บนทางเดินฟุตบาศก์ที่แสนมืดมน เต็มไปด้วยผู้คนมากมายเดินผ่านกันไปมา ทั้งที่คาริสาเดินสวนกับผู้คนไม่ซ้ำหน้า แต่ทำไมกลับรู้สึกว่าตัวเธอเดินอยู่เพียงคนเดียวตามลำพัง ห้วงความคิดอันหนักอึ้งวนเวียนอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมา
“ที่นายบอกจะให้ฉันไปเป็นผู้หญิงของนาย ไม่สิ เป็นไม้กันหมาให้นายสองเดือน ฉันตกลงนะ”
“...”
“แต่ฉันจะทำหน้าที่นั้นแค่แปดชั่วโมงต่อวันเหมือนพนักงานเงินเดือนทั่วไป เริ่มตั้งแต่แปดโมงตรงจนถึงสิบหกนาฬิกาตามเวลางานปกติ ร่างสัญญาวันนี้เลย”
“ไม่!ต้องไม่ใช่แบบนั้นสิเคส” แดเนียลคัดค้านเสียงแข็ง คนตรงหน้าก็ช่างเจรจาต่อรองเก่งซะด้วย
“แล้วจะเอายังไง”
“เธอต้องทำหน้าที่เป็นผู้หญิงของฉันยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวัน หมายความว่าเธอจะต้องอยู่กับฉันตลอดเวลา”
ให้ตายเถอะ! จะให้ตัวติดทั้งวันทั้งคืนก็ไม่ไหวไหม
แต่จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน จะได้ทำภารกิจที่หัวหน้ามอบหมาย ตามหาไดรฟ์อะไรนั่น
“ขอคิดดูก่อน”
“จะต้องคิดอะไรอีกละเคส ค่าตอบแทนฉันให้เธอเรียกได้เลยไม่อั้น”
“ได้! ฉันคิดเดือนละห้าแสน สองเดือนก็หนึ่งล้านพอดี จ่ายมาก่อนตอนนี้สามแสนเป็นค่ามัดจำ”
“เอาบัญชิมา ฉันโอนให้เดี๋ยวนี้เลย”
คาริสาไม่คิดว่าแดเนียลจะพูดจริงทำจริง ทันทีที่ส่งเลขบัญชีให้ เขาก็โอนเงินเข้ามาสามแสนตามที่เธอเรียกร้อง
“ฉันขอวันหยุดสองวันต่อหนึ่งสัปดาห์ด้วย” คาริสาต่อรองอีกเรื่องด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่ทว่าคราวนี้อีกฝ่ายกลับไม่ยอม
“ฉันให้ได้มากสุดแค่หนึ่งวันต่อเดือน”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะแดน ให้ฉันได้มีเวลาส่วนตัวบ้างสิ”
“แต่ค่าตอบแทนห้าแสนต่อเดือนฉันว่ามันสมน้ำสมเนื้อนะ เธอตกลงรับงานฉันแล้ว นั่นหมายความว่านับตั้งแต่วินาทีนี้เธอเป็นของฉัน เวลาทั้งหมดของเธอก็เป็นของฉัน”
คาริสาจำใจตกลงตามนั้น เจรจากับนักธุรกิจมันก็เป็นเช่นนี้ ผลประโยชน์ต้องมาก่อนเสมอ แต่ดูเหมือนเธอจะเป็นฝ่ายถูกเอาเปรียบซะมากกว่า
ลมกลางคืนพัดผ่านมาจนน่าขนลุก คาริสาโอบกอดตัวเองด้วยการลูบแขนทั้งสองให้คลายอาการหนาวเหน็บ เธอเดินอย่างเหม่อลอย ราวกับว่าทางที่เดินมันไม่มีจุดหมาย
ทว่าอยู่ ๆ สัญชาตญาณของเธอก็รับรู้ได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา ฟังจากเสียงฝีเท้าพวกมันมีมากกว่าหนึ่งคน ไม่นานเกินรอ คาริสาก็ถูกจู่โจมจากข้างหลังอย่างรวดเร็ว
พรึ่บ!
“อื้อ! ปล่อยนะ พวกแกเป็นใคร” ถ้ามาคนเดียวตัวต่อตัวเธอพอสู้ไหว แต่นี่ดันถูกพวกมันล็อกแขนไว้ถึงสองคน แถมยังมีอีกสองคนเดินนำทางอีก
คาริสาถูกนำตัวมายังรถตู้คันหรูที่ถูกจอดรออยู่ พวกมันลากเธอโดยที่ไม่ต้องออกแรงสักนิด
แม้จะพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยกำลังทั้งหมดที่มี แต่ก็ไม่ทำให้พวกมันสะเทือนเลยสักนิด ซ้ำยังโยนเธอเข้าไปภายในรถจนหน้าคะมำเข้ากลางหว่างขาคนที่นั่งรออยู่ในนั้นอย่างจัง สองมือเล็กผลักทุกคนออกให้พ้นจากตัว ก่อนจะเงยหน้ามองคนบงการ
“แดน!”
“ออกรถ!” แดเนียลอุ้มคาริสาขึ้นมานั่งบนตักพร้อมกับออกคำสั่งเสียงเรียบ
“ให้คนลากฉันมาแบบนี้ ฉันแจ้งข้อหาลักพาตัวได้เลยนะ” คาริสาโวยวาย แต่เขากลับแสดงสีหน้าเย็นชาใส่ ทำราวกับเธอเป็นเพียงธาตุอากาศ
“เธอไม่กล้าทำหรอก”
“เผด็จการ เอาแต่ใจตัวเอง”
“พูดมาก! วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี!”
“อารมณ์ไม่ดีแล้วมายุ่งกับฉันทำไมมิทราบ”
“ฉันจะพาเธอไปเก็บของ นับจากวันนี้เป็นต้นไป เธอจะไปอยู่กับฉันที่บ้านในฐานะผู้หญิงของฉัน”
คาริสาชะเง้อคอมองเอกที่นั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับรถ แต่เขากลับส่ายหัวให้อย่างช่วยไม่ได้
เพียงไม่นาน รถตู้คันหรูก็จอดสนิทอยู่ตรงหน้าอพาร์ตเมนต์ที่คาริสาพักอยู่
“รู้ที่อยู่ของฉันได้ยังไง” คาริสาเงยหน้าถามแดเนียล แต่ก็ไร้คำตอบ ดูท่าเขาจะอารมณ์ไม่ดีจริง ๆ เธอจึงหันไปมองเอกลูกน้องคนสนิทของเขาแทน
เหอะ!ยิ้มชั่วขนาดนี้ไม่ต้องบอกหรอกว่ารู้ได้ยังไง
“จัดการด้วย”
“ครับนาย” ลูกน้องคนสนิทก้มศีรษะรับคำสั่ง แล้วตามไปควบคุมดูแลลูกน้องคนอื่น ๆ เพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาด
“เอาแต่ใจตัวเอง” คาริสาบ่นคนเผด็จการ ก่อนจะหันควับไปเปิดประตูรถ แต่ก็ถูกแดเนียลคว้าแขนเอาไว้
“จะไปไหน”
“ฉันก็จะไปเก็บของไง จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน ไปอยู่บ้านนายสองเดือนประหยัดค่าใช้จ่ายตั้งเยอะ”
“ไม่ต้องไป รออยู่ที่นี่กับฉัน”
“แดน ของบางอย่างให้ผู้ชายเก็บมันน่าเกลียดนะ”
“เธอหมายถึงอะไร”
“ก็บอกว่าของบางอย่างไง ต้องให้พูดด้วยเหรอ” คาริสาทำหน้ามู่ทู่ใส่ ก่อนจะรีบลงจากรถไปโดยที่แดเนียลก็คว้าตัวไว้ไม่ทัน
“...” มาเฟียหนุ่มมองตามพลางถอนหายใจเอือมระอา
“คิดจะให้ลูกน้องมาแอบค้นห้องฉันเหรอแดน ฝันไปเถอะ คนอย่างฉันไม่เคยเก็บหลักฐานไว้ใกล้ตัว”
จัดการเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าเดินทางเสร็จสรรพ คาริสาก็เตรียมอุปกรณ์เพื่อเป็นตัวช่วยในการปฏิบัติภารกิจ เธอหยิบมันออกมาจากใต้ฟูกของเตียงนอน และรีบจัดเก็บเข้าในกระเป๋าใบใหญ่ในจังหวะที่ทุกคนชุลมุน
โชคดีที่เธอไม่ได้พกอาวุธปืนติดตัว ทุกครั้งที่เธอใช้ปืนในการปฏิบัติงาน เธอมั้งจะได้มาจากเหยื่อคนแรกที่ติดกับดักของเธอเสมอ