หนึ่งเดือนผ่านไป
อาการบาดเจ็บของเพียงฟ้าที่ได้รับจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในคราวนั้นสร้างความเจ็บปวดทางกายให้กับหญิงสาวไม่น้อย แม้ในตอนนี้หญิงสาวจะหายจากการบาดเจ็บจนเกือบจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมแล้วก็ตาม เหลือเพียงแค่เคล็ดขัดยอกตามร่างกายอยู่บ้างนิดหน่อยเท่านั้น
และเรื่องนี้เธอก็ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ซึ่งคนที่เห็นเหตุการณ์นั้นช่วยเป็นพยานให้กับเธอ เธอจึงรอดพ้นข้อกล่าวหาทั้งหมด
และเมื่อเพียงฟ้าได้รู้ว่าคู่กรณีที่รับผิดชอบในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทุกอย่างนั้นเสียชีวิตด้วยแล้ว หนำซ้ำกำลังจะได้เป็นเจ้าสาวก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ แม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วก็ตามแต่เธอก็ยังไม่ลืม
‘นี่ถ้าหากวันนั้นเธอไม่ไปพบกับลูกค้าที่เพิ่งทำสัญญาใหม่กับทางไร่แล้วละก็เหตุการณ์เช่นนี้คงไม่เกิดขึ้นเป็นแน่’ เพียงฟ้าคิดเช่นนั้น
ก่อนที่จะสลัดความคิดในเรื่องนี้ออกไปจากหัว ในเมื่อหญิงสาวมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าเรื่องนี้ให้ต้องขบคิดและหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ของไร่องุ่นซึ่งกำลังประสบปัญหาการขาดทุนอย่างหนักอยู่ในขณะนี้
มิหนำซ้ำยังต้องมาเจอกับหนี้สินมากมายที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยที่พ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งท่านได้เอาบ้านและที่ดินไร่เพียงฟ้าไปเข้าธนาคาร ด้วยหวังว่าจะนำเงินที่ได้จากการจำนองที่มาขยายธุรกิจให้เติบโตมากยิ่งขึ้น และจัดการกับปัญหาเรื่องดินที่เกิดการเสื่อมสภาพลงให้ดีขึ้น
สองพ่อลูกช่วยกันสานฝันของนางเพียงดาวผู้เป็นแม่จนเกือบสำเร็จ หนี้สินที่ติดค้างกับธนาคารเกือบจะสามารถไถ่ถอนออกมาได้แล้วเชียว แต่โชคชะตาก็เหมือนกับอยากจะให้หญิงสาวได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของเธอด้วยตัวเอง โดยการพรากนายโกวิทผู้เป็นพ่อให้จากหญิงสาวไปพบกับแม่บนสวรรค์ด้วยโรคหัวใจ
ในเวลานั้นเพียงฟ้าเหมือนกับอยู่ตัวคนเดียว แต่เพราะภาระหน้าที่ที่รออยู่ตรงหน้า ทั้งไร่องุ่นของครอบครัว ทั้งคนงานอีกเกือบครึ่งร้อยชีวิตที่อยู่ในไร่ หญิงสาวจึงไม่สามารถที่จะอ่อนแอให้ใครๆ ได้เห็น เธอจึงมุ่งมั่นที่จะสานฝันของพ่อและแม่ให้ได้อย่างไม่ย่อท้อ
และทุกอย่างก็เหมือนจะไปได้ดีแต่แล้วหญิงสาวก็ต้องมาเจอกับปัญหาราคารับซื้อในท้องตลาดที่ตกต่ำต่อเนื่องกันหลายปีอย่างไม่น่าเชื่อ ไร่เพียงฟ้าขาดทุนย่อยยับ เงินที่หวังจะได้กลับคืนมากลับต้องนำไปเป็นค่าใช้จ่ายทุกๆ อย่างให้ภายในไร่เพียงฟ้าตลอดระยะเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมานั้นอีกครั้ง
แถมตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาที่หญิงสาวประสบอุบัติเหตุ ไร่เพียงฟ้าแทบจะไม่มีรายได้เข้ามาในไร่เลยด้วยซ้ำ ที่อยู่รอดมาได้ก็เพราะสวนผักที่หญิงสาวใช้เนื้อที่เพียงสองไร่แบ่งออกมาเพื่อใช้เป็นแปลงทดลองปลูกผักออแกนนิกปลอดสารพิษที่ทางเกษตรอำเภอแนะนำให้หญิงสาวทดลองปลูกดู
ซึ่งกลับกลายเป็นว่าผักปลอดสารพวกนี้ที่หญิงสาวทดลองอยู่กลับทำให้เธอและคนงานในไร่มีชีวิตอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ แต่ถ้าหากคิดจะทำการเกษตรในเรื่องนี้ก็คงต้องหาเงินลงทุนจำนวนมาก เพื่อที่จะพลิกผืนดินครึ่งหนึ่งหันมาปลูกผักปลอดสารพิษพวกนี้ควบคู่กับการทำไร่องุ่นไปด้วย แถมคุณภาพของดินก็จะต้องดีด้วยเพื่อผลผลิตที่จะได้นั้นมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับหญิงสาวตอนนี้ก็คือ เธอต้องรีบหาเงินมาให้ได้ เพราะเงินกู้ที่ทางธนาคารทวงถามมานั้นใกล้ถึงระยะเวลาที่ได้ขอผ่อนผันเอาไว้แล้ว ทำให้หญิงสาวหนักใจเป็นที่สุด ‘เธอจะไปหาเงินจากที่ไหนดี’ เพียงฟ้าคิดในใจ
ก่อนจะหยัดตัวเพื่อที่จะลุกขึ้นนั่ง หลังจากที่งีบหลับอยู่บนโซฟาได้เกือบสองชั่วโมงแล้ว ดวงตากลมโตเหลียวมองร่างของหญิงสูงวัยเดินหน้ามุ่ยเข้ามาหาเธอในเวลานี้ เพียงฟ้าจึงพูดถามอีกฝ่ายขึ้น
“ป้านิดเป็นอะไรไปคะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ”
หญิงสูงวัยที่หญิงสาวเรียกว่า ‘ป้านิด’ นั้นมีชื่อว่า นิตยา เป็นแม่บ้านที่คอยดูแลเพียงฟ้ามาตั้งแต่ยังเล็ก นางรักและเอ็นดูคุณหนูคนสวยของตนมากเท่าๆ กับ น้ำหนึ่งลูกสาวของนาง
หญิงสูงวัยหันมามองนายสาวของตนที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเล็กแล้วยิ้มอ่อนโยนออกมา นึกสงสารในโชคชะตาของหญิงสาวยิ่งนักที่ต้องมาสูญเสียมารดาตั้งแต่อายุยังน้อย หนำซ้ำยังต้องมาเสียคุณโกวิทผู้เป็นพ่อไปอีกเมื่อสามปีก่อน นี่ถ้าคุณโกวิทยังมีชีวิตอยู่ก็คงจะช่วยกันคิดหาทางออกให้กับไร่เพียงฟ้าได้อย่างแน่นอน
“ป้าไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะคุณฟ้า แค่โมโหยายหนึ่งมันก็เท่านั้นแหละค่ะ ทำตัวอย่างกับผู้ชายทั้งๆ ที่ตัวเองน่ะเป็นผู้หญิง กิริยามารยาทก็กระโดกกระเดกอย่างกับม้าดีดกะโหลกเหลือเกินเจ้าลูกคนนี้ ป้าเห็นแล้วก็คงหมดโอกาสที่จะได้อุ้มหลานแน่ๆ ค่ะ”
นางนิตยาพูดพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาเสียงดัง ก่อนที่ร่างเพรียวของน้ำหนึ่งจะวิ่งตึงๆ เข้ามาด้านในจนคนเป็นแม่ต้องร้องขึ้นเสียงดัง
“หยุด! หยุด! ยายหนึ่ง! แกหยุดวิ่งเดี๋ยวนี้นะ!”
เท้าบางหยุดกึกโดยอัตโนมัติ ใบหน้าสวยหวานหัวเราะแหะๆ ออกมาพร้อมกับค่อยๆ ก้าวเดินแล้วทรุดลงนั่งกับพื้นก่อนจะยื่นเอกสารให้กับคุณหนูเพียงฟ้าผู้เป็นนาย
“เอกสารจากทางธนาคารค่ะพี่ฟ้า”
ริมฝีปากสีชมพูพูดเจื้อยแจ้วออกมา น้ำหนึ่งมองเอกสารที่ยื่นส่งให้กับผู้เป็นนายที่ตนเองนับถือเหมือนดั่งพี่สาว และเพียงฟ้าเองก็เอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวเช่นกัน ถึงกับร้องขอให้น้ำหนึ่งเรียกเธอว่าพี่ฟ้า ห้ามเรียกคุณหนูหรือคุณฟ้าเด็ดขาด
เพียงฟ้ารับซองเอกสารมาจากมือของน้ำหนึ่ง ดวงตากลมโตมองนิ่งอยู่ที่ซองเอกสารสักพัก ก่อนที่จะผ่อนลมหายใจออกมาหนักๆ ไม่ต้องแกะดูก็รู้ว่าภายในเอกสารฉบับนี้เขียนมาว่าอย่างไร ก็คงไม่แคล้วการเร่งรัดให้ชำระเงินให้ได้ภายในเวลาที่กำหนดอย่างแน่นอน
น้ำหนึ่งเห็นใบหน้าของผู้หญิงที่ตนเองนับถือดั่งพี่สาวก็ให้ยิ่งสงสาร เธอเองก็ไม่มีปัญหาที่จะไปหาเงินหาทองมากมายจากตรงไหนมาช่วยเพียงฟ้าได้ ก่อนที่จะนึกไปถึงชายหนุ่มคนหนึ่งที่เปรียบเสมือนพี่ชายของตนเองอีกคน และน้ำหนึ่งมั่นใจว่าถ้าเพียงฟ้าเอ่ยปากขอความช่วยเหลือเขาคงจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน
“พี่ฟ้าคะ อย่าหาว่าหนึ่งจุ้นจ้านยุ่งเรื่องนี้เลยนะคะ ทำไมพี่ฟ้าไม่ลองคุยกับพี่ติณดูล่ะคะ หนึ่งว่าพี่ติณน่าจะช่วยพี่ฟ้าได้นะคะ”
น้ำหนึ่งพูดออกมาแล้วก็ให้เจ็บจี๊ดขึ้นมาในอกอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆ ที่ก็บอกกับตนเองอยู่ตลอดเวลาว่าชายหนุ่มรูปหล่อนามว่าติณนั้นมีใจให้กับผู้หญิงที่ชื่อเพียงฟ้าแต่เพียงผู้เดียว หากว่าพี่เพียงฟ้าเอ่ยปากขอร้องให้ช่วยมีหรือว่าเขาจะไม่ช่วย
“ไม่เอาหรอกหนึ่ง พี่ไม่อยากไปกวนคุณติณเขา อีกอย่างพี่กับเขาก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากมายสักเท่าไหร่ก็แค่เพื่อนบ้านใกล้เคียงกันก็เท่านั้น พี่ไม่อยากรบกวนเขาหรอก”
เพียงฟ้าพูดบอกน้ำหนึ่งออกไปอย่างที่ตนคิดจริงๆ
“แต่หนึ่งว่าพี่ติณเขาชอบพี่ฟ้านะ หนึ่งเห็นเวลาที่พี่เขามองพี่ฟ้าตอนเผลอบ่อยๆ ตางี้เยิ้มเชียว พี่ติณเขาต้องชอบพี่ฟ้าแน่ๆ เลย”
น้ำหนึ่งยังไม่ยอมถอย ยังคงตื๊อให้หญิงสาวขอความช่วยเหลือจากติณ
เพียงฟ้าได้แต่อมยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ ให้กับความคิดของหญิงสาวตรงหน้า แล้วพูดขึ้นว่า
“คุณติณเขาจะชอบพี่หรือไม่ชอบพี่ก็ไม่สนใจหรอกจ้ะ แต่ที่แน่ๆ พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเขาทั้งสิ้น และพี่ก็ให้ได้แค่ความเป็นเพื่อนด้วย อย่างอื่นหมดสิทธิ์จ้ะยายหนึ่ง”
เพียงฟ้าพูดบอกพร้อมกับที่มือเรียวจะแกะเปิดซองเอกสารออกอ่านในเวลาต่อมา
“โธ่...พี่ฟ้า...”
น้ำหนึ่งพูดได้แค่นั้นก็ถูกนางนิตยาผู้เป็นแม่พูดดักคอขึ้นมาทันที
“ยายหนึ่งหยุดพูดเลยนะ จะเซ้าซี้คุณฟ้าทำไมกันเด็กคนนี้นี่ เงียบเลย”
นางนิตยาพูดออกมาเสียงดุ ทำให้น้ำหนึ่งต้องหุบปากเงียบเอาไว้ไม่พูดอะไรออกมาอีก
เพียงฟ้านั่งอ่านเอกสารของธนาคารอย่างเงียบๆ ก่อนที่คิ้วโก่งเหมือนดั่งคันศรจะขมวดเข้าหากันนิ่ง เมื่อหนึ่งในเอกสารการทวงหนี้มีอีกหนึ่งฉบับแจ้งบอกกับเธอว่ามีผู้สนใจที่จะขอเข้ามาร่วมทุนในกิจการของเธอในครั้งนี้ด้วย หากสนใจให้เธอติดต่อกลับที่เบอร์ 099-080xxxx โดยติดต่อคุณยงยุทธ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานในเรื่องนี้
เพียงฟ้าจากที่คราแรกคิ้วสวยขมวดมุ่นด้วยความเคร่งเครียดเรื่องเอกสารการทวงหนี้ของธนาคาร แต่เมื่ออ่านเอกสารจบหญิงสาวมีสีหน้าที่มีความหวังเกิดขึ้นมาในใจว่าเธออาจจะรอดพ้นจากวิกฤตนี้ก็เป็นได้
“ป้านิดคะ ทางธนาคารเขามีจดหมายแนบมาว่ามีคนสนใจอยากที่จะร่วมทุนทำธุรกิจกับไร่ของเราน่ะค่ะ”
“จริงหรือคะคุณฟ้า มีคนสนใจอยากจะมาร่วมทุนกับไร่ของเราจริงๆ เหรอคะ”
นางนิตยาพูดถามซ้ำออกไปอีกครั้งอย่างไม่อยากจะเชื่อ ใบหน้าหญิงสูงวัยระบายยิ้มออกมาอย่างดีใจหากว่าคนที่สนใจยอมตกลงทำสัญญาร่วมทุนกับไร่เพียงฟ้า นั่นหมายถึงเงินก้อนใหญ่ที่จะมีเข้ามาเป็นทุนสำรองและเสริมสภาพคล่องให้กับไร่แห่งนี้
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีน่ะสิพี่ฟ้า ไร่เพียงฟ้าจะได้ไม่ต้องถูกธนาคารยึด พวกคนงานก็จะได้ไม่ต้องตกงานกัน วู้ หนึ่งดีใจจังเลย”
พูดจบหญิงสาวก็กระโดดกอดเอวบางของเพียงฟ้าทันที ก่อนที่นางนิตยาจะตีเพี๊ยะที่แขนของลูกสาวจอมเฮี้ยวเข้าให้หนึ่งที
“เพี๊ยะ”
“โอ๊ย! แม่น่ะ ตีหนึ่งทำไม” หญิงสาวร้องโวยวายขึ้น
“ให้มันน้อยๆ หน่อยนะยายหนึ่ง นั่นน่ะเจ้านายนะไม่ใช่เพื่อนเล่น”
นางนิตยาพูดปรามลูกสาวไม่ให้ลืมตัวและลืมฐานะของตนเองว่าอยู่ในตำแหน่งไหน
“ไม่เอาน่ะป้านิดอย่าพูดแบบนั้นสิฟ้าไม่ชอบเลย ฟ้าบอกแล้วไงคะว่าฟ้ารักน้ำหนึ่งเหมือนกับน้องสาวแท้ๆ ป้านิดเองฟ้าก็รักเหมือนกับแม่อีกคนของฟ้า เพราะฉะนั้นอย่าพูดแบบนี้อีกเลยนะคะฟ้าขอร้อง”
หญิงสาวพูดบอกหญิงสูงวัยให้เข้าใจเจตนาของตนอีกครั้งหนึ่ง นางนิตยาเองได้แต่มองสบตากับหญิงสาวผู้เป็นนายตาปริบๆ ก่อนจะพยักหน้าให้อย่างยอมจำนนก่อนจะพูดขึ้นว่า
“แล้วในเอกสารเขาบอกให้คุณฟ้าติดต่อเขากลับไปหรือเปล่าคะถ้าหากว่าทางเราสนใจน่ะค่ะ”
“บอกค่ะป้านิด ทางธนาคารเขามีเบอร์โทรศัพท์และชื่อของคนที่ทางเราจะติดต่อให้มาด้วย เดี๋ยวฟ้าว่าจะโทรฯ หาเขาเดี๋ยวนี้เลย”
หญิงสาวพูดบอกออกไปก่อนที่จะเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์มือถือที่โต๊ะรับแขกตรงหน้าขึ้นมากดไปที่เบอร์ที่จะติดต่อ
“ถ้าอย่างนั้นป้ากับยายหนึ่งขอตัวไปเตรียมของว่างให้คุณฟ้าก่อนนะคะ ไปยายหนึ่ง แกไปกับแม่เลย”
นางนิตยาพูดบอกคนเป็นลูกพร้อมกับถลึงตาใส่อย่างหมั่นไส้ น้ำหนึ่งยิ้มแหยๆ ให้กับคนเป็นแม่แล้วพูดตอบกลับมา
“จ้ะแม่”
แล้วร่างของสองแม่ลูกก็เดินออกไปจากห้องรับแขก ก่อนที่ปลายสายที่หญิงสาวกดโทรฯ หาจะกดรับสาย
“สวัสดีครับ ผมยงยุทธ”