“เป็นไงบ้าง เมื่อคืนสนุกไหม”
“สนุกอะไรละ” ฉันตอบ หย่อนก้นนั่งลงข้างนินิว ระหว่างรออาจารย์เข้า ขอเติมแป้งหน่อยก็แล้วกัน
“เอ้า อย่าบอกนะ” ฉันพยักหน้า ไม่ต้องพูดให้มากความก็เข้าใจตรงกันว่าเกิดอะไรขึ้น “ไอ้บอสมันเป็นเพื่อนเลวตลอดกาลจริง ๆ กล้าปล่อยให้คนสวยของฉันอยู่คนเดียวได้ยังไง” ว่าแล้วเจ้าตัวก็หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า เห็นพิมพ์ยุกยิกฉันเลยเยี่ยมหน้าเข้าไปมอง สิ่งที่นินิวทำคือการพิมพ์ด่าบอส ด้วยคำว่า ‘ไอ้เพื่อนสารเลว’ ก็อบแล้วก็วาง ทำอยู่อย่างนั้นหลายครั้งจนหน้าเเชทหนักขวาแบบสุด ๆ
ป่านนี้คนทางนั้นคงเบ้หน้า ตามด้วยคำพูดที่ว่า ‘ด่าได้ด่าไป ฉันไม่รู้สึกอะไรหรอก’
“เออฝัน เย็นนี้ไปคาเฟกันไหม”
“ซอรี่นะ เย็นนี้มีนัดแล้ว” พอได้ยินฉันบอก นินิวก็หลี่ตามองกันอย่างจับผิด
“นัดกับใคร กล้านอกใจเฮียน็อตเหรอ”
“พูดอะไร นัดกับเพื่อน” ฉันใช้นิ้วจิ้มหน้าผากเนียนของอีกคนให้ถอยห่าง ส่ายหน้าเมื่อเจ้าตัวยังไม่ยอมหยุดหลี่ตา
“เพื่อนที่ไหน ชื่ออะไรบอกพี่มา”
“เรื่องอะไรจะบอก” ฉันยิ้มพอใจเมื่อเห็นนินิวทำหน้ามุ้ย ไม่ยอมบอกว่าจะไปเจอใครเพราะอยากแกล้งเพื่อนให้สงสัย
นินิวเป็นเพื่อนที่ฉันเอ็นดูมาก ฉันมองคนตัวเล็กเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเลย ถึงเวลาอยู่กับบอสจะจิกกัดกันเป็นสาวห้าว แต่พออยู่กับฉันนิสัยค่อนข้างจะเหมือนเด็ก
วันนี้ฉันกับนิวมีเรียนบัญชีชั้นกลางลากยาวสามชั่วโมงติด บอกเลยว่าสมองล้าแบบสุด ๆ แม้อาจารย์จะให้พักเบรกทุกชั่วโมง แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอให้สมองน้อย ๆ ของฉันได้ตื่นตัว ถ้ารู้ว่าอาจารย์จะสอนเต็มเวลา ฉันคงซดกาแฟมาสักสองถึงสามแก้ว
“เจอกัน”
“เจอกัน” ฉันโบกมือให้นินิว ก่อนที่ตัวเองจะเดินออกมา ด้วยความจอดรถไว้คนละทาง เราสองคนก็เลยต้องแยกกัน
ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดฉันก็มาถึงที่หมาย สอดส่ายสายตาหาอยู่ไม่นาน ก็เจอคนที่บอกยืนรออยู่หน้ามอ
ร่างสูงโปร่งอยู่ในชุดนักศึกษา เจ้าตัวพับแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้นไปถึงข้อสอก กระดุมด้านบนปลดออกถึงสามเม็ดส่วนชายเสื้อแน่นอนว่าไม่เคยเข้าไปอยู่ในกางเกง ถึงจะแต่งตัวไม่ค่อยถูกระเบียบ แต่ปฏิเสธความดูดีนั้นไม่ได้ สังเกตจากสาว ๆ ที่กำลังมองอีกฝ่ายอย่างหลงใหล ฮอตไม่เบาเลยจริง ๆ
“สนใจไปด้วยกันไหมคะสุดหล่อ” ฉันเลื่อนกระจกลง คนที่มัวแต่ไถโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมามอง พอเห็นว่าเป็นฉันก็เปิดประตูขึ้นรถมา
“ช้า”
“รถติด” ไม่ใช่ข้ออ้าง แต่ว่ามันเป็นไปตามนั้น เวลานี้คนเลิกงาน ระยะทางแค่ไม่กี่กิโลเมตรก็เลยใช้เวลานาน “อยากกินอะไร”
“ตามใจฝัน”
“ไม่เอา วันนี้ตามใจเมฆ”
“ไม่รู้อยากกินอะไร” คนหล่อถอนหายใจด้วยความเซ็ง “ฝันเลือก” สุดท้ายฉันก็เป็นคนรับหน้าที่คิดเมนูเหมือนอย่างเคย วันนี้เปรี้ยวปากอยากกินอะไรแซ่บ ๆ ฉันเลยจอดกึกข้างทาง หน้าร้านอาหารอีสานแบบสุ่ม ๆ
“เคยมา?”
“เปล่า เห็นคนเข้าเยอะ ก็น่าจะอร่อย” เมฆไม่ขัด คนตัวสูงเดินไปตักน้ำแข็งใส่แก้ว ส่วนฉันมีหน้าที่เลือกโต๊ะแล้วเขียนเมนูอาหารส่งให้แม่ค้า
“ช่วงนี้เป็นไงบ้าง” แก้วน้ำโค้กถูกยื่นมาตรงหน้า ฉันยิ้มตาหยีขอบคุณเมฆเสียงหวาน
“เรื่อย ๆ พอขึ้นปีสองวิชาเรียนก็ยากขึ้น” แค่การบัญชีชั้นกลางก็เล่นเอาสมองฉันแทบระเบิด ไม่อยากคิดว่าถ้าถึงชั้นสูง ฉันจะยังสามารถเป็นคนได้อยู่ไหม “แล้วเมฆละ”
“เรื่อย ๆ เหมือนกัน ไม่ได้มีอะไรมาก” แน่นอนว่าคนเก่งอย่างเมฆคงไม่ซีเรียสกับเรื่องเรียน ตั้งแต่เด็กก็สอบได้ที่หนึ่งมาตลอด เข้ามาหา’ ลัยก็ยังสอบชิงทุนได้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียวตลอดระยะสี่ปีของการศึกษา แถมยังได้เงินขวัญถุงทุกเทอมอีกต่างหาก ปังไม่ไหว
“ฝันอยากเรียนเก่งเหมือนเมฆบ้าง”
“ใครใช้ให้ตอนเด็กเอาแต่หลับในห้องเรียน”
“โห่ หลับครั้งเดียวจะล้อยันลูกบวชเลยรึไง” ฉันมุ่ยหน้าใส่คนขี้แกล้ง เคยหลับในห้องเรียนตอนปอหนึ่งแค่ครั้งเดียว ล้อแล้วล้ออีก ล้อจนขึ้นมหา’ ลัย กะไม่พูดเรื่องอื่นเลยมั้งนอกจากเรื่องนี้ พูดมาแล้วหมั่นไส้!
“รู้จักผู้ชายกลุ่มนั้นไหม เห็นมองมาตั้งนานละ” ฉันย่นคิ้ว ก่อนจะเอี้ยวตัวไปด้านหลังเมื่อเมฆเพยิดหน้าให้มองตาม
นั่นมันกลุ่มของเฮียน็อต? ฉันเห็นแค่พี่ธูปกับเพื่อนอีกสองคน แล้วขวัญใจฉันหายไปไหน
“สรุปรู้จักไหม”
“อือ รุ่นพี่คณะฝัน” ตอบเมฆเสร็จ เป็นจังหวะเดียวกับรถคันคุ้นตามาจอดเทียบ เป็นเฮียน็อตที่เดินลงจากรถด้วยเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์แล้วก็กางเกงขาสั้นสบาย ๆ แต่กลับสามารถดึงดูดสายตาสาว ๆ ได้เกือบทั้งร้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีฉันรวมอยู่ด้วย
ทีแรกคนพี่คงยังไม่เห็นกัน แต่จังหวะจะเดินผ่านดันสบตากับฉันเข้าพอดี เฮียน็อตมองค้างที่ฉันไม่ถึงสองวิ แล้วมองเลยไปยังเมฆที่นั่งฝั่งตรงข้าม ฉันยิ้มให้กะว่าจะเอ่ยทัก แต่เฮียน็อตก็เดินไปโดยไม่คิดจะถามไถ่กันสักคำ ทำราวกับเราสองคนไม่เคยรู้จักกัน
ใจร้ายมาก ใจร้ายแบบสุด ๆ
“คนนั้นก็พี่คณะเหรอ” เมฆคงเห็นว่าฉันยิ้มให้ แล้วก็คงเห็นว่าเฮียน็อตเดินไปนั่งกลับกลุ่มเพื่อนก็เลยถาม
“อือ เป็นพี่ชายหนูนิวด้วย”
“แล้วทำไมไม่ทักละ”
“มีโอกาสที่ไหน” ว่าจะอ้าปากอีกฝ่ายก็เดินหนีไปก่อนแล้ว เอาโอกาสที่ไหนไปทักละ ดีนะที่ยังไม่ออกเสียง ไม่อย่างนั้นคงหน้าแตกเป็นเสี่ยง ๆ
“ชอบใช่ไหม รุ่นพี่คนนั้นนะ” มือที่เขี่ยน้ำแข็งเล่นชะงัก เงยหน้าขึ้นมองเมฆที่มองขาดแม้ฉันไม่เคยบอกอะไรเลย
“เมฆ~” ฉันเรียกเมฆเสียงอ่อน
“อะไร”
“อย่าบอกแม่ฝันนะ” ฉันถูมือทั้งสองข้างของตัวเองพร้อมมองเมฆตาละห้อย
“ทำไมจะบอกไม่ได้” อีกฝ่ายแสยะยิ้ม พอเหนือกว่าหน่อยก็วางท่าใส่กันเลย
“เมฆก็รู้ ว่าถ้าแม่รู้ฝันต้องโดนบ่นหูชาแน่”
“มีอะไรมาแลก” เมฆเอียคอถามกันอย่างเจ้าเล่ห์ นี่ถ้าไม่ติดว่ามีผลประโยชน์ร่วมกัน จะทิ่มตาให้บอด
“เมฆอยากไปไหนทำอะไร ฝันตามใจทุกอย่างเลย”
“ลงทุนขนาดนั้นเลย”
“น่าเมฆ ถ้าไม่รับปากฝันโมโหจริง ๆ นะ” ฉันเท้าเอวมองอย่างเอาเรื่อง เห็นอยู่ว่าฉันกังวลยังมีหน้ามายิ้มแป้น มันน่าจับหักคอจริง ๆ เลย
“ใครกันแน่ที่ต้องเป็นฝ่ายโมโห เมฆรึเปล่าต้องหงุดหงิด ที่รู้ว่าคู่หมั้นของตัวเองชอบคนอื่น?”