“คุณแม่ขา ทำไมคุณพ่อไม่มาอยู่กับเราบ้างเลย”
ดวงตาคู่เล็กของเด็กหญิงวัยห้าขวบจวนจะปิดลงหลังจากฟังนิทานจบ ทว่าด้วยความคิดถึงบิดาบังเกิดเกล้าทำให้เด็กหญิงฝืนร่างกายตัวเอง
ญาตาวีทอดกายนอนข้างกันวางมือลูบศีรษะ คิ้วได้รูปขยับย่น ทบทวนคำตอบถึงสองรอบ ไม่ต้องการสร้างแผลใจให้ลูกสาวโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“บ้านเราอยู่ไกลโรงพยาบาล คุณพ่อมาอยู่กับเราไม่ได้ วันหยุดที่แล้วคุณพ่อก็มาหา หนูวาคิดถึงคุณพ่ออีกแล้วเหรอลูก”
“คิดถึงค่ะ หนูวาอยากให้คุณพ่อย้ายมาอยู่กับหนู อยากให้ไปส่งหนูที่โรงเรียน สอนการบ้าน พาหนูไปเที่ยว”
ถึงเวลานอน เด็กหญิงฝืนร่างกายไม่ไหวผล็อยหลับไป ถือเป็นเรื่องดี เพราะญาตาวีไม่รู้จะตอบคำถามใสซื่อจากลูกสาวอย่างไร ไม่ให้กระทบจิตใจว่าพ่อแท้ๆ ของแกไม่ได้ไยดี
ญาตาวีจะอายุครบยี่สิบสามปียังถือว่าเด็กมาก คนวัยเท่านี้มีลูกหนึ่งคนไม่แปลก ทว่าเมื่อคนส่วนมากทราบอายุลูกสาวนำมาเปรียบเทียบกับอายุหล่อนสีหน้าพวกเขาเปลี่ยนไป สาดสายตารังเกียจมาทางนี้หาว่าแรดมีลูกตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมปลาย
ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น หล่อนอยากใช้ชีวิตวัยรุ่นร่วมกับกลุ่มเพื่อนให้มีความสุขไปตามวัย ไม่ใช่ลาออกจากโรงเรียนมาเลี้ยงลูก เพื่อนร่วมชั้นจากเคยคบหากันสนิทชิดเชื้อก็ต่างตั้งวงนินทา ต่อหน้าว่าอย่าง ลับหลังว่าไปอีกอย่าง ครูประจำชั้นห่วงภาพลักษณ์โรงเรียนมากกว่าอนาคตเด็กคนหนึ่ง กดดันหล่อนให้ออกมาอยู่นอกวงกลมอย่างโดดเดี่ยว
หลังจากคลอดลูกญาตาวียังรักเรียน แต่ไม่อยากกลับไปอยู่ในสังคมโรงเรียน เลือกที่จะหาความรู้ด้วยตัวเองผ่านการศึกษานอกระบบ ได้วุฒิ ม.6 มาเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเปิด เพื่อจะได้มีเวลาเลี้ยงดูลูกสาวไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เท่าที่คุณแม่วัยสาวอย่างหล่อนจะสามารถทุ่มเทให้ลูกได้
บ้านเดี่ยวไกลเมืองหลังนี้พ่อของลูกซื้อให้อยู่ไม่ให้ไปวุ่นวายกับเขา ญาตาวีอาศัยอยู่กับลูกสาวตั้งแต่แกยังอยู่ในท้องจนคลอดมาได้ห้าปี รถยนต์เขามีให้ เงินเดือนเขาให้ใช้ ให้ทุกสิ่งทุกอย่างยกเว้นเวลาและความรัก ทั้งที่สองสิ่งสำคัญต่อญาตาวีกับลูกสาวมากที่สุด
ความผิดพลาดทั้งหมดเริ่มต้นจากคืนหนึ่ง ญาตาวีได้ยินพ่อแม่ทะเลาะเกี่ยวกับปัญหาการเงิน พวกท่านปะทะฝีปากกันรุนแรงถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกาย เด็กสาววัยสิบเจ็ดปีรับสภาพครอบครัวไม่ได้กรีดร้องใส่พวกท่าน ร้องไห้ หลบหนีออกจากบ้านนัดเพื่อนคนหนึ่งให้ออกมาเจอกัน ญาติเพื่อนเป็นเจ้าของผับ ตามปกติญาตาวีไม่สามารถเข้าได้อายุไม่ถึงเกณฑ์ แต่เพื่อนเปรี้ยวจี๊ดพาเข้าทางด้านหลัง เด็กสาวดื่มเหล้าลืมเศร้าจนขาดสติ ตื่นขึ้นมาอีกทีบนเตียงกับผู้ชายแปลกหน้า ตกใจจนช็อก รีบสวมใส่เสื้อผ้าหนีออกมาจากโรงแรม
เด็กสาวกลับมาพบบ้านว่างเปล่า ซุกตัวใต้ผ้าห่มนอนซมพิษไข้ทั้งวัน ขยับตัวไปไหนไม่ได้ ขาดเรียนวันศุกร์วันเดียวครูไม่ได้แจ้งผู้ปกครอง แต่ถึงวันจันทร์ยังไม่ไปเรียนครูโทรรายงานผู้ปกครอง พ่อแม่บินด่วนจากต่างจังหวัดกลับมาถึงบ้านพบลูกสาวป่วยหนัก จากที่เครียดเรื่องงานเมื่อได้รับรายงานจากหมอเกี่ยวกับรอยช้ำตามตัวที่บ่งชี้ไปในทางไม่ดี พวกท่านเครียดหนักกว่าเดิมเค้นเอาความจริง ญาตาวีกัดปากไม่ยอมพูดถึงพวกท่านก็หาวิธีเค้นจนทราบถึงความเหลวแหลกของลูกสาว พวกท่านผิดหวังในตัวหล่อนมาก ตัดสินใจขายธุรกิจนำเงินมาหารครึ่งแล้วหย่าขาดกันให้จบสิ้น
ญาตาวีกลายเป็นเด็กบ้านแตกพ่อไปทางแม่ไปทาง เลือกอยู่กับแม่ เพราะพ่อไม่คุยด้วยนับจากเกิดเรื่อง พ่อแยกย้ายไปมีชีวิตใหม่ นำเงินเก็บทั้งหมดไปทุ่มลงทุนธุรกิจเกี่ยวกับการขายเครื่องมือแพทย์ แม่ทำงานในบริษัทต่างชาติพบรักเพื่อนร่วมงาน ย้ายไปอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ ทิ้งญาตาวีให้อยู่กับป้า
ป้าใหญ่ไม่ได้ตัวเปล่า มีครอบครัว ไม่ได้เต็มใจรับดูแล แต่เพราะแม่ญาตาวีขอร้องให้ป้าใหญ่ช่วยแบ่งห้องในบ้านให้พัก จนกว่าเด็กสาวจะเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ญาตาวีช่วยงานบ้านทุกอย่างเพราะเกรงใจป้า ไม่กี่เดือนมีปัญหาสุขภาพมากวนใจกระทบการเรียน ญาตาวีผิดสังเกตตัวเอง ป้าใหญ่ผิดสังเกตเช่นกัน พาไปตรวจที่โรงพยาบาลได้รู้ความจริง ว่าในขณะนั้นญาตาวีกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ
แพทย์สอบถามอายุญาตาวีสีหน้าท่าทางเคร่งเครียด แจ้งข่าวและจะช่วยคุยกับป้าให้ ญาตาวีเสียใจเนื้อตัวสั่นคลอนผิดหวังในตัวเอง พ่อแม่ไม่มีใครรัก ป้าใหญ่ยิ่งแล้วกัน คงไม่อยากรับหล่อนไปเป็นภาระ ตัดสินใจหลบหนีออกจากห้องตรวจไม่ให้ใครเห็น
เสียงป้าใหญ่ด่าเกรี้ยวกราดดังไกลมาถึงตรงนี้ ญาตาวีรีบวิ่งจนสะดุดล้ม มีคนหนึ่งเข้ามารับไว้ทันหากช้ากว่านี้อาจตกจากพื้นต่างระดับ เสี้ยวหนึ่งในความคิดเด็กสาวโกรธคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วย ถ้าหกล้มกระแทกพื้นแรงๆ แท้งไปเลยอาจจะดีกับหล่อนมากกว่า หล่อนยังเรียนจะเอาปัญญาจากไหนมาเลี้ยงลูก
ใบหน้าสวยสมวัยเปรอะเปื้อนคราบน้ำ ยกสูงเลื่อนมองเจ้าของมือที่คว้าเหมาะบนเอวเล็ก เลื่อนสายตาไหวสั่นขึ้นมามองปลายเสื้อกาวน์บ่งบอกอาชีพ นายแพทย์ปรเมศวร์ ชื่อสลักบนเสื้อ
‘แกจะหนีไปไหน! นังหลานไม่รักดี!’
ป้าใหญ่ตรงมาทางญาตาวี ด้านหลังป้าใหญ่มีคุณหมอหนุ่มคนเดิม ญาตาวีขลาดเขลากลัวป้าจะนำเรื่องนี้ไปบอกพ่อแม่ ปัดมือชายคนนั้นออกจะวิ่งหนี ทว่าเขากลับจับหล่อนไว้ไม่ยอมปล่อย
‘ปล่อยค่ะ’
ดวงหน้าอ่อนหวานจับจ้องผู้เป็นป้าตลอดเวลา แทนที่เขาจะปล่อยกลับจับท่อนแขนหล่อนแรงกว่าเดิมสองเท่า
ญาตาวีแหงนดวงหน้าซีดขึ้นมองชายหนุ่มสบสายตาคมปลาบ
เขาจ้องหน้าหล่อนอยู่ก่อนหน้าแล้วจ้องนิ่งราวกับรู้จัก เขาคุ้นหล่อน หล่อนคุ้นเขา หวนให้นึกถึงค่ำคืนที่ถูกเกี้ยวพาไปจบบนเตียง ญาตาวีเวียนหัวแทบหมดสติลงตรงนี้ขณะที่ป้าใหญ่เข้ามาถึงตัวคว้าแขนหล่อนเข้าไปกระหน่ำมือทุบตี
‘นังหลานไม่รักดี ฉันจะตี ตีแกให้ตาย ลำพังตัวแกคนเดียวฉันกลั้นใจรับมาดูแล ยังจะเอาลูกมาเป็นภาระฉัน!’
‘ป้าใหญ่ หนูเจ็บ ฮือๆ’
ป้าใหญ่กระหน่ำทุบหลังหลานสาวไม่ออมแรง หมอหนุ่มสองคนจากด้านหน้าด้านหลังเข้ามาจับแยกผู้ใหญ่ออกจากเด็กสาว
‘คุณป้าใจเย็นๆ ก่อนนะครับ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน’
‘ถ้ามันเป็นลูกเป็นหลานหมอ หมอจะใจเย็น ค่อยพูดค่อยจากันได้เหรอ! มันยังเรียนอยู่เลยนะ พ่อแม่แยกทางโยนมันมาเป็นภาระฉัน อีกหน่อยพอมันคลอด ฉันต้องรับพวกมันสองคนมาเป็นภาระงั้นเหรอ หมอไม่ใช่ฉันก็พูดได้สิ!’
‘ท้องเหรอ’