เสน่ห์นางคณิกา

1902 Words
ค่ำคืนไร้จันทรา แหงนมองฟ้าเพียงเดียวดาย อ้อนวอนดาราฉาย ส่องประกายแห่งความหวัง น้ำตาไหลหลั่งริน  กัดกร่อนกินใจบอบบาง ภาพจำสีซีดจาง เจ็บกี่ช้ำจะร้างลืม ตอนที่ 4 สองเดือนผ่านไป ซือเหยียนสอบได้จอหงวนฝ่ายบุ๋นตามที่คาดหวังและอีกไม่นานเขาจะได้รับช่วงเป็นนายอำเภอประจำอยู่ที่เมืองลู่เจ๋อแทนท่านนายอำเภอคนเก่าซึ่งใกล้ถึงวาระเกษียณราชการในเร็ววัน ระหว่างนั้นซือเหยียนได้ออกไปหาความสำราญตามประสาชายโสดพร้อมกับบ่าวรับใช้ส่วนตัวเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่เคยคร่ำหวอดอยู่กับการศึกษาตำรากฏหมายมานานหลายเดือน “หญิงสาวเหล่านี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์หรูหราเขียนหน้าทาปากกันสุดฝีมือ พยายามทำตัวให้งามแต่ก็ดูฉูดฉาดลวงตานัก” ซือเหยียนเชิดใบหน้าหล่อเหลาขึ้นด้วยความหยิ่งทระนงขณะนั่งชมเหล่าสาวงามแห่งหอคณิกาเลื่องชื่อของเมืองลู่เจ๋อร่ายรำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากแขก พวกนางสวมเสื้อผ้าเนื้อบางเบาเปิดเผยสัดส่วน เคลื่อนไหวอย่างอ่อนช้อยและต่างชะม้ายชายตามายังคุณชายซือเหยียนซึ่งรูปงามปานเทพบุตรด้วยความหวังว่าจะได้ร่วมหลับนอนกับเขาสักค่ำคืน หากแต่ซือเหยียนนั้นยังติดตรึงใจเรือนร่างบอบบางอรชรราวนางอัปสรและผิวพรรณขาวผ่องละมุนราวหยกขาวเนื้อดีของหลิวอี้เฟยซึ่งงามล้ำยากหาผู้ใดเปรียบเทียบ จึงมองเห็นพวกนางเหมือนก้อนดินก้อนกรวดที่ไร้ความสำคัญ ไม่มีนางโลมคนไหนสามารถปลุกกิเลสตัณหาของเขาได้สำเร็จ ขณะที่บ่าวรับใช้คนสนิทของคุณชายซือนั้นคันมือคันไม้อยากร่วมหลับนอนกับสาวงามของหอคณิกาเลื่องชื่อแห่งเมืองลู่เจ๋อสักคน  เสี่ยวเอ้อของหอคณิกาเดินตรงมาหาบ่าวรับใช้ของซือเหยียนซึ่งกวักมือเรียกหยอยๆ “นายท่านต้องการสิ่งใดขอรับ” “ที่หอรัญจวนจิตไม่มีสาวงามเลอโฉมเลยรึ”  ผู้ถามไถ่ทำท่าถอนหายใจด้วยความเบื่อระอา “นายท่าน หอรัญจวนจิตขึ้นชื่อว่าเป็นหอคณิกาที่เลื่องชื่อที่สุดในลู่เจ๋อ สาวงามของหอรัญจวนจิตย่อมเลอโฉมกว่าหอคณิกาทุกแห่ง” ฝ่ายเสี่ยวเอ้อก็กุลีกุจอตอบอย่างกระตือรือร้น “แต่ว่าคุณชายซือของข้าไม่ถูกใจใครเลยสักคน เจ้ารู้ไหมว่าสาวๆ ของที่นี่งามได้ไม่ถึงครึ่งของสาวเสิร์ฟโรงเตี๊ยมเมืองซือโฉวด้วยซ้ำนา”  บ่าวรับใช้ของซือเหยียนกล่าวด้วยความเจ้าเล่ห์ที่มีไม่น้อยไปกว่าผู้เป็นนาย “รอสักครู่เถิดนายท่าน ข้าจะไปแจ้งท่านเจ้าของหอให้ส่งแม่นางซู่ฮวาดาราของหอรัญจวนจิตออกมาอวดโฉม รับรองว่าคุณชายของท่านจะต้องตกตะลึงในความงามของแม่นางซู่ฮวาจนตาค้างอย่างแน่นอน” เสี่ยวเอ้อผู้นั้นสูดลมหายใจเข้าจนอกผึ่ง เขากล่าวอย่างมาดหมายและรู้สึกราวตัวเองกำลังถูกหยามก็ไม่ปาน หลังจากเสี่ยวเอ้อผู้นั้นจากไปได้ไม่นาน นักดนตรีประจำหอรัญจวนจิตก็บรรเลงเพลงพิณท่วงทำนองครึกครื้นสนุกสนาน บรรดานางโลมหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราสวมชุดสีขาวแบบเดียวกันทะยอยออกมาร่ายรำอย่างเข้าจังหวะ สักครู่ดนตรีก็เร่งเร็วจนถึงขีดสุดและหญิงสาวเหล่านั้นก็ถลาล้มลงระเนระนาด สร้้างความฉงนสนเท่ห์ให้แก่บรรดาแขกซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับการแสดงเป็นอย่างมากซึ่งก็รวมไปถึงซือเหยียน ในชั่วขณะนั้นกลางเวทีก็มีกลุ่มควันสีแดงหนาตาพวยพุ่งขึ้นแล้วค่อยๆ จางลง เผยให้เห็นร่างอรชรอ้อนแอ้นของหญิงสาวซึ่งสวมใส่ชุดสีแดงเพลิงทำจากผ้าเนื้อบางเบาผู้หนึ่งที่ปรากฎตัวพร้อมกับท่วงทำนองดนตรีของเพลงชมจันทร์จังหวะหวานซึ้ง  เมื่อกลุ่มควันสีแดงสลายเลือนรางลง จนสามารถมองเห็นความงดงามหวานล้ำของหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่าเป็นนางโลมที่มีความงามเป็นอันดับหนึ่งแห่งหอรัญจวนจิต เสียงพร่ำพูดชื่นชมความงามและเสียงปรบมือก็ดังเกรียวกราวกลบทุกสรรพเสียงในหอคณิกา ทุกสายตาจับจ้องไปยังสาวงามนางนั้น แต่ทว่าสายตาของนางกลับมองเพ่งไปยังชายหนุ่มรูปงามท่าทางสำอางค์ซึ่งเหล่านางโลมต่างร่ำลือถึงความหล่อเหลาราวเทพบุตรเพียงคนเดียว “สาวงามผู้นี้มองคุณชายไม่วางตาเลยนะขอรับ” บ่าวรับใช้คนสนิทของซือเหยียนกล่าวด้วยอากัปกิริยาแย้มยิ้มหน้าบานอย่างภาคภูมิใจแทนผู้เป็นนาย ส่วนซือเหยียนนั้นกำลังลุ่มหลงในความงามของดาราแห่งหอรัญจวนจิตแบบหน้ามืดตามัว กระทั่งลืมเลือนความมุ่งมั่นตั้งใจจริงว่าจะซื่อสัตย์ต่อคนรักไปเสียสิ้น ดาราหอรัญจวนจิตกอดจูบเรือนร่างสูงโปร่งงามสง่าของซือเหยียนด้วยอารมณ์ปรารถนาร้อนแรง นางยั่วยวนให้เขาอยากร่วมรักอย่างสุดฝีมือ ทำให้เขาแทบคลุ้มคลั่งด้วยความกระสันสวาทเจียนบ้าและจู่ๆ นางก็หยุดชะงักการกระทำทั้งหลายทั้งปวงลง “คุณชายข้าอยากให้ท่านดูอะไรบางอย่าง” “รีบๆ แสดงให้ข้าดูเสียสิ”  ซือเหยียนเร่งเร้า เพราะอยากให้นางพาขึ้นสวรรค์เต็มกำลัง ซู่ฮวาเลิกพรมที่ปูพื้นตรงด้านหน้าเตียงนอนขึ้นแล้วสอดนิ้วเข้าไปในรูเล็กๆ เพื่อยกแผ่นไม้ขนาดกว้างเท่าฝ่ามือยาวสองคืบออก ก่อนกล่าวเชิญชวนซือเหยียนมองลอดลงไปทัศนาสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่ในห้องหับเบื้องล่าง “ข้าซื้อยาจกชายผู้นี้มาจากขบวนพ่อค้าทาส เขาทำหน้าที่หาบน้ำและช่วยบำบัดอารมณ์ที่คั่งค้างจากการรับแขกให้แก่สาวๆ ในหอรัญจวนจิต” ซู่ฮวาพูดด้วยน้ำเสียงพร่าสั่นขณะลูบไล้เรือนร่างกึ่งเปลือยของตน ภายในห้องหับคับแคบนั้นมีหญิงนางโลมผู้หนึ่งกำลังเปลือยกายคุกเข่าลงบนพื้นเบื้องหน้าของชายผิวคล้ำแดดร่างสูงใหญ่บึกบึนซึ่งเปลือยเปล่าเช่นเดียวกัน นางกำลังทำโอฐษ์กามให้กับชายหาบน้ำด้วยความระริกระรื่น  เรื่องพรรณนี้ไม่ได้ทำให้ซือเหยียนรู้สึกแปลกใจนัก ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกคือเครื่องเพศขนาดใหญ่โตเทียบเคียงอาชานัยของยาจกชายผู้นั้น หญิงนางโลมเคลื่อนเรือนกายเปลือยเปล่าขาวโพลนขึ้นไปนอนกึ่งนั่งเกยสะโพกหมิ่นเหม่ตรงขอบเตียงเตาและกางขาทั้งสองข้างออกกว้างจนกลีบอวบอูมซึ่งนวลเนียนเกลี้ยงเกลาเพราะผ่านการกำจัดเส้นขนจนหมดจด กระทั่งดอกบัวตูมของนางแยกแย้มเบ่งบานแลเห็นร่องฉ่ำสวาทสีแดงจัด  “ทำให้ข้าขาดใจตายด้วยความสุข แล้วเจ้าเองก็จะได้ขึ้นสวรรค์” นางกล่าวเชื้อเชิญชายหาบน้ำด้วยน้ำเสียงกระหายราคะ ดวงตาปรือเยิ้มด้วยอารมณ์ตัณหา “กางขาของเจ้าออกให้กว้างกว่านี้” ชายหาบน้ำใช้มือข้างหนึ่งแหวกกลีบเนื้อของนางอ้าออกแล้วนำทวนสวาทท่อนใหญ่โตเสือกเข้าไปในรอยแยกซึ่งสั่นระริกร่านรอคอยท่าอย่างยินดีปรีดาด้วยความดุดันไร้ปราณี  “โอววว... ช่างยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้” นางโลมผู้นั้นกรีดร้องครวญครางด้วยน้ำเสียงอันถึงอกถึงใจอย่างยิ่งยวด นางสอดแขนรั้งขาพับทั้งสองข้างเอาไว้แน่นกระทั่งสะโพกผายแอ่นขึ้นเหนือพื้น โหนกเนินอวบอูมลอยเด่นถูกเครื่องเพศท่อนใหญ่ยาวของชายหาบน้ำร่างยักษ์ชำแรกชำเราเข้าออกอย่างล้ำลึกด้วยจังหวะอันหนักแน่นสม่ำเสมอและทบทวีความเร็วแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ  เสียงเนื้อต่อเนื้อกระทบกระแทกกันและเสียงร้องครวญครางของทั้งคู่ดังก้องไปทั้งห้องหับเล็กแคบเท่าแมวดิ้นตาย   ร่่่่างบางอรชรบิดแอ่นอย่างทรมานใต้ร่างล่ำหนา ก้อนเนื้อทรวงสาวถูกมือหยาบกร้านเพราะกรำงานหนักขยี้ขยำจนปริปลิ้น ทว่านางโลมผู้นั้นกลับส่งเสียงเร่งเร้าให้ชายหาบน้ำกระทำชำเรานางรุนแรงยิ่งขึ้น  นางกรีดร้องเสียงโหยหวนเมื่อถูกกระทำกระทั่งสำเร็จสวาท ทว่าคนทั้งคู่ยังไม่ยุติความสำราญอยู่เพียงแค่นั้น ชายหาบน้ำผละออกจากเรือนร่างยั่วกาม เขานั่งลงข้างกายนางและเอนนอนอวดความแข็งแรงล่ำสันอันชูชันชวนให้หวาดหวั่นใจ “อยากได้ความสุขมากเท่าไหร่ก็จงกอบโกยเอาเองเถิด” นางโลมผู้นั้นตะกายขึ้นไปคร่อมขี่เหนือหน้าตักแกร่ง จับเครื่องเพศของชายหาบน้ำแยงแหย่ร่องสวาทของนางแล้วขย่มสะโพกผายลงจนเกิดเสียงเนื้อเสียบเนื้อดังสวบสาบ โดยมีมือหนาคอยประคองเอวบางเพื่อจับร่างอรชรกระแทกกระทั้นขึ้นและลงอย่างดุดันเร็วแรง ขณะที่นางส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความสาแก่ใจไม่หยุดปาก  “รูปร่างท่านก็สูงใหญ่พอกันกับเขา แต่ขนาดอาวุธของท่านช่างทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังนัก ตอนนี้คุณชายซือคงรู้แจ้งชัดเจนแล้วว่าเสน่ห์อันแท้จริงแห่งบุรุษเพศนั้นอยู่ที่ราศีใด” เสียงหวานรื่นหูดังขัดจังหวะความตื่นเต้นระทึกใจของซือเหยียน ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรเจื่อนไปถนัดตาเมื่อได้ยินนางกล่าว ซือเหยียนกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อนเข้าใจแล้วว่าทำไมซู่ฮวาจึงยุติกามกรีฑาลงกระทันหัน “คงจะมีเพียงหญิงร่านกระมังที่คิดเช่นนั้น” ซือเหยียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งถือดี ทว่าภายในใจกลับรู้สึกว่าตนช่างเป็นชายที่มีอาวุธแห่งบุรุษเพศกระจ้อยร่อยน้อยนิดเหลือแสนหากถูกเปรียบเทียบกับชายหาบน้ำของหอคณิกา “หญิงสาวที่ไม่มีความร่านย่อมมิใช่อิสตรีผู้เปี่ยมล้นเสน่ห์ ชายหนุ่มที่ไร้ซึ่งตัณหาย่อมมิใช่บุรุษผู้ยิ่งใหญ่”  นางกล่าวด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าในที “วาจาสามหาวนัก ข้าจะบอกเจ้าของหอรัญจวนจิตว่าเจ้าไร้มารยาทกับแขก”   ร่างสูงโปร่งงามสง่าลุกขึ้นยืนและสวมใส่เสื้อผ้า ปิดปังความเป็นชายอันซีดขาวขนาดเท่าจิ้งจกที่เกาะพนังห้องนางโลมหอคณิกาของตนด้วยท่าทางฟึดฟัด “คุณชายซือคงไม่รู้กระมังว่า... ซู่ฮวาผู้นี้คือเจ้าของหอรัญจวนจิต”  นางยิ้มแย้ม ใช้ปลายนิ้วเกี่ยวพันเส้นผมนุ่มสลวยเล่นแบบไม่ทุกข์ร้อนใดๆ “ถ้าเช่นนั้นก็จงเตรียมตัวปิดกิจการของเจ้าได้เลย”  ซือเหยียนกล่าวด้วยความมีน้ำโหสุดขีด แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินปึงปังตรงไปที่ประตู ทว่าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อถูกนางเรียกเอาไว้ “ช้าก่อนคุณชายซือ ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าไม่ต้องการเห็นสาวงามร้องครวญครางใต้ร่างเช่นนั้นบ้าง”  ซู่ฮวากล่าวต่อเมื่อเห็นร่างสูงสง่าหยุดนิ่ง “ซู่ฮวาสามารถช่วยให้คุณชายเป็นบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เช่นนั้นได้” ซือเหยียนหันกลับมามองใบหน้างดงามของซู่ฮวาซึ่งกำลังส่งยิ้มหวานหยดย้อยให้ตนด้วยท่าทางครุ่นคิด  หากเป็นบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แล้วสามารถทำให้หลิวอี้เฟยร้องครวญครางใต้ร่างได้คงดีไม่น้อย ครั้งแรกของเขาและนางที่ธารน้ำตกวันนั้นช่างทำให้ซือเหยียนขายขี้หน้ายิ่งนัก ยังไม่ทันได้ขึ้นทับสาวเขาก็หลั่งรดดอกไม้งามอย่างหมดท่า 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD