ในขณะที่บ้านหลังใหญ่กำลังหัวเราะกันอย่างมีความสุข ตัดกลับมาที่ห้องเช่าขนาดเล็กซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสองแม่ลูก ช้องมาศนั่งหน้าเครียดกับจำนวนเงินในบัญชีที่เริ่มร่อยหรอลง หากยังหางานทำไม่ได้ อีกหน่อยคงต้องหอบลูกไปนอนวัดแน่
วันนี้เธอตั้งใจจะไปสมัครงานที่บริษัทใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองจึงลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้าตรู่ ทว่าลูกสาวตัวน้อยเกิดอาการงอแงขอตามไปด้วย
“แม่แม่ขาให้เจ้าขาไปด้วยนะคะ เจ้าขาไม่อยากอยู่กับยายน้อม” เด็กน้อยแก้มกลมกะพริบตาอ้อนวอน จันทร์เจ้าขาอยากตามแม่ไปทุกหนทุกแห่ง เพราะมีแม่เพียงคนเดียวหนูน้อยจึงติดแม่มาก
“แต่ข้างนอกอากาศร้อนนะลูก แม่แม่ว่าหนูอยู่กับยายน้อมดีกว่าค่ะ” คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวพยายามต่อรอง กลัวพาลูกสาวไปตากแดดตากลมแล้วจะป่วยเอา ช่วงนี้ยิ่งไม่มีเงินอยู่ด้วย ถ้าลูกป่วยชีวิตต้องแย่แน่
“เจ้าขาสัญญาจะเป็นเด็กดี เชื่อฟังแม่แม่ นะคะแม่แม่ขาให้เจ้าขาไปด้วย” เสียงอ้อนของยัยหนูทำให้คุณแม่ใจอ่อนยวบ ใครใช้ให้ลูกสาวเกิดมามีหน้าตาราวกับตุ๊กตาแบบนี้ ตาโตปากนิดจมูกหน่อยรวมๆ กันกลายเป็นความน่ารักที่ลงตัวมาก
“ก็ได้ค่ะ แต่สัญญานะหนูต้องเชื่อฟังแม่แม่ ห้ามดื้อโอเคไหม”
“โอเคค่า ไปอาบน้ำแต่งตัว เย่ๆ”
เด็กหญิงจันทร์เจ้าขาแก้มกลมกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจก่อนจะเปิดประตูแล้วหายเข้าไปอาบน้ำโดยมารดาไม่ต้องช่วย
ช้องมาศเห็นว่าวันนี้แค่ไปทิ้งใบสมัครงาน พาลูกสาววัยห้าขวบไปด้วยคงไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างเกรงใจป้าข้างห้องถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เธอไม่อยากฝากลูกสาวเอาไว้
เมื่อสองแม่ลูกออกมาจากห้องเช่าเรียบร้อย ก็จูงมือพากันเดินไปเรื่อยๆ ตามถนนแคบๆ ไม่นานก็ถึงหน้าปากซอยเพื่อขึ้นรถเมล์
จันทร์เจ้าขาเป็นเด็กร่าเริง ไม่กลัวใคร ชอบเที่ยว การได้ขึ้นรถเมล์เป็นอีกอย่างที่ยัยหนูชื่นชอบ ดวงตากลมโตมองรถราบนท้องถนนด้วยความตื่นเต้น
อีกไม่นานเจ้าขาจะได้นั่งคุณลุงรถเมล์แล้ว แม่แม่บอกว่าคุณลุงรถเมล์คันสีแดงอายุเยอะกว่าเจ้าขาอีก ยัยหนูคิดในใจขณะรอคอยรถเมล์คันสีแดง ที่มีบานหน้าต่างรอบคันและมีอายุใช้งานมากกว่าสามสิบปี
“แม่แม่ขา เราต้องรออีกนานไหม” ลูกสาวเงยหน้าถามแม่รู้สึกอยากขึ้นไปนั่งบนรถเมล์ใจจะขาด ทำไมคุณลุงรถเมล์ถึงยังไม่มา เจ้าขานั่งรอนานแล้วนะ
“อีกนิดค่ะ เดี๋ยวคุณลุงรถเมล์ก็มา หนูรอได้ไหมคะ”
“ได้ค่า เจ้าขารอได้อยู่แล้ว”
เด็กผมยาวถักเปียยิ้มหวานทำไมจะรอไม่ได้ ด้วยความที่เป็นช่วงเช้าทำให้การจราจรค่อนข้างติดขัด สองแม่ลูกใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะได้ขึ้นรถเมล์ราคาประหยัด
เพราะมีเด็กมาด้วยทำให้ผู้ใหญ่ใจดีบางคนเสียสละให้แม่และเด็กนั่ง ช้องมาศเกิดความเกรงใจเลยให้ลูกสาวมานั่งบนตัก ส่วนที่ว่างข้างกันก็ให้คนอื่นนั่งต่อ
“ไม่เอามือยื่นไปนอกตัวรถนะคะ จำได้ใช่ไหม”
“จำได้ค่า เจ้าขาไม่ทำแบบนั้นหรอก แม่แม่สบายใจได้”
“ดีมากค่ะลูก อีกไม่นานก็ถึงแล้ว หนูอดทนอีกนิดนะคะ”
มารดากระซิบบอกลูกสาว ที่กำลังชะโงกหน้ามองรถคันสีดำซึ่งกำลังจอดนิ่งข้างรถเมล์ เพราะติดไฟแดงด้วยความสงสัย ก่อนจะถามมารดาว่า ทำไมตนเองถึงมองไม่เห็นข้างใน คนในรถหันมาเห็นพอดีจึงมองเด็กหญิงแก้มกลมกับคุณน้าคนสวยไม่วางตา
“มีอะไรเหรอใจฟู ทำไมมองรถเมล์แบบนั้นลูก” จอมทัพเห็นลูกชายเอาแต่เงยหน้ามองคนบนรถเมล์ เลยเกิดความสงสัยจึงเงยหน้ามองดูด้วยคน เขาเห็นแม่ลูกคู่หนึ่งกำลังหัวเราะกันอยู่
“เด็กผู้หญิงผมยาวชี้มาที่รถเราทำไมคับคุณพ่อ”
เพราะเด็กหญิงจันทร์เจ้าขาชี้มาที่รถทำให้เด็กชายปองคุณสงสัย รถของใจฟูมีอะไรแปลกเหรอทำไมต้องมอง
“เขาคงเห็นใจฟูมั้ง แต่งตัวหล่อขนาดนี้ คนต้องมองอยู่แล้ว” อันที่จริงไม่เห็นหรอกแต่พ่อแค่ไม่อยากให้ลูกตั้งคำถามต่อ
“ช่ายยยย เพื่อนที่โรงเรียนก็บอกเหมือนกัน ใจฟูแฮนด์ซัม” มุมปากยกยิ้มขึ้นมาด้วยความภูมิใจลืมเรื่องคำถามไปเสียสนิท
“ฮ่าๆๆๆ พ่อเห็นด้วยครับ”
“ใจฟูอยากนั่งรถแบบนั้นจัง น่าสนุก”
“พ่อว่านั่งรถแบบนี้ดีกว่า ไม่ร้อน ไม่อึดอัด”
คุณพ่อเกลี้ยกล่อมเพราะไม่อยากให้ลูกรักร้องขออยากขึ้นไปนั่งบนรถเมล์ บอกตามตรงตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยใช้บริการรถสาธารณะของไทยเลย ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์หรือรถไฟฟ้า
คนขับรถซึ่งเป็นญาติของป้าเจียมหันไปมองด้วยคน เห็นใบหน้าคุ้นเคยจึงเอ่ยทัก
“อ้าวนั่นหนูช้องกับลูกสาวนี่”
“พี่เลิศรู้จักพวกเขาเหรอ”
“รู้จักครับคุณจอม หนูช้องเช่าบ้านอยู่ในซอยข้างๆ ชอบมาส่งขนมไทยให้ป้าเจียมตลอด” ช้องมาศกำลังตกงานเลยทำขนมไทยขาย ป้าเจียมช่วยอุดหนุนประจำ นอกจากได้ช่วยเรื่องเงินแล้วยังมีของอร่อยให้กินอีกด้วย
“ขนม? ใช่ขนมไทยที่กินหลายวันก่อนไหม”
จอมทัพขมวดคิ้วถาม จำได้ว่าขนมไทยที่ป้าเจียมเอามาเสิร์ฟรสชาติดีมาก ปัจจุบันหาคนทำขนมไทยรสแบบนี้ไม่ได้ง่ายๆ เขาเองยังติดใจอยากให้คุณแม่บ้านซื้อมาอีก โดยเฉพาะขนมใส่ไส้ทั้งหอมทั้งมันหวานกำลังดี
“ครับ ขนมที่กินเมื่อวันก่อนคือขนมของหนูช้อง เห็นว่าตอนนี้ตกงานเลยทำขนมขาย”
คนขับรถพยักหน้าก่อนจะหันไปมองสัญญาณจราจร อีกไม่นานไฟก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว
“คุณน้าเป็นคนทำขนมเหรอคับคุณพ่อ ขนมอร่อยๆ ที่ใจฟูชอบ” เด็กชอบกินตาโต พูดถึงขนมเป็นไม่ได้น้ำลายสอขึ้นมาทันที
“ใช่แล้วครับคุณหนูใจฟู ถ้าชอบเดี๋ยวลุงเลิศบอกย่าเจียมสั่งให้อีกเอาไหมครับ”
“เอาคับลุงพี่เลิศ เอาเยอะๆ เลยคับ” บทสนทนาจบลงเพียงเท่านั้น หลังจากสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว
เมื่อมาถึงบริษัท ช้องมาศก็รีบเข้าไปติดต่อขอกรอกใบสมัครงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประสานงาน โดยมีลูกสาวนั่งรออย่างสงบเสงี่ยมอยู่บนเก้าอี้ที่ทางบริษัทจัดวางเอาไว้รับแขก
ไม่รู้โลกกลมหรือพรหมลิขิต บริษัทที่ช้องมาศมาสมัครงานเป็นของจอมทัพ สองพ่อลูกกำลังจูงมือกันเดินตรวจตราตามแผนกต่างๆ ตามแผนงานประจำ
จันทร์เจ้าขาหันไปเห็นปองคุณจูงมือพ่อพอดีเลยเกิดความเศร้าใจ ทำไมตนเองไม่มีพ่อให้จูงมือแบบเด็กผู้ชายคนนั้นบ้าง
“เป็นอะไรไปลูก ทำหน้าแบบนั้นทำไม” ช้องมาศกรอกประวัติสมัครงานเสร็จก็เดินกลับมาหาลูกสาวที่นั่งซึมอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าขาอยากมีพ่อแบบคนนั้น”
ยัยหนูชี้ไปยังสองพ่อลูกที่กำลังคุยอยู่ตรงทางเดินด้วยสายตาน่าสงสาร คนมีพ่อให้จูงมือรู้สึกอย่างไรนะเจ้าขาอยากรู้บ้าง
“...” ช้องมาศมองตามการชี้ของลูกสาว เข้าใจความรู้สึกลูกเป็นอย่างดี แต่เรื่องพ่อของลูกเธอไม่อยากพูดถึง ได้แต่บอกลูกว่าพ่ออยู่บนฟ้า พ่อจะไม่กลับมาหาอีกแล้ว
“เฮ้อ ทำไมพ่อพ่อของเจ้าขาต้องไปอยู่บนฟ้าด้วย”
เด็กแก้มป่องเอ่ยเสียงเศร้ายามที่คิดถึงเรื่องบิดา ช้องมาศจึงกอดปลอบ เลยไม่รู้ว่าจอมทัพกับปองคุณเดินมาถึงตรงที่ตนเองนั่งอยู่ตอนไหน
“ขอโทษนะครับคุณ” จอมทัพเอ่ยขัดหลังจากเห็นสองแม่ลูกกอดกันกลม ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองตนเองกับลูกชาย
“ซาหวัดดีคับ”
ท่านประธานตัวน้อยยกมือขึ้นมาไหว้อย่างรู้หน้าที่ โดยไม่ต้องให้ใครบอก ใจฟูจำคำสอนของย่าเจียมได้ ย่าเจียมบอกว่า เป็นเด็กต้องมือไม้อ่อนผู้ใหญ่ถึงจะเอ็นดูและรักใจฟู
“คุณมีอะไรกับเราสองคนรึเปล่าคะ”
ช้องมาศถามจอมทัพ กลัวไปทำอะไรให้สองคนนี้ไม่พอใจโดยไม่รู้ตัว ปกติเธอไม่ใช่คนกลัวใครแต่ตอนนี้มีลูกสาวอยู่ด้วยเลยไม่อยากมีเรื่อง
“มีคับคุณน้าคนซวย”
“ฮะ! คะ…คนซวย”
“ขอโทษครับ ลูกชายผมพูดเพี้ยน คนสวย ไม่ใช่คนซวย”
“ใช่ๆ คุณน้าคน สะ...สวย”
“โล่งอก แล้วหนูมีอะไรจะคุยกับน้าคะ”
“ใจฟูอยากกินขนมที่คุณน้าทำอีกคับ”
“ถ้าอยากกินต้องซื้อนะ แม่แม่ทำขายไม่ได้แจกฟรี”
ลูกสาวขี้งกขัดขึ้นมา ก่อนจะจ้องหน้าเด็กชายตัวกลมไม่วางตา
จันทร์เจ้าขาจำคำพูดของมารดาได้ ถ้าใครจะกินขนมต้องซื้อห้ามให้ฟรียกเว้นคนเดือดร้อนจริงๆ
ทำไมช้องมาศต้องพูดแบบนี้ ก็เพราะแถวหอพักที่เธอเช่าชอบมีพวกมาขอกินฟรี อาศัยคำว่าคนรู้จัก แต่ของทุกอย่างมีต้นทุนถ้าให้คนนี้ก็ต้องให้คนนั้น
“...” เด็กแสบถึงกับอึ้งก่อนจะเงยหน้ามองพ่อแล้วกลับมามองหน้าจันทร์เจ้าขาอีกครั้ง คิ้วทั้งสองข้างขมวดเป็นปม พ่อใจฟูรวยมากทำไมจะซื้อขนมให้กินไม่ได้
แม่ค้าตัวน้อยเห็นคนอยากกินขนมของมารดาเงียบจึงเอ่ยถามอีกครั้งพร้อมกับทำท่าประกอบที่จดจำมาจากผู้ใหญ่
“ตัวเองมีเงินไหม เจ้าขาให้กินฟรีไม่ได้หรอก ของซื้อของขาย”
“ใจฟูมีเงิน คุณพ่อใจฟูรวยมาก คุณน้าขายให้ใจฟูไหมคับ”
“เอ่อ นี่มันเรื่องอะไรเหรอคะคุณ”
“เราไปคุยกันที่ห้องทำงานของผมดีกว่า”
“แล้วคุณเป็นใครคะ ฉันว่าเราคุยกันตรงนี้ดีกว่า”
“ผมชื่อจอมทัพ ส่วนเด็กคนนี้ลูกชายของผมชื่อ...”
“เด็กชายปองคุณ อิสระวัณณกุล ชื่อเล่นใจฟู อายุห้าขวบคับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องใจฟู เอ่อ ดิฉันชื่อช้องมาศค่ะ เรียกช้องก็ได้ ส่วนนี่ก็ลูกสาว...”
“หนูชื่อจันทร์เจ้าขา อายุห้าขวบค่าคุณลุง เป็นลูกสาวสุดน่ารักของแม่แม่”
หลังจากทำความรู้จักกันครบทุกคน สองแม่ลูกก็เดินตามหลังสองพ่อลูกเข้าไปในลิฟต์ ใบหน้าของช้องมาศแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มหลังจากได้ยินจอมทัพบอกว่า อยากจะจ้างทำขนมเพราะลูกชายชอบกินมาก