SIWAT TALK
อวดเก่งไปซะทุกเรื่องจริงๆ หึ
ผมลอบมองมันเดินขึ้นหอไปจนลับสายตา นึกเสียดายขึ้นมาที่อุตส่าห์ปล่อยเหยื่ออย่างมันหลุดมือไปได้
มันในที่นี้คือรัฐศาสตร์ สาขาสถาปัตยกรรม หนึ่งในไม่กี่คนที่สะดุดตาผมตั้งเเต่เเรกเห็น
คงจะไม่ดีเท่าไหร่ หากมีใครสักคนเด่นในสายตา
เพราะนั่นมันหมายความว่า ผมจะไม่ละสายตาจากเหยื่อ จนกว่าจะได้ขยี้คามือ
'พี่ศรันย์'
ผมเหลือบหางตามองเครื่องสี่เหลี่ยมที่สว่างวาปขึ้นมา โดยไม่มีความคิดอยากจะรับเเม้เเต่น้อย
"แม่งเว้ย"
สุดท้ายผมก็กดรับสายเขาอยู่ดี ไม่ใช่เพราะพิษสวาท แต่ผมสมเพชคนแบบนี้มากต่างหาก
(วัช.. วัชอยู่ไหน มาหาพี่หน่อยสิวัช) น้ำเสียงเว้าวอนจากอีกฝ่าย ทำผมมุ่นคิ้วอย่างหงุดหงิด
"เป็นบ้าเหรอ" ผมตอกกลับเสียงเรียบ
รู้ดีว่าความต้องการของเขาคืออะไร เพียงเเต่สิ่งนั้นผมให้เขาไม่ได้ก็เท่านั้นเอง
ผมจะไม่เลือกเหยื่อที่ว่ายวนเข้ามาให้ผมได้ลองชิม เเต่ผมจะเลือกเหยื่อที่อยากจะชิมด้วยตัวผมเอง
(พี่บอกเเล้วไงว่าพี่ชอบวัช ทำไมวัชเอาเเต่มองคนอื่น ไม่หันมามองพี่คนนี้บ้าง)
"หยุดความคิดทุเรศๆ เหอะ"
(มาหาพี่หน่อยสิวัช ..วันนี้พี่เหงามากเลย)
"คงไม่ได้"
(ทำไม ทำไมถึงไม่ได้กับพี่ตลอดเลย..)
"เพราะผมอยู่กับเเฟน"
พูดออกไปโดยที่สายตายังคงโฟกัสกับอีกคนที่กำลังวิ่งตรงมาที่รถผม ด้วยสีหน้าแตกตื่น
(ว่าไงนะ อย่ามาโกหก ไม่มีใครทนวัชได้หรอก พี่ไม่เชื่อ)
"หึ"
"กูลืมของ"
ผมอ่านปากมัน ก่อนจะมองตามมือที่มันชี้ลงมา
กระเป๋าสตางค์นี่ตั้งใจทำตกไว้หรือเปล่าล่ะ
ผมกดปลดล็อคประตู เมื่อมันถูกเปิดออกพร้อมกับเป้าหมายที่ผมจับจ้องสายตาไว้เดินเข้ามาใกล้
มือไวจัดการปลดสายเข็ดขัดนิรภัย เอี่ยวตัวไปคว้าท้ายทอยมันเอาไว้
เจ้าตัวชะงักไปเล็กน้อย เพียงเสี้ยววินาทีที่ผมใช้สายตาสำรวจริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนจะฝังรอยจูบลงบนริมฝีปากของไอ้รัฐอย่างไม่ทวงถามอีกฝ่ายแต่อย่างใด
มันนิ่ง ตัวค้างเเข็ง ดวงตาเบิกโพลงมองผมอย่างอึ้งๆ
"อื้อ! "
ผมหรี่ตามองมัน ก่อนจะหยิบมือถือวางไว้ให้ใกล้ ให้มั่นใจว่าคนปลายสายจะได้ยินเสียงเอนไซม์อย่างชัดเจน
จากที่แค่ทาบริมฝีปากบนริมฝีปากของมัน ความต้องการที่พุ่งพล่านในตัวผมก็เริ่มใช้ปลายลิ้นดุนดันให้เจ้าตัวเปิดทางให้ผมได้เข้าไป
ปลายลิ้นกวาดต้อนความหวานในโพรงปากได้อย่างใจต้องการ
ตอนเเรกมันขัดขืน เเต่เหมือนจังหวะที่ผมสอดลิ้นเข้าไป ไอ้รัฐขาอ่อนจนเเทบจะทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ ทุกอย่างเลยเข้าทางผมอย่าง่ายดาย
ความจริงก็ให้ความสนใจกับคนที่ถือสายอยู่หรอก เเต่เอาเข้าจริงแล้วผมกำลังสนใจคนตรงหน้ามากกว่า
ความเงียบระหว่างเรา มีเพียงเสียงจูบที่ดังขึ้น เเละมันสร้างความพอใจให้ผม จนสัมผัสได้ถึงอะดรีนาลีนที่หลั่งเลย
ผมละเลียดชิมริมฝีปากของมันในทุกส่วน มือเริ่มไม่อยู่นิ่ง ปล่อยทิ้งโทรศัพท์ในมือลง ก่อนจะวางมือไว้ที่เป้ากางเกงของคนตรงหน้าอย่างถือวิสาสะ
"อ้ะ" มันร้องเสียงหลง ก่อนที่ร่างผมถูกผลักออกเต็มเเรง จนเซถอยหลังเล็กน้อย
ผลัวะ!
ไม่ทันได้ตั้งตัวหมัดหนักๆ ของไอ้รัฐก็ซัดเข้าที่หน้าผมอย่างจัง
เห็นตัวกะเปี๊ยกแต่หมัดหนักชิบหาย
"ไอ้เหี้ยวัช! มาจูบกูทำไมวะ" มันโวย มือก็เช็ดปากเหมือนรังเกียจ
เเต่เมื่อกี้น่ะ เหมือนจะมีคนจูบตอบผมอยู่นะ เหอะ
"ไม่ชอบหรอ" ยกยิ้มกวนประสาท
"ก็.."
เรียวคิ้วผมกระตุกตอนที่มันทำหน้าลังเล
ใบหน้าขาวขึ้นสีซับเลือด กลอกตาไปมาราวกับว่าทำตัวไม่ถูก
เเตกตื่นตกใจหรือว่าติดใจกันเเน่
"มึงมาจูบกูทำไม"
ผมไหวไหล่ ไม่ได้จะอธิบาย เเละทิ้งปริศนาไว้ให้มันหัวเสียอยู่คนเดียว
นิ้วโป้งเช็ดมุมปาก ผมเเอบเผลอคิดในใจว่าเสียดายที่ได้มาเเค่จูบ หากได้มากกว่านั้นก็ถือว่าเป็นกำไรในคืนนี้ไม่น้อยเลย
สายที่โทรเข้ามาเเต่แรกวางไปแล้ว เหลือทิ้งไว้เเค่ผมกับความปวดหนึบภายใต้กางเกงที่กำลังสื่ออารมณ์ผมได้ดี
คนด้านนอกรถยังคงยืนอยู่ไม่หนีไปไหน หลังจากได้ซัดผมไปหนึ่งหมัด
ผมเหลือบสายตามองเป้ากางเกงที่ตุงขลึงของอีกฝ่าย เดาทางให้เลยว่ามันคงจะมีอารมณ์ตอนที่ผมสัมผัสเเน่ๆ
"จะยืนยันเช้าเลยมั้ย" ผมพูด
"อีกที"
นอกจากที่มหา'ลัยมันจะพูดมากจนดูน่ารำคาญไปหมด มันยังเป็นคนที่พูดไม่รู้เรื่องอีกสินะ
จะยั่วให้กูตะบะเเตกใช่มั้ย
หนีกูตอนนี้เลยสิ ไม่งั้นกูไม่ปล่อยมึงเเน่
"เรามาลองทำอีกทีได้มั้ย"
ผมถึงกับร้องหะเบาๆ ออกมา ในเเววตาของมันดูซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองมาก
หรือว่ามันกำลังท้าทายผมอยู่ในใจ
พอผมไม่ตอบอะไรกลับ คนด้านนอกก็เข้ามานั่งในรถพร้อมกับปิดประตูลง
ผมเงียบ มันก็เงียบ ผมเลยรอจนกว่ามันจะง้างปากพูดในสิ่งที่อยากจะได้มา
มองปราดเดียวก็รู้ อาการลนลานเมื่อสักครู่มันกำลังต้องการอะไร
"ที่จริงกูก็มีเรื่องอยากให้ช่วย.."
"หึ" ผมเลียรอบริมฝีปาก ก่อนจะกระชากเเขนมันให้เข้ามาใกล้ เพื่อบดขยี้ริมฝีปากสีสวยอีกครั้ง
"อึ่ก"
มือขวาประคองใบหน้าขาว ลิ้นร้อนเเทรกเเซงเกี่ยวรัดกับอีกคนอย่างไม่มีใครยอมใคร
ผมเก็บเกี่ยวทุกห้วงลมหายใจของอีกฝ่าย ราวกับว่าต้องการทุกพื้นที่ในตัวมันให้เป็นของผมซะเดี๋ยวนี้
ร่างกายบดเบียดเข้าหากันราวกับแม่เหล็ก และเพียงแค่สายตาของผมกับมันสบกัน ผมก็ใช้มือปรับเบาะ ก่อนจะยกเอวให้อีกคนข้ามมานั่งบนตัวผมทันที
ท่าที่ล่อแหลมแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ริมฝีปากบดขยี้กันอย่างดุดันอีกครั้ง ชนิดที่ว่าริมฝีปากเริ่มชา จากที่ทำแค่จูบ ผมก็เริ่มลากไล้ริมฝีปากลงมาที่ซอกคอขาว
ขบเม้มจนพอใจ ถึงค่อยๆ ใช้มือสอดเช้าใต้สาบเสื้อของมัร
เเต่เมื่อจะเลิกเสื้อของอีกฝ่ายขึ้น มันกลับใช้มือยันอกผมแล้วผละออกซะอย่างงั้น
"พอ.. พอแล้ว" มันห้ามพร้อมกับสียงลมหายใจหอบเหนื่อยที่ดังขึ้น
"มึงจะยั่วโมโหกูหรอ" ผมกดเสียงต่ำ อารมณ์ข้างในพุ่งพล่านยิ่งกว่ารถบนถนนซะอีก
มันเงียบไม่ตอบ ผมเลยจับเเขนเเล้วออกเเรงบีบจนมันเบ้หน้าหันมามองผมตาขวาง
"กูจะกลับขึ้นห้องแล้ว ปล่อยกู.." มันทำท่าจะลุก เเต่เหมือนจะไม่ง่ายขนาดนั้น
มันคิดว่าผมสนุกงั้นเหรอ นี่กำลังปั่นหัวกันอยู่หรือไง
"มึงพูดง่ายจังนะ"
"ไม่ได้.. ไปขั้นนั้นไม่ได้"
"ทำไม"
"ไม่ได้.."
ผมแยกยิ้มใส่ ก่อนจะใช้หลังมือลูบไล้ที่เเก้มขาวด้วยสายตาเรียบนิ่ง
แอบลุ้นเล็กน้อยตอนที่ลากผ่านกลางอก กระทั่งมาหยุดที่กลางกายของมัน กำลังเเข็งสู้มือเลย
"ให้กูช่วยมั้ย" ผมยกยิ้ม ปลายจมูกฝังลงกลางอกอีกฝ่าย เพื่อกระตุ้นอารมณ์ใคร่ให้มากขึ้น
"มะ..ไม่ อย่า อือ"
ปากก็บอกว่าไม่ ร่างกายก็พยายามปฏิเสธแบบอ่อนปวกเปียกไปหมด แต่กลับไม่พยายามจะขัดขืนอย่างเต็มแรง
ถ้ามันจะทำก็ย่อมได้ แต่เหมือนจะไม่..
แบบนี้จะให้ผมคิดเข้าข้างมันเหรอว่าไม่อยากให้ช่วยน่ะ
"เเล้วมึงคิดว่ากูจะปล่อยมึงไปงั้นเหรอ"
"ปล่อยกูวัช.."
ผมกระชากเเขนคนตรงหน้า จนมันถลาเซมาซบลงบนอก
ริมฝีปากเเนบชิดใบหูของมัน ก่อนจะกระซิบถ้อยคำที่ทำเอาคนด้านบนตัวสั่นเทิม
"กูใจดีปล่อยมึงตั้งเเต่เเรกเเล้วรัฐ แต่มึงเสือกกลับเข้ามาเอง ..ไม่ใช่เหรอ"