บทที่ 4 ย้ายบ้านกะทันหัน(2)

1867 Words
เพราะคุณครูสอนสนุกทำให้นักเรียนไม่เบื่อ รู้ตัวอีกครั้งก็เย็นแล้ว จอมทัพบอกให้สองแม่ลูกอยู่รับประทานอาหารเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับ หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จเขาก็อาสาไปส่ง เนื่องจากฟ้ามืดพอดีกลัวจะเกิดอันตราย เด็กชายปองคุณก็ขอตามไปส่งด้วยคน “ช้องกับลูกกลับเองได้นะคะ เกรงใจคุณจอม” “ไม่ต้องเกรงใจคับแม่แม่ ใจฟูเต็มใจ” “ผมก็เต็มใจ ไม่ได้ลำบากอะไรเลย” “แม่แม่ขาเจ้าขาอยากนั่งรถใจฟู” “งั้นก็ได้ค่ะ ช้องกับลูกรบกวนด้วยนะคะ” “ไปคับ เจ้าขาไปนั่งกับใจฟูข้างหลังไหม” “เอาสิ เจ้าขาอยากนั่งกับใจฟู” ปองคุณเดินนำเพื่อนตัวน้อยไปก่อน จากนั้นก็เปิดประตูให้จันทร์เจ้าขาขึ้นไปนั่งบนเบาะหลัง ปกติเวลาไปไหนมาไหนจอมทัพจะให้ลูกชายนั่งในคาร์ซีตเพื่อความปลอดภัย คุณพ่อรีบบอกให้เด็กน้อยทั้งสองลงจากรถก่อนเพราะต้องติดตั้งคาร์ซีต โชคดีที่บ้านของเขามีคาร์ซีตหลายอันทำให้จันทร์เจ้าขาได้นั่งคาร์ซีตด้วยคน “พร้อมออกเดินทางไหมครับใจฟู เจ้าขา” “พร้อมคับ” / “พร้อมค่า” จอมทัพขับรถลัดเลาะไปตามถนนใหญ่ ไม่นานก็มาถึงที่พักอาศัยของช้องมาศ ห้องเช่าแถวนี้ส่วนใหญ่เป็นคนรายได้น้อยพักอาศัย บางห้องก็อยู่กันหลายคนเพื่อหารค่าเช่าเป็นการประหยัด อย่างที่รู้กันค่าครองชีพในกรุงเทพฯ สูงมาก คนหาเช้ากินค่ำแทบจะกระอักเลือดตายกับราคาข้าวของที่แพงขึ้นทุกวัน รวมถึงพวกพนักงานออฟฟิศที่มีเงินใช้แบบเดือนชนเดือน ผลพวงล้วนมาจากเรื่องเศรษฐกิจ สุดท้ายอะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด “คุณช้องพักอยู่แถวนี้จริงเหรอครับ” จอมทัพแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ห้องเช่าซอมซ่อหลายตึกตรงหน้าคือที่อยู่อาศัยของคนจริงเหรอ มันอยู่ได้จริงไหมทำไมดูน่ากลัวเหลือเกิน “ค่ะ มันดูอันตรายใช่ไหมคะ” หญิงสาวยิ้มแห้งแอบเขินไม่น้อย ใจจริงก็อยากอยู่ห้องเช่าที่มันปลอดภัยกว่านี้ แต่เรื่องเงินคือประเด็นสำคัญ ห้องเช่าดีๆ ในกรุงเทพฯ ราคาตั้งหลายพันบาทรวมค่าน้ำค่าไฟด้วยแล้วเธอจ่ายไม่ไหวหรอก “ครับ เดี๋ยวผมกับลูกเข้าไปส่งคุณช้องกับเจ้าขาถึงห้องดีกว่า แถวนี้มีที่จอดรถบ้างไหม” ไม่ไว้ใจ จอมทัพบอกตัวเอง เขาต้องไปส่งสองแม่ลูกถึงห้องให้ได้แล้วจะดูด้วยสภาพห้องเป็นอย่างไรปลอดภัยไหม “ไม่ต้องก็ได้นะคะ ช้องกับลูกไปเองได้” เกรงใจคำนี้ผุดขึ้นมาในหัวหญิงสาว แต่ในใจก็อยากให้ชายหนุ่มไปส่งเหมือนกัน ปกติเวลานี้เธอจะไม่ออกไปไหนเพราะกลัว ดูทางเข้าหอพักสิบางจุดก็มืดบางจุดก็มีคนนั่งก๊งเหล้า พอกรึ่มเข้าหน่อยก็ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย “อย่าห้ามผมเลย มีคนนั่งดื่มเหล้าขนาดนี้ ให้ผมไปส่งดีกว่าครับ” ช้องมาศปฏิเสธไม่ลงเพราะเห็นด้วยกับจอมทัพ เธอไม่ชอบคนที่นั่งดื่มเหล้ากลุ่มนี้จริงๆ เวลาเมาแล้วไม่มีสติชอบสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ใครเดินผ่านไปมาไม่ได้เลย “งั้นก็ได้ค่ะ” “ผมจอดรถตรงนี้ได้ใช่ไหม” “ได้ค่ะ ช้องเคยเห็นคนจอดอยู่” หลังจากจอดรถเรียบร้อยทั้งสี่คนก็ลงจากรถ ห้องเช่าของช้องมาศอยู่ลึกเข้าไปข้างในต้องเดินไกลหน่อย บรรยากาศระหว่างทางใช่จะดี ถ้าผู้หญิงเดินคนเดียวต้องระวังตัวอย่างมาก “เดินระวังนะคะใจฟู” “คับแม่แม่ เจ้าขาเดินระวังนะ” “ไม่ต้องห่วง เจ้าขาดูแลตัวเองได้” “ไปค่ะคุณจอม เชิญทางนี้” “ครับ” หญิงสาวเดินนำชายหนุ่มเข้ามาในซอย ก่อนจะไปคว้ามือของลูกสาวกับใจฟูมาจูง กลัวเด็กสองคนจะวิ่งเข้าไปทางกลุ่มที่กำลังนั่งดื่มเหล้ากัน จอมทัพเดินตามหลังทั้งสามคนพลางสังเกตสภาพแวดล้อมไปด้วย ไม่ไหวถ้าให้เขามาอยู่ในที่แบบนี้ต้องตายแน่ คนเกิดมาบน กองเงินกองทองคิดในใจ ทั้งสี่คนเดินไม่นานก็มาถึงหอพักซึ่งตั้งอยู่ท้ายซอย ถ้ามองจากข้างนอกจะไม่รู้เลยว่าข้างในนี้มีห้องให้เช่า สมแล้วที่เจ้าของห้องคิดค่าเช่าราคาถูก เพราะมันค่อนข้างน่ากลัวพอสมควร หญิงสาวเอากุญแจออกมาจากกระเป๋ากำลังจะเปิด เห็นประตูห้องเหมือนมีรอยงัด เลยหันไปถามจอมทัพที่ยืนอยู่ข้างหลังพร้อมกับเด็กสองคน “ทำไมประตูเป็นแบบนี้” “ผมดูหน่อย รอยงัด” “ขโมยงั้นเหรอคะ” “เข้าไปดูข้างในเถอะ” ชายหนุ่มเป็นคนเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปเป็นคนแรก ส่วนช้องมาศกับเด็กน้อยเดินตามหลังมาติดๆ สภาพห้องถูกรื้อค้นของกระจัดกระจายโดยเฉพาะลิ้นชักใส่ชุดชั้นใน ช้องมาศแทบจะกรีดร้องออกมา นอกจากของมีค่าซึ่งมีอยู่อย่างเดียวคือคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าหายไปแล้ว ไอ้โจรชั่วยังขโมยชุดชั้นในของเธอกับลูกสาวไปด้วย จอมทัพเดินสำรวจห้องมองมุมนั้นมุมนี้ ก่อนจะขมวดคิ้วไม่พอใจ ไม่ได้การแล้ว เขาจะปล่อยให้ผู้หญิงกับเด็กอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้เด็ดขาด มันไม่มีอะไรปลอดภัยเลย ทั้งประตู หน้าต่าง ห้องน้ำ ระเบียง เผลอๆ โจรอาจจะเป็นคนแถวนี้ก็เป็นไปได้ อีกอย่างดูจากสภาพอาคาร ถ้าเกิดไฟไหมขึ้นมาผู้เช่าโดนย่างสดแน่ ถังดับเพลิงไม่มี ทางออกฉุกเฉินอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ “คุณช้องกับเจ้าขาต้องย้ายออกจากที่นี่” “ย้ายออก!” “ครับ ที่นี่ไม่ปลอดภัย” “แล้วคุณจอมจะให้ช้องย้ายไปไหนคะ ช้องไม่มีที่ไป” เธอตอบเสียงอ่อย ถ้าไม่อยู่หอนี้แล้วจะไปอยู่หอไหน เงินก็มีอยู่นิดเดียว ค่าจ้างที่ได้มาก็อยากเก็บไว้ให้ลูกสาวใช้เป็นทุนการศึกษา จันทร์เจ้าขายังต้องเรียนอีกหลายปีกว่าจะจบ ดวงตาของช้องมาศกลอกไปมาอย่างลังเล ใจหนึ่งก็อยากไปหาที่อยู่ใหม่ ใจหนึ่งก็เสียดายเงิน “คุณช้องอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้จริงๆ มันอันตราย โจรโรคจิตมันน่ากลัวมาก” จอมทัพเอ่ยเสียงเข้ม อย่างไรก็จะไม่ยอมให้สองแม่ลูกอยู่ที่นี่ต่อแน่นอน “แม่แม่ขาโป๊ะโกะของเจ้าขาไปไหนหมด” จันทร์เจ้าขาเรียกกางเกงในว่าโป๊ะโกะ แม่หนูก้มดูลิ้นชักของตัวเองไม่มีกางเกงในเลยสักตัวจึงเงยหน้าถามมารดา “มีคนขโมยไปค่ะลูก เดี๋ยวเราไปซื้อใหม่นะคะ” คุณแม่ให้คำตอบด้วยความลำบากใจเพราะรู้ดีลูกสาวชอบลายการ์ตูนบนกางเกงในมาก “ฮือๆๆๆ ไม่เอา เจ้าขาจะเอาอันเดิม” เด็กน้อยปล่อยโฮด้วยความเสียใจ ใครกันกล้ามาขโมยของรักของหวงของเจ้าขา “เจ้าขาไม่ร้องนะ คุณพ่อคับช่วยเจ้าขาด้วย” ปองคุณเห็นเพื่อนร้องก็รีบเข้าไปปลอบ ก่อนจะเงยหน้าขอความช่วยเหลือจากพ่อ เห็นเจ้าขาร้องไห้ใจฟูก็อยากร้องตาม “ไปอยู่บ้านผมก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน เก็บของที่จำเป็นเถอะ” “...” หญิงสาวเงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างไม่อยากเชื่อ ให้ไปอยู่บ้านเขาเนี่ยนะ มันจะดีเหรอ “ไปเถอะคุณช้อง ตอนนี้เอาความปลอดภัยก่อน” “…” “คุณช้อง” “ค่ะ งั้นช้องขอรบกวนด้วยนะคะ” ช้องมาศยอมทำตามที่จอมทัพเสนอ เพราะกลัวโรคจิตจะหวนกลับมา เธออยู่กับลูกสาวสองคน ถ้าเกิดอะไรขึ้นต้องแย่แน่ ไม่นานเสื้อผ้ารวมถึงของใช้จำเป็น ก็ถูกบรรจุลงในกระเป๋าเดินทาง จันทร์เจ้าขายังคงร้องไห้เสียใจที่โป๊ะโกะตัวโปรดหาย ทำให้ได้ยินเสียงสะอื้นมาตลอดทางหลังจากกลับเข้ามานั่งในรถ จอมทัพรู้สึกสงสารเด็กน้อยจับใจ “เจ้าขาไม่ต้องร้องนะคะ เดี๋ยวพ่อพาไปซื้อตัวใหม่พรุ่งนี้” “ค่า ฮึก เจ้าขาจะไม่ร้องไห้ ฮึก” “เจ้าขาไม่ร้องน้า ใจฟูจะไปฟ้องคุณตำหนวดให้เอง” “คุณตำรวจค่ะใจฟู ไม่ใช่คุณตำหนวด” “ใจฟูพูดผิดอีกแล้ว เซ็งเลย” ปองคุณเอามือขึ้นมากอดอกหน้ามุ่ยไม่พอใจตัวเอง ทำไมชอบพูดผิดอยู่เรื่อยเลย ในขณะที่จันทร์เจ้าขายังร้องไห้ไม่หยุด คิดถึงโป๊ะโกะตัวโปรด “ส่งเด็กๆ เสร็จ ผมจะพาคุณช้องไปแจ้งความนะครับ” “คดีเล็กๆ แบบนี้ตำรวจเขาจะจัดการให้เหรอคะ” “มีผมอยู่ทั้งคนคุณช้องไม่ต้องห่วง” “ใจฟูขอไปด้วยได้ไหมคับคุณพ่อ” “ไม่ได้ครับลูก พ่อต้องไปทำเรื่องสำคัญ” “เจ้าขาอยู่กับใจฟูที่บ้าน อยู่กับย่าเจียมนะคะลูก” “ค่า เจ้าขาเชื่อฟังแม่แม่” “ใจฟูก็เชื่อฟังเหมือนกันคับ” “เก่งมากค่ะ เก่งทั้งสองคนเลย” เมื่อรถคันหรูเลี้ยวเข้าจอดในโรงรถเป็นที่เรียบร้อย ทั้งหมดก็พากันเดินเข้ามาในตัวบ้าน จอมทัพบอกป้าเจียมให้ช่วยจัดห้องนอนให้สองแม่ลูก จากนั้นก็ฝากเด็กๆ ให้ป้าเจียมดูแลแทน ส่วนตนเองจะพาช้องมาศไปแจ้งความ พร้อมกับซื้อของสำคัญด้วยเลย นั่นก็คือชุดชั้นใน หญิงสาวอยากจะปฏิเสธความหวังดีของชายหนุ่มแต่ทำไม่ได้ เพราะชุดชั้นในหายไปหมดทุกตัว ถ้าไม่ซื้อวันนี้ก็ไม่รู้พรุ่งนี้จะใส่อะไร หลังจากแจ้งความเรียบร้อย จอมทัพจึงแวะที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังเพื่อให้ช้องมาศได้ซื้อของใช้ที่จำเป็น ลูกจ้างสาวรู้สึกเขินไม่น้อย เมื่อเดินมาถึงหน้าร้านขายชุดชั้นในแบรนด์หรู โดยมีนายจ้างยืนอยู่ข้างหลัง บอกตามตรงเธอไม่อยากให้เขาเข้าไปด้วยเลย “คุณจอมรออยู่ข้างนอกก็ได้นะคะ ช้องเข้าไปไม่นาน” “ผมทำแบบนั้นไม่ได้แล้วครับ คุณดูทางนั้น” ชายหนุ่มชี้ไปทางข้างหลังหญิงสาว เห็นสิริมากำลังจ้องมาทางนี้พอดี ช้องมาศถึงกับตาโตตกใจอะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ “คุณสิริมา! เอาไงดีคะ เริ่มเลยไหม” “เริ่มเลยครับ เธอเดินมาแล้ว” ช้องมาศทำตามหน้าที่ได้อย่างรวดเร็ว รีบเอามือคล้องแขนจอมทัพก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้สิริมา ที่กำลังจ้องมองความสนิทสนมของสองหนุ่มสาวด้วยสายตาไม่ชอบใจ ก่อนจะเหลือบไปมองร้านที่ทั้งสองคนกำลังจะก้าวขาเข้าไป ใจถึงกับตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่จริง! สองคนนี้ถึงขั้นมาซื้อชุดชั้นในด้วยกันแล้วเหรอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD