ขนาดเป็นแม่อุ้มบุญมึงยังหวงขนาดนี้ ถ้าเป็นเมีย มึงจะหวงขนาดไหนวะ” “ไอ้ภีม! มึงไปให้ไกล ๆ เลย” “เออๆ ไม่ต้องมาไล่กูหรอก เดี๋ยวกูก็ย้ายกลับไปอยู่ภูเก็ตแล้ว” “นี่มึงพูดจริงหรือพูดเล่น” “กูเคยพูดเล่นที่ไหน” “มึงพูดเล่นตลอดจนกูไม่แน่ใจแล้วว่าไหนเล่น ไหนจริง” “กูจะกลับไปอาทิตย์หน้า..” “แล้วผับของมึงที่นี่ ใครดูแล มีอะไรให้กูช่วยก็บอก” “เออ ขอบใจ ผับที่นี่กูให้ไอ้เนตรลูกน้องกูดูแลต่อ มึงก็แวะเข้าไปได้เหมือนเดิม” “กูขอให้มึงโชคดี เดินทางปลอดภัย ถ้ามีโอกาสกูจะแวะไปเยี่ยม” ราชันย์วางสายจากเพื่อนแล้วหยิบแฟ้มประวัติของพัทธ์ธีราออกมาดูอีกครั้ง “ฮืมม์..จะว่าสวย ก็สวยใช้ได้นั่นแหละ” พัทธ์ธีรากลับมาจากการเซ็นสัญญา เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเธอกลับได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิตเมื่อพยาบาลออกมาบอกกับเธอว่า.. “แม่ของคุณไม่ตอบสนองต่อการรักษา ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ แม่ของคุณจากไปอย่างสงบแล้วค่ะ” หญิงสาวเหมือนหมดสิ้นทุกอย่าง ร่างบางทรุดนั่งลงบนพื้นเมื่อความเป็นจริงสิ่งที่หวังไม่ได้เป็นดั่งที่อยากให้เป็น “แม่พลอยขา..พัทขอโทษ..ที่พัทไม่สามารถช่วยยื้อชีวิตของแม่ไว้ได้” พัทธ์ธีราพยายามตั้งสติแต่เธอไม่สามารถที่ยับยั้งความเสียใจและกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ กับความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ เธอจะทำยังไงต่อไป เธอนั่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งพยาบาลมาแจ้งให้เธอไปดำเนินการตามขั้นตอนของทางโรงพยาบาล เมื่อเธอยื่นเอกสารติดต่อขอรับศพแม่ไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดใกล้บ้านเช่าเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็โทรศัพท์แจ้งให้ปรางวลัยรับรู้ ปรางวลัยรีบขับรถมาหาพัทธ์ธีราที่วัดในทันทีที่รู้ข่าวร้ายของเธอ “พัท..” “พี่ปราง..ฮือ ๆ แม่จากพัทไปแล้วค่ะ พัทช่วยแม่ไว้ไม่ได้” พัทธ์ธีราโผเข้ากอดและร้องไห้กับไหล่ของพี่สาวที่เธอเคารพ “ร้องออกมาเลยจ้ะ ระบายออกมาให้หมด พัทจะได้รู้สึกดีขึ้น” “พัทดูแลแม่ได้ไม่ดีพอ แม่ถึงด่วนจากพัทไป” “อย่าโทษตัวเอง พัททำดีที่สุดแล้วนะ แม่ของพัทไม่ต้องทนทุกข์หรือเจ็บปวดอีกแล้ว พัททำหน้าที่ลูกได้อย่างสมบูรณ์จนวาระสุดท้ายของแม่ พี่เชื่อว่าแม่รับรู้ได้” “ฮือ ๆ ” น้ำตาของเธอยังคงไหลรินไม่ขาดสาย “ตอนแม่อยู่ แม่เป็นคนที่มีรอยยิ้ม คอยมอบความสุขให้กับผู้คนรอบข้าง พัทก็ต้องให้แม่จากไปด้วยรอยยิ้มนะ ไม่ใช่น้ำตาและความโศกเศร้าเสียใจของพัท พี่เชื่อว่าแม่อยากให้พัทมีความสุข อยากเห็นรอยยิ้มของพัท” “ใช่ค่ะ แม่เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี มีแต่รอยยิ้ม พัทไม่เคยเห็นท่านโกรธใครเลย” “นั่นแหละ พี่คิดว่าแม่อยากให้พัทจดจำรอยยิ้มและความสุขของท่านไว้ แม่คงไม่อยากให้พัทจมอยู่กับความทุกข์และน้ำตา ร้องไห้เสียใจได้เป็นเรื่องปกติ แต่อย่าเฝ้าโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง เมื่อถึงเวลา ทุกคนก็ต้องจากไป นี่ก็คงเป็นเวลาของแม่แล้ว คนที่อยู่ก็ต้องลุกขึ้นดำเนินชีวิตต่อไป” “ขอบคุณนะคะพี่ปราง ที่เตือนสติพัท แม่พูดอยู่เสมอว่าพัทเป็นรอยยิ้มและความสุขของแม่ พัทก็ไม่ควรให้ท่านจากไปอย่างกังวล พัทจะพยายามเข้มแข็งให้ได้สักครึ่งหนึ่งของแม่ค่ะ” “ดีมากจ้ะ นี่กินอะไรบ้างหรือยัง” “พัทยังไม่ได้ทานตั้งแต่เที่ยงค่ะ” “งั้นเราไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่านะ” “ค่ะ พี่ปราง” ขณะที่ทั้งสองนั่งทานมื้อค่ำด้วยกัน พัทธ์ธีราก็ปรึกษาปรางวลัยเรื่องพิธีศพของแม่ เธอตั้งใจจะสวดอภิธรรมให้แม่สามวันหลังจากนั้นก็ฌาปนกิจตามพิธีเนื่องจากเธอกับแม่ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีกเลย ปรางวลัยช่วยจัดการทุกอย่างอย่างที่พัทธ์ธีราต้องการ ทั้งสองช่วยกันจัดดอกไม้หน้าหีบศพของแม่ด้วยตัวของเธอเอง เธอเลือกภาพถ่ายที่แม่ยิ้มสวยที่สุดมาวางใกล้กัน “นี่เป็นสิ่งที่พัทสามารถทำให้แม่ได้อย่างดีที่สุดเป็นครั้งสุดท้าย พัทรักแม่นะคะ” พัทธ์ธีราบอกกับภาพถ่ายแม่ของเธอ วันถัดมา พัทธ์ธีรานำเงินก้อนแรกที่เธอได้มาจากการรับจ้างอุ้มบุญไปชำระหนีกับทางโรงพยาบาลทั้งหมดเป็นเงินจำนวน 1,000,000 บาท สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่สามารถรักษาชีวิตผู้มีพระคุณเพียงคนเดียวไว้ได้ แม้ว่าแม่บุญธรรมของเธอจะจากไปแล้ว แต่เธอยังต้องรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นและเธอยังต้องทำตามสัญญาที่เธอเซ็นไปก่อนหน้านั้น ให้ดำเนินตามขั้นตอนต่อไป หลังจากทำพิธีฌาปนกิจศพ เก็บเถ้ากระดูกของแม่ไปลอยอังคาร และทำบุญอุทิศส่วนบุญให้ผู้เป็นแม่แล้วเธอก็เอ่ยถามกับปรางวลัย “พี่ปรางคะ..เรื่องสัญญา..” “อ๋อ..พี่บอกเรื่องแม่ของพัทให้คุณราชย์รู้แล้ว เขาให้พัทพักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจ เริ่มงานเมื่อไหร่ พี่จะโทรไปบอกพัทนะ” “ขอบคุณค่ะพี่ปราง” “อ้อ! คุณราชย์สั่งให้พัทยกเลิกเช่าบ้านหลังนั้น แล้วย้ายเข้าไปอยู่ที่เพนเฮาส์ตั้งแต่พรุ่งนี้ได้เลยนะ” “ค่ะ” นายจ้างของเธอ เขาก็ดีพอสมควรที่ยังให้ระยะเวลาเธอได้ทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นและเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ หญิงสาวคิดขณะที่เธอเก็บข้าวของสัมภาระของเธอที่ไม่มีอะไรมากมายนัก มีแค่เสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวกับหนังสือไม่กี่เล่ม เธอย้ายเข้ามาอยู่ในเพนเฮาส์สุดหรูของเขาที่ค่อนข้างจะกว้างขวางมากสำหรับการอยู่เพียงลำพังและความไม่คุ้นเคยของเธอ แต่เธอจะต้องปรับตัวอยู่ที่นี่ให้ได้เพราะเธอจะต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานจนกว่าเธอจะคลอดลูกให้เขา หนึ่งเดือนต่อมา..ราชันย์ก็มารับพัทธ์ธีราไปจดทะเบียนสมรส หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไปตรวจเลือด ตรวจโรคทางพันธุกรรม ตรวจร่างกาย ตรวจน้ำเชื้อ มดลูกและรังไข่ ปรับสมดุลร่างกายเตรียมความพร้อมอย่างที่หมอแนะนำ ราชันย์เลือกการอุ้มบุญด้วยการปฏิสนธินอกร่างกาย IVF หรือ การทำเด็กหลอดแก้ว เพราะการอุ้มบุญในครั้งนี้เขาต้องการ “ลูกชาย” ไว้สืบสกุล เดือนถัดมา..เขาก็มารับเธอไปโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังนั้นอีกครั้ง “ตื่นเต้นหรือเปล่า” “นิดหน่อยค่ะ” เธอตอบเขาไปอย่างนั้นทั้งที่เธอตื่นเต้นมาก ก่อนหน้านี้เธอมาพบหมอเพื่อฉีดฮอร์โมนกระตุ้นรังไข่ไปแล้ว วันนี้ไข่พร้อมเก็บ หมอจึงนัดมาทำการเจาะเก็บไข่จากรังไข่ โดยใช้เข็มดูดผ่านทางช่องคลอดเพื่อนำไข่ออกมา ส่วนเขาจะต้องเก็บอสุจิใส่ภาชนะที่หมอเตรียมให้ เพื่อนำมาคัดแยกเฉพาะอสุจิที่สมบูรณ์ ไข่จะถูกนำมาปฏิสนธิกับเชื้ออสุจิในจานเพาะเชื้อแล้วเลี้ยงตัวอ่อนในห้องปฏิบัติการต่อจนเจริญเติบโต 5 วันหลังปฏิสนธิ หมอจะย้ายตัวอ่อน คือการนำตัวอ่อนย้ายเข้าโพรงมดลูกด้วยการใส่เครื่องมือทางช่องคลอด เหมือนกับการตรวจภายใน การใส่ตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูก อาศัยเครื่องอัลตร้าซาวด์ในการบอกตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะว่างตัวอ่อนในโพรงมดลูก โดยจำนวนตัวอ่อนที่นำเข้าไปจะขึ้นอยู่กับอายุของแม่ คุณภาพของตัวอ่อน และประวัติการตั้งครรภ์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หากคุณอายุน้อยกว่า 35 ปี และตัวอ่อนแข็งแรงดี จำนวนตัวอ่อนที่นำเข้าสู่มดลูกจะไม่เกิน 2 เซลล์ และสามารถระบุเพศทารกด้วยวิธีการตรวจทางพันธุกรรมในตัวอ่อนก่อนการฝังตัว โดยแพทย์จะนำเซลล์ของตัวอ่อน 1-2 เซลล์ มาตรวจดูใต้กล้องจุลทรรศน์ว่าตัวอ่อนสมบูรณ์ดีเหมาะสมแก่การฝังตัวหรือไม่ และนำมาตรวจความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือโครโมโซม ก่อนนำเข้าสู่มดลูก ซึ่งการตรวจดังกล่าวสามารถบ่งบอกเพศของตัวอ่อนได้ หลังจากที่มีการใส่ตัวอ่อนแล้ว เธอตั้งครรภ์หรือเปล่า ลูกฝังตัวสำเร็จหรือเปล่า พัทธ์ธีราต้องรอ 14วัน ถึงจะสามารถมาเช็กฮอร์โมนของลูกได้ หมอนัดเธอให้มาตรวจฮอร์โมนทุก 3วัน ถ้าฮอร์โมนอยู่ในเกณฑ์ปกติ วันที่ 15 เธอก็สามารถเช็กได้แล้วว่ามีการตั้งครรภ์หรือเปล่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD