ห้องทำงานท่านนายอำเภอ

2701 Words
หลงละเมอ ชื่นชม โฉมบุปผา ช่อผกา อบร่ำ กลิ่นหอมหวาน  เพ้อคลั่งไคล้ เอวบาง ร่างสะคราญ   ฝันชิดเชย รอยยิ้มงาม ตราบชีพวาย ตอนที่ 5 เสียงเพลงพิณอันไพเราะรื่นหูหวานจับจิตจับใจคนฟัง ตรึงให้ผู้ที่พึ่งเดินทางมาถึงหยุดยืนแน่นิ่งอยู่ชั่วขณะ  อ๋องสามหยางหลงหันไปมองผู้ติดตาม ใช้สายตาเฉียบดุมีอำนาจปรามไม่ให้พวกเขาส่งเสียงดังและเดินนำทุกคนด้วยความเงียบเชียบไปยังต้นกำเนิดเสียงเพลงอันแสนไพเราะ เหมาะสมกับที่บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีชั้นเลิศแห่งบ้าน ‘พิณสวรรค์’ ของท่านอาจารย์ฟ่านเจิง  สายลมเย็นแห่งวสันต์วิษุวัตพัดพากลิ่นหอมดอกท้อในสวนอันร่มรื่น เร้าให้อ๋องสามหยางหลงเร่งฝีเท้ามุ่งไปชมการบรรเลงพิณให้ทันก่อนจบบทเพลง ร่างสูงสง่ามีอันต้องชะงักงันเป็นครั้งที่สอง  ผู้บรรเลง ‘บทเพลงแห่งละอองพิรุณ’ ด้วยพิณสวรรค์ที่ท่านอาจารย์ฟ่านเจิงหวงแหนหนักหนาคือหญิงสาวรูปโฉมงดงามราวกับเทพธิดา มุมปากของท่านอ๋องสามหยางหลงยกโค้งขึ้น เมื่อเห็นริมฝีปากสีชมพูดอกท้อของนางคลี่เป็นรอยยิ้มหวานหยดส่งไปยังบรรดาผู้ปรบมือชื่นชม  ในขณะที่เหล่าผู้มาเยือนต่างยืนนิ่งงันราวฝ่าเท้าถูกตรอกตรึงด้วยตะปู รอยยิ้มของนางทำให้ใบหน้าหวานล้ำงามพิสุทธิ์แลดูอบอุ่นอ่อนหวานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี หยางหลงบังเกิดอารมณ์รักใคร่เสน่หาขึ้นมาอย่างกระทันหัน ทั้งที่เชยชมสาวงามมานับครั้งไม่ถ้วนแต่ไม่เคยรู้สึกปรารถนาหญิงใดมากมายเท่านี้มาก่อน ทว่าความรื่นรมย์ที่ได้ยลโฉมสาวงามก็ถูกขัดจังหวะอย่างกระทันหัน เมื่ออาจารย์ฟ่านเจิงสั่งให้บรรดาลูกศิษย์ลูกหาแยกย้ายกลับไปพักผ่อนที่เรือนนอน  เพราะแลเห็นแขกคนสำคัญซึ่งได้ให้ม้าเร็วส่งข่าวมาบอกล่วงหน้าว่าจะมาเยี่ยมเยือนได้เดินทางมาถึงบ้านพิณสวรรค์แล้ว หลิวอี้เฟยพยายามแสร้งทำเป็นหูทวนลมกับเสียงกระซิบกระซาบชื่นชมของบรรดาชายหนุ่มจำนวนสิบกว่าคนซึ่งดังหึ่งเหมือนเสียงแมลงภู่ตอมดอกไม้ และอึงอลไปทั้งห้องรับรองแขกเมื่อนางถือถาดของว่างกับน้ำชากาใหม่เดินข้ามธรณีประตูเข้ามา  ต่อให้สงบเยือกเย็นปานใด นางก็ยังต้องหวั่นไหวต่อสายตาพยัคฆ์ของชายหนุ่มรูปงามที่นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่ข้างท่านอาจารย์ฟ่านเจิง  เขาก็วางตัวสุภาพดีอยู่หรอกเว้นเสียแต่สายตาที่มองนางแบบเปิดเผยไม่เกรงใจฟ้าดิน หลิวอี้เฟยรีบวางถาดของว่างลงบนโต๊ะหินหยกขนาดเล็กที่ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างหยางหลงกับท่านอาจารย์ฟ่านเจิง ยกการินน้ำชาเสริฟใส่จอกอย่างรวดเร็วและพาตัวเองออกมาจากเหตุการณ์ชวนอึดอัด ก่อนที่นางจะเหี่ยวแห้งตายเพราะถูกเผาด้วยสายตาสว่างจ้าสิบกว่าคู่ของบรรดาหนุ่มๆ ในห้องรับรองแขก “ลูกศิษย์ของท่านฟ่านเจิงชื่ออะไรรึ”  อาจารย์ฟ่านเจิงมองตามสายตาคมกล้าของหยางหลงที่ผูกติดอยู่กับร่างเล็กอรชรของหลิวอี้เฟยเหมือนเงื่อนตายยากที่จะแกะออก  กระทั่งเงาร่างบอบบางลับหายไป ท่านอ๋องสามหยางหลงจึงได้หันกลับมามองคู่สนทนาที่แอบลอบจับเวลาว่าเมื่อไหร่อ๋องหนุ่มจะยอมกระพริบตา “เป็นบุตรสาวสหายรักของข้าเอง นางชื่อหลิวอี้เฟย” “ข้าอยากทำความรู้จักกับนางเป็นการส่วนตัว หวังว่าท่านฟ่านเจิงคงไม่ขัดข้อง”  หยางหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดหนักแน่น อย่างคนเคยชินกับการออกคำสั่ง “ใครกันจะกล้าขัดท่านอ๋องสาม” อาจารย์ฟ่านเจิงอมยิ้ม นึกขบขันท่าทางของอ๋องหนุ่มผู้เป็นสหายต่างวัย อ๋องสามช่างเป็นชายหนุ่มที่เกี้ยวสาวได้บุ่มบ่ามเอิกกะเริกเสียจริง! “ท่านฟ่านเจิง รบกวนให้เรียกแค่ชื่อของข้าเหมือนเรียกทหารคนอื่นเถิด เดินทางมาสำรวจความเป็นอยู่ของชาวเมืองทางใต้คราวนี้ อยากถือโอกาสสืบหาข่าวของมหาโจรหย่งหนาน”  หยางหลงยกถ้วยชาที่สาวงามรินเติมให้ขึ้นสูดดมกลิ่นหอมจากควันชาขาวต้มใหม่ที่ลอยอบอวล พลางยิ้มขณะไล้ปลายนิ้วรอบถ้วยชาแผ่วเบา ราวกับว่ากำลังสัมผัสมือเรียวงามของนาง  “ถ้าเช่นนั้นก็ต้องขออภัยล่วงหน้า หากข้าเผลอล่วงเกินท่าน” อาจารย์ฟ่านเจิงออกตัว ค่ำคืนข้างขึ้นในฤดูร้อนเงียบสงัด ท้องฟ้าเบื้องบนดารดาษไปด้วยแสงระยิบระยับของดวงดาว บรรยากาศยามไร้แสงอาทิตย์ไม่หนาวไม่ร้อนเหมาะที่จะออกมานั่งตากลมชมดาวยิ่งนัก หยางหลงกับเซียงชุนเพื่อนสนิทยึดเอาหลังคาหอสมุดของบ้านพิณสวรรค์เป็นที่นั่งดื่มสุราอย่างครึ้มอกครึ้มใจ มุมนี้เป็นจุดสูงสุดของบ้านพิณสวรรค์ ที่สามารถมองเห็นอาณาเขตโดยรอบภายในและภายนอกรั้วกำแพง รวมถึงถนนหนทางน้อยใหญ่ที่ใช้สัญจรเข้าเมืองฉวี่ชุน “เพื่อเกี้ยวผู้หญิงธรรมดาเพียงคนเดียว ท่านอ๋องถึงกับต้องยอมปลอมตัวเป็นทหารหลวงเชียวหรือ”  เซียงชุนกระซิบถามอ๋องหนุ่มเสียงเบา นอกจากจะลดตัวเป็นปุถุชนสามัญ ชินอ๋องหมวกเหล็กผู้ไม่เคยหวั่นไหวกับสตรีหน้าไหนมาก่อน ยามนี้กลับมีพฤติกรรมซุ่มมองสาวเหมือนหนุ่มน้อยวัยนมแตกพานอยากมีเมียไปเสียได้ “นางไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา” “ท่านอ๋องต้องการบอกว่า นางคือพระชายาในอนาคตของท่านเช่นนั้นรึ”  เซียงชุนทำหน้าทำตาพยักเพยิดเข้าอกเข้าใจ  “เห็นชัดว่าเจ้าไม่ได้โง่เขลาไปเสียทุกเรื่อง” หยางหลงยิ้มขัน เมื่อสามารถทำให้เซียงชุนหุบปากและชักสีหน้าไม่สบอารมณ์ได้ “ข้าเห็นนางสวมกำไลหยกล้ำค่า สาวงามล่มเมืองผู้นี้อาจจะมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว” เซียงชุนแกล้งพูดตัดกำลังใจ หยางหลงนิ่งเงียบไปเพียงครู่เดียว นึกถึงกำไลหยกขาวที่นางสวมก็เกิดอาการอารมณ์ขุ่นขึ้นมาอย่างกระทันหันทันที  มันน่าแย่งมากระทืบให้แหลกละเอียดคารองเท้า  “หมั้นได้ก็ถอนได้” หยางหลงกล่าวเสียงห้วน เซียงชุนยกสุราขึ้นดื่มทีเดียวหมดจอกแล้วขับขานบทกวี จี้ใจดำคนมีความรัก  “โอ้ใจเอย บทจะรักแสนดื้อรั้น  บทจะหวาน แม้น้ำตาลยังแพ้พ่าย บทจะขม แม้ใบบอนยังละอาย บทจะหน่าย แม้ดวงหน้าไม่หมายแล” ร่ายกวีจบ เซียงชุนก็รีบเผ่นแผลวหนีเอาตัวรอดอย่างคนรู้งาน ก่อนจะถูกบาทาสังหารเขี่ยตกหลังคา บ้านพิณสวรรค์เป็นสำนักฝึกสอนศิลปะการเล่นดนตรีประเภทเครื่องสายทุกชนิด นอกจากจะฝึกสอนการเล่นดนตรีท่านอาจารย์ฟ่านเจิงยังสอนวิธีการประพันธ์บทเพลงให้แก่ลูกศิษย์ลูกหาและประดิษฐ์เครื่องดนตรีให้ทุกคนด้วยตนเอง  เครื่องดนตรีทุกชิ้นของบ้านพิณสวรรค์ล้วนมีเส้นเสียงไพเราะจับใจและไม่สามารถหาซื้อได้จากที่อื่น จึงมีผู้ฝักใฝ่การเรียนดนตรีเครื่องสายจำนวนไม่น้อยจากทั่วทุกมุมเมืองในแคว้นเฉินมาสมัครเป็นลูกศิษย์ของที่นี่ “อี้เฟย มารดาของเจ้ามีฝีมือด้านการทำอาหาร ตอนนี้โรงครัวของบ้านพิณสวรรค์กำลังขาดคนทำกับข้าว ข้าอยากเชิญนางมาช่วยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของโรงครัวที่นี่ เจ้าจะช่วยอาจารย์ได้รึไม่”  อาจารย์ฟ่านเจิงกล่าวกับศิษย์เอกซึ่งยามนี้เก่งกาจจนสามารถเลื่อนตำแหน่งผู้ช่วยมือขวาของตน เขาถือโอกาสเหมาะช่วงที่นางกำลังช่วยแม่ครัวตักอาหารแบ่งใส่สำรับเพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ทุกคนในบ้านพิณสวรรค์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเร่งรีบและยุ่งวุ่นวายที่สุด “ท่านอาจารย์ต้องการให้อี้เฟย กลับไปซือโฉวเพื่อขอร้องท่านแม่หรือ”  ได้ยินข่าวนี้ หลิวอี้เฟยก็มีใบหน้างามยิ้มแย้มยินดี  “ถูกต้อง ข้าคิดว่านางเองก็คงคิดถึงและอยากมาอยู่ใกล้ชิดกับเจ้าเช่นกัน” อาจารย์ฟ่านเจิงพยักหน้าและส่งยิ้มใจดีตอบ “อี้เฟยขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่เมตตาข้ากับท่านแม่”  หลิวอี้เฟยค้อมศรีษะลงขอบคุณ หากนางกับมารดาย้ายมาอยู่ที่ฉวี่ชุน ในอนาคตก็จะสามารถเดินทางไปมาหาสู่กับซือเหยียนซึ่งยังพักอยู่เมืองลู่เจ๋อได้ “ท่านอาจารย์ต้องการให้ข้ากลับไปรับท่านแม่เมื่อไหร่หรือ” “อีกสองวัน เจ้าเตรียมตัวทันรึไม่” “เจ้าค่ะ” นางพยักหน้าด้วยความกระตือรือร้น “ดีแล้ว ท่านหยางหลงกับท่านเซียงชุนจะเป็นผู้พาเจ้าไปรับมารดาที่ซือโฉว” “ท่านอาจารย์ อี้เฟยอาศัยขบวนคาราวานของพ่อค้าไปซือโฉวจะสะดวกกว่า” “สะดวกที่ไหนกัน กว่าจะมีขบวนคาราวานพ่อค้าเดินทางผ่านซือโฉวคนทำครัวที่บ้านพิณสวรรค์มิต้องเหนื่อยตายก่อนหรือ” หลิวอี้เฟยปฏิเสธไม่ได้ จึงจำใจก้มหน้ายอมรับคำสั่งของอาจารย์ฟ่านเจิง  เมื่อสักครู่พึ่งได้ดีใจจนตัวลอย พอได้ยินว่าใครจะเป็นคนพานางกลับไปรับมารดา แข้งขาของหลิวอี้เฟยก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาทันที นางเป็นคนธรรมดามีเลือดเนื้อมีหัวใจ ไฉนเลยจะสามารถทนทานเสน่ห์ของชายหนุ่มรูปงามปานเทพบุตรพลัดตกสวรรค์เช่นหยางหลงได้ เดินทางครั้งนี้นอกจากจะเตรียมของใช้จำเป็นและอาหารใส่ย่าม เห็นทีหลิวอี้เฟยต้องกลืนหินก้อนใหญ่ลงท้องเพื่อถ่วงหัวใจของนางเอาไว้ด้วย “ขอบคุณท่านฟ่านเจิงที่ช่วยเหลือ” หยางหลงก้มศรีษะลงเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนรอยยิ้มสมใจที่แผนการณ์สานสัมพันธ์ที่ตนเองเป็นคนต้นคิดนั้นประสบความสำเร็จไปแล้วขั้นหนึ่ง “เห็นสีหน้าอี้เฟยแล้วข้าอดสงสารนางไม่ได้ เหมือนกำลังทำผิดต่อเพื่อนรักอย่างไรไม่รู้”  อาจารย์ฟ่านเจิงกล่าวตรงๆ มีเจตนาแค่ต้องการปรับทุกข์ แต่ฟังแล้วก็อดคิดแทนคนฟังไม่ได้ว่ากำลังถูกประชด “เพื่อนรักของท่านฟ่านเจิงจะต้องดีใจแน่ๆ ที่บุตรสาวเป็นที่ชื่นชอบของท่านอ๋องสาม” หยางหลงทำตาดุให้เซียงชุน “เจ้าเขลาจนนึกคำพูดน่าฟังกว่านี้ไม่ได้เชียวรึ” “เอาล่ะๆ อย่างไรก็หลวมตัวช่วยท่านแล้ว ให้คำสัตย์กับข้าได้หรือไม่ว่าท่านจะไม่ล่วงเกินหลิวอี้เฟย”  อาจารย์ฟ่านเจิงเอ่ยขัดทั้งสอง ก่อนจะมีวิวาทะคารมย่อยๆ เกิดขึ้น “ข้าสัญญาด้วยเกียรติของชินอ๋องหมวกเหล็กว่าจะไม่ล่วงเกินนางในระหว่างการเดินทาง” หยางหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น อาจารย์ฟ่านเจิงพยักหน้าด้วยความพอใจ แม้จะรู้สึกแปร่งหูอยู่บ้าง  ซู่ฮวาก้าวเข้ามาในห้องทำงานของซือเหยียนด้วยท่วงท่าเย้ายวนทุกอิริยาบท นางคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดีและสามารถเข้าออกจวนนายอำเภอของเมืองลู่เจ๋อได้ทุกเมื่อโดยไม่มีใครกล้าขัดขวางหรือแม้กระทั่งคิดจะกีดกัน ซือเหยียนยิ้มเจ้าชู้อย่างรู้ทันขณะมองนางปิดประตูห้องและเดินกรีดกรายวนไปปิดหน้าต่างทุกบาน ไม่ต้องเอ่ยวาจาให้เปลืองน้ำลายเขาก็เข้าใจดีว่า หลังจากนี้จะมีสิ่งใดเกิดขึ้นภายในห้องทำงาน “ข้าอยากให้ท่านดมกลิ่นกำยานตัวใหม่ ที่ท่านซินแสกวนซุนพึ่งให้มา”  นางเอ่ยเสียงหวานอย่างยั่วยวน ขณะบรรจงจัดแจงข้าวของและใช้ไม้ขีดไฟจุดกำยาน หลังจากนั้นซู่ฮวาก็เริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางออกทีละชิ้นอย่างอ้อยอิ่งด้วยท่วงท่างดงามน่ามอง พลางจ้องตากับซือเหยียนที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานอย่างท้าทาย แอ่นอกอวดเรือนร่างอรชรที่งดงามเย้ายวนไร้ที่ติด้วยความภาคภูมิใจในเสน่ห์  ซือเหยียนลุกขึ้นไปรวบร่างเปลือยเปล่าของนางมานั่งลงบนตัก เขาก้มลงงับยอดอกสีทับทิมและดูดกลืนเล่นลิ้นกับเม็ดกลมเล็กอย่างหิวกระหาย มืออีกข้างบีบขยำก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นรุนแรงโดยที่ซูหวาก็แอ่นทรวงอกอวบใหญ่สู้ปากลิ้นร้ายกาจอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน นางวาดขาเรียวงามคร่อมหน้าตักแกร่งแล้วปลดปมเชือกรัดเอวของซือเหยียนออก สอดฝ่ามือผ่านชายเสื้อและขอบกางเกงทั้งสองชั้นเข้าไปลูบไล้ความเป็นชายของเขา ที่บัดนี้ใหญ่โตแข็งแรงกระทั่งนิ้วมือเรียวยาวของนางกอบกำไม่รอบ ซือเหยียนผงาดกล้ารอคอยให้นางสัมผัสโดยที่นางไม่ต้องเสียเวลาปลุกเร้า ทั้งคู่ผวาจูบกันอย่างดูดดื่มเมื่อจุดกระสันของตนต่างตกอยู่ในมือของอีกฝ่าย ซู่ฮวากางขาออกกว้างและแอ่นสะโพกผายให้นิ้วของซือเหยียนสัมผัสเกสรคัดตึงของนางได้อย่างถนัดถนี่ยิ่งขึ้น นางคิดไม่ผิดที่ช่วยให้ซือเหยียนได้สับเปลี่ยนเครื่องเพศกับชายหาบน้ำ บัดนี้เขากลายเป็นบุรุษมากตัณหาละโมบราคะและสามารถบำเรอกามให้นางได้อย่างถึงใจทุกครั้งที่ปรารถนา ซู่ฮวาปล่อยท่อนเนื้อแข็งขึงที่ร้อนระอุอยู่ในมือ และคลี่ดอกไม้งามของนางเสียดส่ายลูบไล้ผิวขรุขระบนลำแกร่งที่เหยียดขยายยาวจนปลายเรียบลื่นจรดถึงรูสะดือของซือเหยียน นางแนบปุ่มเกสรนุ่มคลึงขยี้กับริมขอบความแข็งบาน เร่งเร้ากระตุ้นกำหนัดของซือเหยียนเป็นระวิง ซือเหยียนยกเรือนร่างยั่วตัณหาของซู่ฮวาขึ้น นำความเป็นชายแทรกซุกร่องรูเนื้อและกดสะโพกพายลงสุดแรง  แก่นกายแกร่งฝังล้ำลึกในความสาวร้อนฉ่ำ ซู่ฮวาสะดุ้งสะท้านอ้าปากหอบหายใจบรรเทาความจุกเสียดในช่องท้อง “โอวว...” ซือเหยียนคำรามด้วยความพึงพอใจ ที่สามารถทำให้นางบิดเร่าร้องครวญครางอย่างทุรนทุราย ซู่ฮวาวาดแขนรอบต้นคอของเขา ตะกายฝ่าเท้าเล็กขึ้นเหยียบต้นขาแข็งแรงและหลับหูหลับตายกสะโพกขยับขย่มท่อนเนื้อแข็งตั้ง ขึ้นลง ขึ้นลง โดยมีซือเหยียนช่วยประคองเอวคอดและคอยแอ่นหน้าตักรองรับ  เพราะซือเหยียนได้สูดกลิ่นกำยานของรากยาสมุนไพรเร่งกำหนัดและมีซู่ฮวาคอยสรรหายาบำรุงร่างกายมาให้อยู่เสมอ จึงมีพลังกามคุณมากกว่าคนธรรมดา ยามที่เสพสวาทนอกจากจะไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยยังสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วและมีน้ำอดน้ำทนมาก  สองหนุ่มสาวเปลี่ยนท่วงท่าเริงรักไปทั่วทุกมุมห้องบนเก้าอี้ บนโต๊ะ บนพื้น หรือแม้แต่ข้างเสาเรือน สั่นสะเทือนห้องหับราวจวนนายเภอเกิดแผ่นดินไหว ขาโต๊ะเก้าอี้ที่ใช้นั่งทำงานแม้จะทำจากไม้เนื้อดียังต้องหักโค่น แต่กระนั้นซือเหยียนก็ไม่ยอมสำเร็จ เพลงสวาทเร่าร้อน ดำเนินต่อไปอย่างยาวนาน  เขาทำให้ซู่ฮวากรีดร้องด้วยความสุขสมอย่างถึงอกถึงใจครั้งแล้วครั้งเล่า กว่านางจะสามารถรีดเค้นน้ำคาวแห่งชายชาตรีของซือเหยียนออกมาได้สักครั้ง ดาราหอรัญจวนจิตแทบขาดใจตายด้วยความซ่านเสียว “ท่านนายอำเภอขอรับ มีทหารหลวงที่มาจากจวนคายซินต้องการพบท่าน” พ่อบ้านประจำจวนนายอำเภอเคาะประตูห้องทำงานและตะโกนบอกผู้ที่กำลังทำธุระกามติดพันกันอยู่ข้างในด้วยน้ำเสียงค่อนข้างดัง  เพราะนายอำเภอซือและแม่นางซู่ฮวาส่งเสียงร้องครวญครางดังลั่นไล่ความสงบไปเสียหมด “ข้าจะออกไปพบพวกเขาเดี๋ยวนี้แหละ”  ซือเหยียนตะโกนตอบผู้ที่มาขัดจังหวะความสุขสำราญ ระหว่างวันทำงาน  “ข้าจะรีบมา”  เขาถอนกายออกจากดอกไม้งามที่กำลังแย้มบานด้วยความเสียดายไม่แพ้นาง แล้วรีบสวมกางเกงปิดบังความอุจาด โดยมีสายตาของซู่ฮวามองตามอย่างอาลัยอาวรณ์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD