บทที่ 1 ใจฟูอยากมีแม่ เจ้าขาอยากมีพ่อ (2)

1857 Words
ในขณะที่บ้านหลังใหญ่กำลังหัวเราะกันอย่างมีความสุข ตัดกลับมาที่ห้องเช่าขนาดเล็กซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสองแม่ลูก ช้องมาศนั่งหน้าเครียดกับจำนวนเงินในบัญชีที่เริ่มร่อยหรอลง หากยังหางานทำไม่ได้ อีกหน่อยคงต้องหอบลูกไปนอนวัดแน่ วันนี้เธอตั้งใจจะไปสมัครงานที่บริษัทใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองจึงลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้าตรู่ ทว่าลูกสาวตัวน้อยเกิดอาการงอแงขอตามไปด้วย “แม่แม่ขาให้เจ้าขาไปด้วยนะคะ เจ้าขาไม่อยากอยู่กับยายน้อม” เด็กน้อยแก้มกลมกะพริบตาอ้อนวอน จันทร์เจ้าขาอยากตามแม่ไปทุกหนทุกแห่ง เพราะมีแม่เพียงคนเดียวหนูน้อยจึงติดแม่มาก “แต่ข้างนอกอากาศร้อนนะลูก แม่แม่ว่าหนูอยู่กับยายน้อมดีกว่าค่ะ” คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวพยายามต่อรอง กลัวพาลูกสาวไปตากแดดตากลมแล้วจะป่วยเอา ช่วงนี้ยิ่งไม่มีเงินอยู่ด้วย ถ้าลูกป่วยชีวิตต้องแย่แน่ “เจ้าขาสัญญาจะเป็นเด็กดี เชื่อฟังแม่แม่ นะคะแม่แม่ขาให้เจ้าขาไปด้วย” เสียงอ้อนของยัยหนูทำให้คุณแม่ใจอ่อนยวบ ใครใช้ให้ลูกสาวเกิดมามีหน้าตาราวกับตุ๊กตาแบบนี้ ตาโตปากนิดจมูกหน่อยรวมๆ กันกลายเป็นความน่ารักที่ลงตัวมาก “ก็ได้ค่ะ แต่สัญญานะหนูต้องเชื่อฟังแม่แม่ ห้ามดื้อโอเคไหม” “โอเคค่า ไปอาบน้ำแต่งตัว เย่ๆ” เด็กหญิงจันทร์เจ้าขาแก้มกลมกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจก่อนจะเปิดประตูแล้วหายเข้าไปอาบน้ำโดยมารดาไม่ต้องช่วย ช้องมาศเห็นว่าวันนี้แค่ไปทิ้งใบสมัครงาน พาลูกสาววัยห้าขวบไปด้วยคงไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างเกรงใจป้าข้างห้องถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เธอไม่อยากฝากลูกสาวเอาไว้ เมื่อสองแม่ลูกออกมาจากห้องเช่าเรียบร้อย ก็จูงมือพากันเดินไปเรื่อยๆ ตามถนนแคบๆ ไม่นานก็ถึงหน้าปากซอยเพื่อขึ้นรถเมล์ จันทร์เจ้าขาเป็นเด็กร่าเริง ไม่กลัวใคร ชอบเที่ยว การได้ขึ้นรถเมล์เป็นอีกอย่างที่ยัยหนูชื่นชอบ ดวงตากลมโตมองรถราบนท้องถนนด้วยความตื่นเต้น อีกไม่นานเจ้าขาจะได้นั่งคุณลุงรถเมล์แล้ว แม่แม่บอกว่าคุณลุงรถเมล์คันสีแดงอายุเยอะกว่าเจ้าขาอีก ยัยหนูคิดในใจขณะรอคอยรถเมล์คันสีแดง ที่มีบานหน้าต่างรอบคันและมีอายุใช้งานมากกว่าสามสิบปี “แม่แม่ขา เราต้องรออีกนานไหม” ลูกสาวเงยหน้าถามแม่รู้สึกอยากขึ้นไปนั่งบนรถเมล์ใจจะขาด ทำไมคุณลุงรถเมล์ถึงยังไม่มา เจ้าขานั่งรอนานแล้วนะ “อีกนิดค่ะ เดี๋ยวคุณลุงรถเมล์ก็มา หนูรอได้ไหมคะ” “ได้ค่า เจ้าขารอได้อยู่แล้ว” เด็กผมยาวถักเปียยิ้มหวานทำไมจะรอไม่ได้ ด้วยความที่เป็นช่วงเช้าทำให้การจราจรค่อนข้างติดขัด สองแม่ลูกใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะได้ขึ้นรถเมล์ราคาประหยัด เพราะมีเด็กมาด้วยทำให้ผู้ใหญ่ใจดีบางคนเสียสละให้แม่และเด็กนั่ง ช้องมาศเกิดความเกรงใจเลยให้ลูกสาวมานั่งบนตัก ส่วนที่ว่างข้างกันก็ให้คนอื่นนั่งต่อ “ไม่เอามือยื่นไปนอกตัวรถนะคะ จำได้ใช่ไหม” “จำได้ค่า เจ้าขาไม่ทำแบบนั้นหรอก แม่แม่สบายใจได้” “ดีมากค่ะลูก อีกไม่นานก็ถึงแล้ว หนูอดทนอีกนิดนะคะ” มารดากระซิบบอกลูกสาว ที่กำลังชะโงกหน้ามองรถคันสีดำซึ่งกำลังจอดนิ่งข้างรถเมล์ เพราะติดไฟแดงด้วยความสงสัย ก่อนจะถามมารดาว่า ทำไมตนเองถึงมองไม่เห็นข้างใน คนในรถหันมาเห็นพอดีจึงมองเด็กหญิงแก้มกลมกับคุณน้าคนสวยไม่วางตา “มีอะไรเหรอใจฟู ทำไมมองรถเมล์แบบนั้นลูก” จอมทัพเห็นลูกชายเอาแต่เงยหน้ามองคนบนรถเมล์ เลยเกิดความสงสัยจึงเงยหน้ามองดูด้วยคน เขาเห็นแม่ลูกคู่หนึ่งกำลังหัวเราะกันอยู่ “เด็กผู้หญิงผมยาวชี้มาที่รถเราทำไมคับคุณพ่อ” เพราะเด็กหญิงจันทร์เจ้าขาชี้มาที่รถทำให้เด็กชายปองคุณสงสัย รถของใจฟูมีอะไรแปลกเหรอทำไมต้องมอง “เขาคงเห็นใจฟูมั้ง แต่งตัวหล่อขนาดนี้ คนต้องมองอยู่แล้ว” อันที่จริงไม่เห็นหรอกแต่พ่อแค่ไม่อยากให้ลูกตั้งคำถามต่อ “ช่ายยยย เพื่อนที่โรงเรียนก็บอกเหมือนกัน ใจฟูแฮนด์ซัม” มุมปากยกยิ้มขึ้นมาด้วยความภูมิใจลืมเรื่องคำถามไปเสียสนิท “ฮ่าๆๆๆ พ่อเห็นด้วยครับ” “ใจฟูอยากนั่งรถแบบนั้นจัง น่าสนุก” “พ่อว่านั่งรถแบบนี้ดีกว่า ไม่ร้อน ไม่อึดอัด” คุณพ่อเกลี้ยกล่อมเพราะไม่อยากให้ลูกรักร้องขออยากขึ้นไปนั่งบนรถเมล์ บอกตามตรงตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยใช้บริการรถสาธารณะของไทยเลย ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์หรือรถไฟฟ้า คนขับรถซึ่งเป็นญาติของป้าเจียมหันไปมองด้วยคน เห็นใบหน้าคุ้นเคยจึงเอ่ยทัก “อ้าวนั่นหนูช้องกับลูกสาวนี่” “พี่เลิศรู้จักพวกเขาเหรอ” “รู้จักครับคุณจอม หนูช้องเช่าบ้านอยู่ในซอยข้างๆ ชอบมาส่งขนมไทยให้ป้าเจียมตลอด” ช้องมาศกำลังตกงานเลยทำขนมไทยขาย ป้าเจียมช่วยอุดหนุนประจำ นอกจากได้ช่วยเรื่องเงินแล้วยังมีของอร่อยให้กินอีกด้วย “ขนม? ใช่ขนมไทยที่กินหลายวันก่อนไหม” จอมทัพขมวดคิ้วถาม จำได้ว่าขนมไทยที่ป้าเจียมเอามาเสิร์ฟรสชาติดีมาก ปัจจุบันหาคนทำขนมไทยรสแบบนี้ไม่ได้ง่ายๆ เขาเองยังติดใจอยากให้คุณแม่บ้านซื้อมาอีก โดยเฉพาะขนมใส่ไส้ทั้งหอมทั้งมันหวานกำลังดี “ครับ ขนมที่กินเมื่อวันก่อนคือขนมของหนูช้อง เห็นว่าตอนนี้ตกงานเลยทำขนมขาย” คนขับรถพยักหน้าก่อนจะหันไปมองสัญญาณจราจร อีกไม่นานไฟก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว “คุณน้าเป็นคนทำขนมเหรอคับคุณพ่อ ขนมอร่อยๆ ที่ใจฟูชอบ” เด็กชอบกินตาโต พูดถึงขนมเป็นไม่ได้น้ำลายสอขึ้นมาทันที “ใช่แล้วครับคุณหนูใจฟู ถ้าชอบเดี๋ยวลุงเลิศบอกย่าเจียมสั่งให้อีกเอาไหมครับ” “เอาคับลุงพี่เลิศ เอาเยอะๆ เลยคับ” บทสนทนาจบลงเพียงเท่านั้น หลังจากสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว เมื่อมาถึงบริษัท ช้องมาศก็รีบเข้าไปติดต่อขอกรอกใบสมัครงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประสานงาน โดยมีลูกสาวนั่งรออย่างสงบเสงี่ยมอยู่บนเก้าอี้ที่ทางบริษัทจัดวางเอาไว้รับแขก ไม่รู้โลกกลมหรือพรหมลิขิต บริษัทที่ช้องมาศมาสมัครงานเป็นของจอมทัพ สองพ่อลูกกำลังจูงมือกันเดินตรวจตราตามแผนกต่างๆ ตามแผนงานประจำ จันทร์เจ้าขาหันไปเห็นปองคุณจูงมือพ่อพอดีเลยเกิดความเศร้าใจ ทำไมตนเองไม่มีพ่อให้จูงมือแบบเด็กผู้ชายคนนั้นบ้าง “เป็นอะไรไปลูก ทำหน้าแบบนั้นทำไม” ช้องมาศกรอกประวัติสมัครงานเสร็จก็เดินกลับมาหาลูกสาวที่นั่งซึมอย่างเห็นได้ชัด “เจ้าขาอยากมีพ่อแบบคนนั้น” ยัยหนูชี้ไปยังสองพ่อลูกที่กำลังคุยอยู่ตรงทางเดินด้วยสายตาน่าสงสาร คนมีพ่อให้จูงมือรู้สึกอย่างไรนะเจ้าขาอยากรู้บ้าง “...” ช้องมาศมองตามการชี้ของลูกสาว เข้าใจความรู้สึกลูกเป็นอย่างดี แต่เรื่องพ่อของลูกเธอไม่อยากพูดถึง ได้แต่บอกลูกว่าพ่ออยู่บนฟ้า พ่อจะไม่กลับมาหาอีกแล้ว “เฮ้อ ทำไมพ่อพ่อของเจ้าขาต้องไปอยู่บนฟ้าด้วย” เด็กแก้มป่องเอ่ยเสียงเศร้ายามที่คิดถึงเรื่องบิดา ช้องมาศจึงกอดปลอบ เลยไม่รู้ว่าจอมทัพกับปองคุณเดินมาถึงตรงที่ตนเองนั่งอยู่ตอนไหน “ขอโทษนะครับคุณ” จอมทัพเอ่ยขัดหลังจากเห็นสองแม่ลูกกอดกันกลม ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองตนเองกับลูกชาย “ซาหวัดดีคับ” ท่านประธานตัวน้อยยกมือขึ้นมาไหว้อย่างรู้หน้าที่ โดยไม่ต้องให้ใครบอก ใจฟูจำคำสอนของย่าเจียมได้ ย่าเจียมบอกว่า เป็นเด็กต้องมือไม้อ่อนผู้ใหญ่ถึงจะเอ็นดูและรักใจฟู “คุณมีอะไรกับเราสองคนรึเปล่าคะ” ช้องมาศถามจอมทัพ กลัวไปทำอะไรให้สองคนนี้ไม่พอใจโดยไม่รู้ตัว ปกติเธอไม่ใช่คนกลัวใครแต่ตอนนี้มีลูกสาวอยู่ด้วยเลยไม่อยากมีเรื่อง “มีคับคุณน้าคนซวย” “ฮะ! คะ…คนซวย” “ขอโทษครับ ลูกชายผมพูดเพี้ยน คนสวย ไม่ใช่คนซวย” “ใช่ๆ คุณน้าคน สะ...สวย” “โล่งอก แล้วหนูมีอะไรจะคุยกับน้าคะ” “ใจฟูอยากกินขนมที่คุณน้าทำอีกคับ” “ถ้าอยากกินต้องซื้อนะ แม่แม่ทำขายไม่ได้แจกฟรี” ลูกสาวขี้งกขัดขึ้นมา ก่อนจะจ้องหน้าเด็กชายตัวกลมไม่วางตา จันทร์เจ้าขาจำคำพูดของมารดาได้ ถ้าใครจะกินขนมต้องซื้อห้ามให้ฟรียกเว้นคนเดือดร้อนจริงๆ ทำไมช้องมาศต้องพูดแบบนี้ ก็เพราะแถวหอพักที่เธอเช่าชอบมีพวกมาขอกินฟรี อาศัยคำว่าคนรู้จัก แต่ของทุกอย่างมีต้นทุนถ้าให้คนนี้ก็ต้องให้คนนั้น “...” เด็กแสบถึงกับอึ้งก่อนจะเงยหน้ามองพ่อแล้วกลับมามองหน้าจันทร์เจ้าขาอีกครั้ง คิ้วทั้งสองข้างขมวดเป็นปม พ่อใจฟูรวยมากทำไมจะซื้อขนมให้กินไม่ได้ แม่ค้าตัวน้อยเห็นคนอยากกินขนมของมารดาเงียบจึงเอ่ยถามอีกครั้งพร้อมกับทำท่าประกอบที่จดจำมาจากผู้ใหญ่ “ตัวเองมีเงินไหม เจ้าขาให้กินฟรีไม่ได้หรอก ของซื้อของขาย” “ใจฟูมีเงิน คุณพ่อใจฟูรวยมาก คุณน้าขายให้ใจฟูไหมคับ” “เอ่อ นี่มันเรื่องอะไรเหรอคะคุณ” “เราไปคุยกันที่ห้องทำงานของผมดีกว่า” “แล้วคุณเป็นใครคะ ฉันว่าเราคุยกันตรงนี้ดีกว่า” “ผมชื่อจอมทัพ ส่วนเด็กคนนี้ลูกชายของผมชื่อ...” “เด็กชายปองคุณ อิสระวัณณกุล ชื่อเล่นใจฟู อายุห้าขวบคับ” “ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องใจฟู เอ่อ ดิฉันชื่อช้องมาศค่ะ เรียกช้องก็ได้ ส่วนนี่ก็ลูกสาว...” “หนูชื่อจันทร์เจ้าขา อายุห้าขวบค่าคุณลุง เป็นลูกสาวสุดน่ารักของแม่แม่” หลังจากทำความรู้จักกันครบทุกคน สองแม่ลูกก็เดินตามหลังสองพ่อลูกเข้าไปในลิฟต์ ใบหน้าของช้องมาศแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มหลังจากได้ยินจอมทัพบอกว่า อยากจะจ้างทำขนมเพราะลูกชายชอบกินมาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD