“ไม่ไป ไม่เอา ใจฟูไม่เรียน”
เสียงแสบแก้วหูดังทะลุขึ้นมากลางปล้อง เมื่อเด็กชายปองคุณหรือน้องใจฟู อายุห้าขวบตัวกลม ไม่ยอมไปเรียนภาษาไทยกับคุณครูที่บิดาจ้างมาสอนถึงบ้านในช่วงที่โรงเรียนกำลังปิดเทอมแรก
จอมทัพคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวสุดหล่อและเป็นประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของประเทศ อยากให้ลูกชายซึ่งเรียนอยู่ในโรงเรียนอินเตอร์อ่านเขียนภาษาไทยได้คล่อง จึงตัดสินใจจ้างคุณครูมาสอนถึงบ้านหลังงามของตระกูล
“ทำไมถึงไม่อยากเรียน ใจฟูบอกเหตุผลกับพ่อได้ไหมครับ”
คุณพ่อพยายามใช้ไม้อ่อนคุยกับลูกชายตัวแสบที่กำลังยืนกอดอกคอตั้ง หน้านิ่วคิ้วขมวด ปากน้อยคว่ำลงบ่งบอกถึงความไม่พอใจ อย่างไรก็ไม่ยอมไปเรียนเด็ดขาด
“ใจฟูจะไปทำงานกับคุณพ่อที่บริษัท ใจฟูจะไปเป็นประธานบริษัท” คำตอบเกินวัยไปมากทำให้คุณพ่อเกือบหลุดขำ เอ็นดูเจ้าลูกชายตัวกลม ความสูงยังไม่ถึงเอวพ่อเลยจะไปเป็นประธานบริษัทแล้ว ขี้คร้านพอโตขึ้นถึงเวลานั้นจริงๆ เจ้าตัวอาจไม่อยากสานต่อ
“ขอบใจมากครับลูกที่อยากช่วยแบ่งเบางานพ่อ แต่ตอนนี้หน้าที่ของลูกคือเรียน”
จอมทัพเป็นผู้ชายอ่อนโยน เวลาพูดกับลูกมักจะใช้น้ำเสียงนุ่มนวลเสมอ ต่อให้โกรธแค่ไหนน้ำเสียงก็จะอยู่ในโทนประมาณนี้ อีกอย่างเขาเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวจึงไม่เคยขัดใจลูก
“ม่ายยยย ใจฟูไม่เรียน ยังไงก็ไม่เรียน” เด็กเอาแต่ใจส่ายหน้าพรืด บอกแล้วไงวันนี้ใจฟูจะไปเป็นประธานบริษัททำงานเหมือนพ่อ แววตาจริงจังกับน้ำเสียงกระจองอแงทำให้คุณพ่ออ่อนใจ
“ทำยังไงลูกถึงยอมเรียน”
“บอกแม่ให้กลับมาหาใจฟู แล้วใจฟูจะตั้งใจเรียน”
“พ่อบอกแล้วไง แม่ของลูกอยู่ไกลยังกลับมาไม่ได้”
“งั้นใจฟูก็ไม่เรียน”
เด็กดื้อส่ายหน้าก่อนจะเอามือขึ้นมากอดอกแล้วจ้องหน้าพ่ออย่างไม่ยอมแพ้ คุณพ่อยังไม่ทำตามความต้องการของใจฟูเลย แล้วทำไมใจฟูต้องทำตามที่คุณพ่อต้องการด้วย
ตัวแสบคิดในขณะเชิดคอจ้องหน้าบิดา จอมทัพถอนหายใจเฮือก ท้ายที่สุดก็ต้องตามใจลูกชายวัยกำลังซน
“ก็ได้ครับ วันนี้ลูกไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องเรียน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่” เขาใจอ่อนเพราะไม่อยากให้ลูกชายถามถึงเรื่องมารดา ไม่อยากให้ลูกพูดถึงผู้หญิงคนนั้น คนที่ทำให้ใจฟูเกิดมาและทำให้พี่ชายของเขาต้องตาย
“เย่ ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า”
เจ้าตัวกลมยิ้มพอใจหลังจากได้ยินคำตอบ ปากน้อยฉีกยิ้มกว้าง ตาโตเท่าไข่ห่านก่อนจะหย่อนขาสั้นๆ ของตนเองลงจากเตียงนอนโดยไม่ต้องให้บิดาช่วยเหลือ
“อ้าว คุณหนูน้อยไปไหนแล้วคะคุณหนู” ป้าเจียมแม่บ้านเก่าแก่ของครอบครัวซึ่งดูแลจอมทัพมาตั้งแต่เด็ก เอ่ยถามหลังจากเดินเข้ามาในห้องแล้วไม่เห็นปองคุณ หรือคุณหนูน้อยตัวแสบ
“ไปอาบน้ำแล้วครับป้าเจียม คุณหนูน้อยของป้าเจียมจะไปทำงานกับผม ไม่ยอมเรียน”
จอมทัพส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นของลูกชาย
“ป้าจะเข้ามาบอกคุณหนูเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ” คุณแม่บ้านยิ้มแห้งกับเรื่องที่กำลังจะเอ่ย
“ทำไมครับ เกิดอะไรขึ้น” ท่านประธานหนุ่มถามกลับด้วยน้ำเสียงสงสัย
“เมื่อสักครู่คุณครูที่สอนคุณหนูน้อยโทร.มาขอลาออกค่ะ”
“ลาออก! อีกแล้วเหรอครับ”
ใช่ต้องใช้คำว่า อีกแล้ว เพราะเขาจ้างครูมาสอนลูกชายถึงสามคนแล้ว ซึ่งแต่ละคนทำงานได้ไม่เกินสองวันก็ขอลาออก เหตุเกิดจากลูกศิษย์ตัวน้อยซนเกิน ไม่ยอมนั่งนิ่งฟังครูสอน ไม่ก็ชอบถามเรื่องนอกตำราเรียนทำให้ครูหมดความอดทน
“ค่ะ เธอบอกว่ารับมือคุณหนูใจฟูไม่ไหว ดื้อเหลือเกิน”
เรื่องนี้ป้าเจียมก็รู้และเห็นใจครูไม่น้อยโดยเฉพาะคนล่าสุดที่โดนเด็กชายปองคุณกลั่นแกล้งด้วยการเอาจิ้งจกปลอมมาหลอก
“เฮ้อ งั้นป้าเจียมก็จัดการเรื่องเงินให้เขาด้วยแล้วกันครับ วันนี้ผมดูแลใจฟูเอง”
ในเมื่อไม่มีทางเลือกก็ต้องทำตามนี้ไปก่อน แต่อย่างไรลูกชายก็ต้องเรียนภาษาไทย ทุกวันนี้เด็กดื้อพูดภาษาไทยได้แต่ยังไม่รู้จักพยัญชนะ เขาอยากสอนลูกเองแต่ไม่มีเวลาเลย
“ได้ค่ะ แต่คุณหนูจะพาคุณหนูน้อยไปที่บริษัทจริงเหรอ”
“ครับ เด็กแสบอยากไปทำงาน อยากไปเป็นประธานบริษัท”
“ช่างคิด น่าเอ็นดูเหลือเกินคุณหนูน้อยของย่าเจียม”
“ผมฝากป้าเจียมดูแลด้วยนะครับ ขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน”
คุณแม่บ้านพยักหน้ารับ จอมทัพจึงเดินกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองพลางถอนหายใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับความแสบของลูกชายดี
จ้างครูมาสอนไม่ต่ำกว่าสามคนแล้ว ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน ขอลาออก สอนไม่ไหว ใจฟูดื้อเกินไป พ่ออย่างเขาก็อายครูเหมือนกัน
คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวกลับเข้ามาในห้องนอนเรียบร้อยก็รีบไปจัดการตัวเองบ้าง ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงท่านประธานรูปงามก็อยู่ในชุดพร้อมไปทำงาน
เขายังไม่ทันจะเปิดประตูเจ้าลูกชายตัวแสบก็พรวดพราดเข้ามาเสียก่อน ข้างหลังสะพายกระเป๋าพร้อมไปทำงานกับพ่อมาก
“ทำไมคุณพ่อช้าจังคับ ใจฟูพร้อมนานแล้วนะ”
ท่านประธานตัวน้อยตำหนิท่านประธานตัวจริง คุณพ่อถึงกับยิ้มขำเมื่อเห็นชุดที่ลูกชายใส่ อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ ลูกใส่สูท พ่อก็ใส่สูท ราวกับเป็นชุดคู่พ่อลูก
“ใส่สูทด้วยวันนี้ หล่อเหมือนใครเนี่ย”
“เหมือนคุณพ่อไง แต่ใจฟูหล่อกว่านิดหน่อย”
“มีขิงพ่อด้วย โอเคพ่อยอมก็ได้ งั้นเราไปกันเถอะ”
“ไปกัน Let’s go ใจฟูพร้อมแล้วคับ”
สองพ่อลูกเดินลงมาชั้นล่างเพื่อรับประทานอาหารเช้าก่อนไปทำงาน เด็กชายปองคุณยิ้มจนหน้าบานที่ได้ไปทำงานกับพ่อทำให้คนมองอมยิ้มด้วยความเอ็นดู
จอมทัพมันเขี้ยวลูกชายจึงเอื้อมมือจะไปขยี้หัวแต่โดนตัวแสบปัดออกราวกับหวงตัว
“จับไม่ได้คับคุณพ่อ” บอกพ่อเสียงขุ่น สายตายังคงมองมือบิดาด้วยความหวาดระแวง
“ทำไมครับลูก พ่อขอจับหัวนิดเดียว” จอมทัพเอ่ยถามด้วยความสงสัย ปกติลูกชายไม่เคยต่อต้านหรือว่าลูกเริ่มโตแล้ว เขาคิดในใจ
“ใจฟูจัดผมมาแล้ว ถ้าผมยุ่งก็ไม่หล่อสิ”
เหตุผลของเด็กอวบทำเอาผู้ใหญ่อึ้ง คุณพ่อหน้าเหวอไม่น้อยก่อนจะหันไปมองคุณป้าแม่บ้านกับสาวใช้อีกสองคนที่กลั้นขำเอ็นดูคุณหนูน้อย
“คุณหนูน้อยของย่าเจียม ถึงผมยุ่งก็หล่อครับ”
“ใจฟูรักย่าเจียมที่สุดเลยคับ”
“แล้วพ่อล่ะครับลูก ไม่รักเหรอ น้อยใจจัง”
“ใจฟูรักคุณพ่อเท่าจักรยานเลยคับ”
“ต้องพูดว่าจักรวาลครับ ไม่ใช่จักรยาน”
“เหมือนๆ กันแหละคับ”
“เฮ้อ พ่อปวดหัวกับลูกเหลือเกิน”
เห็นไหมล่ะ แล้วจะไม่ให้เขาจ้างครูมาสอนภาษาไทยลูกชายได้อย่างไร ในเมื่อเด็กชายปองคุณชอบพูดผิดแบบนี้เป็นประจำ
วันก่อนเจ้าแสบเดินมาบอกพ่อว่า ใจฟูให้กะละมังใจคับ พ่อยืนงงไปสองวินาทีก่อนจะร้องอ๋อเพราะประโยคที่ถูกต้องคือ ใจฟูให้กำลังใจคับ