| 2 - 3

1491 Words
 และการที่ต้องมนตร์ตัดสินใจแบบนี้ น่านนทีก็คือคนแรกที่ออกอาการไม่พอใจ พอเขาทราบจากเพื่อนและอาจารย์ที่ปรึกษาเรื่องที่เธอส่งจดหมายฝึกงานไปที่บริษัทของทรงโปรด เมื่อเห็นหน้า เขาก็มาโวยวายเธอทันที                                        "ที่ต้องเลือกบริษัทคุณโปรด เพราะอะไรต้องรู้อยู่แก่ใจดีใช่มั้ย!" น่านนทีโวยวายต่อหน้ากลุ่มเพื่อนๆ ตรงม้านั่งหินอ่อนที่คณะ                                                                                                "น่าน หมายถึงอะไร?"                                                    น่านทียิ้มเยาะ มองต้องมนตร์ด้วยความสมเพชและดูถูก "หึ! ใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้น มีแต่เจ้าตัวที่ทำเป็นแอ๊บแอ๋อยู่ คงอยากจะอยู่ใกล้เขา หวังจะจับเขาจริงๆ สินะ ต้องอย่าลืมสิว่าเขาคือคนที่ขับรถชนพ่อต้องตายนะ!"                                                      "น่าน!" ต้องมนตร์ว่า พร้อมกับใช้มือตบลงที่โต๊ะอย่างเหลืออด ก่อนจะลุกขึ้นพรวดจ้องหน้าชายหนุ่มผิวขาวจัดที่จ้องหน้าเธออย่างไม่ละสายตาเช่นกัน    ท่าทางที่โกรธจัดของต้องมนตร์ ทำให้เพื่อนๆ ต่างผุดลุกขึ้นแล้วห้ามเธอเลิ่กลั่ก "ต้องใจเย็นๆ!" "ก็น่านมาดูถูกเราก่อน ทุกคนก็ได้ยิน!" ต้องมนตร์หันไปบอกเพื่อนๆ อย่างเหลือทน                                                 "ใช่! เราดูถูกต้องอยู่ เพราะเราดูไม่ผิดไง ต้องชอบคุณโปรดใช่มั้ย!"                                                                              "น่าน!"                                                                          "เขารวยนี่ ซื้อบ้าน ซื้อรถให้ ต้องกับย่ายังไม่พอใจอีกเหรอ จะเอาความตายของพ่อมาเรียกร้องอะไรจากคุณโปรดอี..."                         น่านนทีพูดไม่ทันจบก็สะดุ้งพรวดกับน้ำเย็นเฉียบที่สาดมาโดนหน้าตนแบบเต็มๆ จากนั้นน่านนทีก็ค่อยๆ หลุบมองดูเสื้อผ้าที่มีเกร็ดน้ำแข็งเล็กๆ เกาะพราว และบัดนี้ แก้วใบนั้นที่ว่างเปล่ามันก็ถูกวางลงกับโต๊ะอย่างกระแทกกระทั้นตาม                  น่านนทีตวัดดวงตาขึ้นมา ก็เห็นคนที่คว้าเอาแก้วน้ำมาสาดตนกำลังยืนลำตัวสั่นเทิ้มอยู่ แววตาทั้งสองไหวระริกเพราะความโกรธจัดนั่นเอง  แล้วเธอก็เค้นเสียงออกมาอย่างยากเย็น ที่จะไม่ให้มันสั่นเกินไปว่า "สงบสติอารมณ์หน่อยดีมั้ยน่าน! ที่เราเลือกบริษัทคุณโปรดเพราะเป็นเรื่องของบริษัทที่เรายอมรับว่า ฝันจะได้ร่วมงานด้วยสักครั้งในชีวิตของเด็กนิเทศฯ ความจริงบริษัทคุณพ่อของน่านก็มีดีพอๆ กับบริษัทคุณโปรดนะ แต่ก็มีข้อเสียอยู่อย่างเดียวที่ทำให้เราไม่อยากไปที่นั่น น่านอยากรู้มั้ยว่าเพราะอะไร!" ต้องมนตร์หยุดพูดไปเล็กน้อย ในขณะที่น่านนทีกำลังใช้มือเช็ดน้ำที่เปียกปอนใบหน้าออก พลางใช้แววตาเขม็งแทนการถามกลับ  "ก็เพราะน่านไง! น่านเป็นแบบนี้ ไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจ และหลงตัวเอง เราจึงอยากจะหนีให้ห่างจากน่านไป แม้จะห่างได้สักสามสี่เดือนเมื่ออยู่บริษัทคุณโปรด ก็ยังดีกว่าต้องอยู่ใกล้น่านแม้แค่หนึ่งวันก็ตาม!" ยามนี้เพื่อนๆ คนอื่นต่างก็ส่งสายตาลอกแลกให้กันไปมา เพราะทุกคนรู้ดีว่า น่านนทีมีข้อเสียอย่างที่ต้องมนตร์ว่ามาจริงๆ โดยเฉพาะความเอาแต่ใจ และหลงตัวเองที่ทำให้ทุกคนเอือมระอาอยู่บ่อยครั้ง พอได้ฟังคำพูดจากคนที่อดกลั้นกับความประพฤติแย่ๆ ของตัวเองมานาน คนหลงตัวเองเลยมีอาการเหมือนของขึ้นทันที          ต้องมนตร์จ้องหน้าน่านนทีอย่างไม่กะพริบ พร้อมกับคว้ากระเป๋าและหนังสือก่อนจะรีบเดินไปสงบสติอารมณ์ที่อื่น ส่วนน่านนทีก็วู่วามจะเข้าไปดึงตัวหญิงสาวมาคุยด้วยใหม่ อย่างไม่ยอมรับในสิ่งที่ต้องมนตร์กล่าวหา ทำเอาเพื่อนๆ ที่โต๊ะ พากันเข้ามาขวางทางเอาไว้ แล้วบอกให้เขาใจเย็นๆ แทน "ใจเย็นๆ ก่อนนะน่าน ใจเย็น...เพื่อนกันนะ"                        น่านนทีมองตามหลังต้องมนตร์ด้วยแววตาเจ็บแค้น และมีความรู้สึกอยากจะเอาชนะต้องมนตร์กับผู้ชายที่ชื่อทรงโปรดมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะผู้ชายคนนั้น ที่เสมือนเป็นคู่แข่งทางหัวใจของตนมาตลอด น่านนทีวาดหวังเอาไว้เงียบๆ ว่า สักวันเขาจะทำให้ทรงโปรดรู้สึกพ่ายแพ้และเจ็บปวดเพราะผู้หญิงที่ชื่อต้องมนตร์ให้ได้!                                                                                                                                                           ทรงโปรดยกกาแฟดำขึ้นมาจิบ ก่อนจะเหลียวมองเสียงที่ดังกุกกักด้านหลัง เมื่อเห็นใครคนหนึ่งกำลังเดินลงบันไดมาด้วยความทุลักทุเลเล็กน้อย ทำให้ทรงโปรดรีบวางกาแฟดำที่เพิ่งจิบลงไป เพื่อลุกขึ้นแล้วรีบเดินไปหาร่างบางนั้นทันที                           "รัก...ทำไมใช้บันได เกิดตกลงมาจะทำยังไง"                     ทรงรักผลักพี่ชายออกจากตัวเบาๆ ด้วยความไม่ชอบใจ ความจริงความเป็นห่วงของพี่ชายที่มีต่อเธอ อาจจะเป็นเรื่องดีในสายตาคนอื่นๆ แต่ ทรงรักกลับรู้สึกว่า นี่เป็นเหมือนสิ่งที่ตอกย้ำว่า เธอก็เป็นแค่คนพิการที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อยู่ดี!              ทรงโปรดถอนหายใจ ไม่อยากจะดุน้องสาวคนเดียวด้วยเรื่องเดิมๆ แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ "ลิฟต์ที่พี่ทำไว้ให้แล้ว ทำไมไม่ใช้ เดี๋ยวก็ตกบันไดลงมาก็เจ็บตัวเหมือนครั้งก่อนหรอก"              ทรงรักตวัดสายตาวับวาวมองพี่ชาย ใบหน้างามบูดบึ้ง ก่อนจะเดินกระเผลกๆ ผ่านหน้าพี่ชายไปอย่างอารมณ์ไม่ดี แล้วค่อยๆ นั่งลงกับโซฟาตัวหนานุ่ม โดยมีทรงโปรดเดินตามและนั่งลงใกล้ตัวน้องสาว พร้อมกับพูดขึ้น "พี่ขอโทษ ...แต่พี่ดุรักก็เพราะว่าพี่เป็นห่วงเรานะ"  ทรงรักยังคงหน้าบึ้ง ก่อนจะนึกบางอย่างได้ ว่าแล้วดวงหน้าบึ้งนั้นก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น พร้อมกับบอกว่า "ถ้าพี่โปรดไม่อยากให้รักโกรธ งั้นเย็นนี้พี่โปรดก็ชวนพี่โรสมาทานข้าวเย็นกับรักกับพี่โปรดสิคะ รักอยากให้พี่โรสมาดูคอลเลกชันชุดทำงานแบบใหม่ที่รักจะเปิดตัวเร็วๆ นี้" ทรงโปรดถอนใจออกเล็กน้อย "เบอร์และไลน์ของโรส เราก็มีแล้วนี่ ทำไมไม่โทรชวนเองละ"    "ก็พี่โปรดทำงานที่เดียวกันกับพี่โรสนี่คะ เจอหน้ากันเกือบทุกวัน ชวนให้รักหน่อยไม่ได้รึไง"  ทรงโปรดส่ายหน้าซ้ำๆ เข้าใจความพยายามการจับคู่เขากับโรสิตาของน้องสาว ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สร้างความกระอักกระอ่วนใจกับเขาจริงๆ "นะคะพี่โปรด ทำเพื่อน้องสาวคนนี้ไม่ได้หรือคะ จำได้มั้ยคะ ว่าคุณพ่อ..." "เอาล่ะๆ พี่จะชวนให้" เมื่อน้องสาวหันมาใช้ลูกไม้เดิมๆ คือสำสั่งเสียของคุณพ่อ ว่าให้ดูแลน้องสาวคนนี้แทนท่านให้ดี ทรงโปรดจึงยอมทำตาม  ทรงรักรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นแล้ว ก็พูดขึ้นอีกว่า "พี่โรสกับพี่โปรดเหมาะสมกันจะตายไป ทำไมพี่โปรดไม่จีบพี่โรสเป็นแฟนสักทีล่ะคะ" "นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพี่นะรัก" ทรงโปรดกอดอกบอกกับน้องสาวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้น "ก็รัก ชอบพี่โรสนี่คะ ไม่ชอบผู้หญิงคนอื่นอีก ไม่รู้ล่ะค่ะ ตำแหน่งพี่สะใภ้ของรัก จะต้องเป็นของพี่โรสคนเดียวเท่านั้น คนอื่นๆ รักไม่รับนะคะ!"   "พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะคะคุณหนู" แม่บ้านที่ทนฟังมานานกับความเอาแต่ใจของน้องสาวที่มีต่อพี่ชาย อดไม่ได้ต้องพูดแทรกขึ้นมา "คุณโปรดเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ เรื่องแบบนี้ให้คุณโปรดคิดตัดสินใจเองดีกว่านะคะ เพราะเรื่องของหัวใจ ใครก็บังคับกันไม่ได้หรอกค่ะ"    ทรงรักรีบถลึงดวงตากลับคนที่แทรกขึ้นมา แล้วว่า "ใครขอให้ป้าแมวมาออกความเห็นคะ! ถ้ารักไม่ขอ วันหลังไม่ต้องเสนอหน้ามาพูดนะ" "รัก!" ทรงโปรดรีบดุ "ป้าแมวเป็นเป็นผู้ใหญ่นะ และก็คอยดูแลรักมาตลอด รักต้องให้เกียรติป้าแมวสิ!" ทรงรักเบือนหน้าหนีอย่างหงุดหงิด ทรงโปรดเลยยื่นคำขาดตามว่า "ถ้ารักไม่ขอโทษป้าแมว งั้นพี่จะไม่ชวนโรสมาทานข้าวเย็นที่นี่"  ทรงรักเลยว้าวุ่น ก่อนจะหันหน้าไปขอโทษป้าแมวอย่างเลี่ยงไม่ได้ "รักขอโทษค่ะ ป้าแมว!" ทรงโปรดจึงส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา กับน้องสาวผู้เอาแต่ใจและดื้อรั้น เพราะทรงรักถูกเลี้ยงดูมาอย่างเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็ก มีพ่อก็เอาแต่ใจลูกสาวเพื่อชดเชยสิ่งที่ลูกสาวคนนี้เผชิญ นั่นก็คือความพิการและกำพร้าแม่มาตั้งแต่เด็กนั่นเอง                 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD