ณ บริษัทซินเนอร์แกรนเนสกรุป
รถหรูหลายคันจอดสนิทอยู่หน้าบริษัทยักษ์ใหญ่ใจกลางเมืองกรุง แดเนียลหลานชายเพียงคนเดียวของ คุณหญิงอำไพวัลย์ วงศ์วริศ หรือ ย่าน้อย กำลังจะได้สืบทอดตำแหน่งเป็นผู้บริหารในอีกสองเดือนข้างหน้า
ร่างสูงโปร่งก้าวขาลงจากรถโดยมีเหล่าพนักงานของบริษัทฯ ยืนรอต้อนรับอย่างอบอุ่น
“ยินดีต้อนรับค่ะคุณแดเนียล” ไอรีนเลขาสาวเป็นตัวแทนมอบดอกไม้ช่อใหญ่และเอ่ยต้อนรับว่าที่ประธานบริษัทอย่างยิ้มแย้ม
ทว่าอีกฝ่ายกลับชักสีหน้าเฉยชาใส่ทุกคน ก่อนจะสวนกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่แยแสตามอารมณ์
“ฉันไม่ชอบดอกไม้!” แดเนียลไม่แม้แต่จะมองหน้าคู่สนทนาด้วยซ้ำ เขาเดินจากไปทั้งที่ไอรีนและเหล่าพนักงานคนอื่นต่างหน้าชาไปตามกัน
อีกด้าน คาริสาเห็นประกาศรับสมัครพนักงานทำความสะอาดของบริษัทซินเนอร์แกรนเนสกรุป เธอจึงแฝงตัวเข้ามาทำงานชั่วคราว เล่นเอาเหล่าพนักงานคนอื่น ๆ ถึงกับประหลาดใจกันยกใหญ่ เพราะคนสวยหุ่นดีแบบเธอควรจะได้ทำงานดี ๆ กว่านี้
“คุณแดเนียลเป็นถึงว่าที่ท่านประธาน ใคร ๆ ก็ต้องเกรงขาม อย่างพวกหล่อนเป็นแค่พนักงานทำความสะอาด อย่าได้หลงเข้าไปในห้องทำงานคุณแดเนียลเชียวล่ะ ไม่อย่างนั้นแล้วก็ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“ทำไมล่ะป้า เมื่อวันก่อนฉันเห็นป้าเข้าไปทำความสะอาดห้องทำงานส่วนตัวของคุณแดเนียลอยู่เลย” สาลี่หนึ่งในพนักงานเอ่ยถาม
“ฉันมีสิทธิ์พิเศษ อย่างพวกหล่อนไม่มีวาสนาที่จะได้ทำหรอก”
หัวหน้าแม่บ้านพูดพลางหัวเราะชอบใจ คาริสาที่นั่งฟังอยู่นานสองนานก็ได้แต่เหลือกตามองบนด้วยความหมั่นไส้
โธ่อีป้า! มโนไม่ดูหนังหน้าเลยนะ
“โดยเฉพาะหล่อน หน้าตาก็งั้น ๆ อย่าได้ไปสาระแนอ่อยคุณแดเนียลเชียวล่ะ เพราะคุณแดเนียลเขามีคนที่เหมาะสมอยู่แล้ว”
ประโยคนั้นเล่นเอาคาริสาพูดอะไรไม่ออก เธอได้แต่ส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้หัวหน้าแม่บ้าน ทั้งที่มือกำหมัดแน่น
หยุดพูดสักทีเถอะอีมนุษย์ป้า!
“ป้าแกก็ชอบจิกชอบกัดผู้หญิงสวย ๆ แบบนี้แหละ ไม่ต้องไปสนใจหรอกนะเคส” สาลี่หันมาพูดกับคาริสาตามประสาเพื่อนร่วมงาน ส่วนคนที่โดนมนุษย์ป้าด่าจนหน้าโยกก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนกลับไป
สัปดาห์ต่อมา...
ตลอดระยะเวลาที่คาริสาแฝงตัวมาทำงาน เธอเอาแต่แอบมองแดเนียลอยู่ห่าง ๆ โดยไม่ให้เขารู้ตัว ขณะเดียวกันเอกลูกน้องคนสนิทของแดเนียลก็ตามติดคาริสาตามคำสั่งของเจ้านาย
“มองหาใครอยู่เหรอเอก”
คาริสารู้ตัวมาตลอดว่ามีคนคอยตาม เธอจึงล่อให้อีกฝ่ายมาติดกับดักของเธอโดยการทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่บริเวณบันไดหนีไฟ เอกที่เข้าใจผิดก็หลงกลไปตามระเบียบ
“คุณ...”
“แดนสั่งให้นายตามฉันเหรอ” เขาไม่ได้เอ่ยแก้ตัวอะไรนอกจากพยักหน้ารับ จะไปต่อก็ไม่ได้จะถอยหลังกลับก็ไม่ทัน “ไหน ๆ นายก็รู้แล้วว่าฉันทำงานที่นี่ ฉันขอให้นายเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ”
“คือ... คุณแดเนียลไม่ชอบคนโกหก”
“ฉันก็ไม่ได้ให้นายไปโกหกแดน นายก็รายงานไปว่าฉันทำงานเป็นพนักงานล้างส้วมอยู่บริษัทไหนก็ได้ บ่ายเบี่ยงไปก่อน และที่สำคัญห้ามบอกเขาเด็ดขาดว่าฉันอยู่ที่นี่”
“แล้วคุณเคสจะทำแบบนั้นไปทำไมล่ะครับ”
“ฉันยังไม่อยากให้เขาเห็นหน้าฉันตอนนี้ แดนทำตัวเหมือนเด็กที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ ฉันไม่โอเค”
“แต่ว่าคุณแดเนียล...”
“เอาเป็นว่านายทำตามที่ฉันบอก”
“คงไม่ได้หรอกครับ คุณไม่ใช่เจ้านายของผม คนที่สั่งผมได้มีแค่คุณแดเนียลเท่านั้น”
“ถ้านายทำตามที่ฉันขอ ฉันสัญญาว่าถ้ามีโอกาสฉันจะให้แดนตกรางวัลให้นาย ดินเนอร์กับไอรีนเป็นไง แบบนี้นายพอจะช่วยฉันได้ไหม”
“คุณเคส!” เขาทำตาเลิ่กลั่ก
“ก็รู้ ๆ กันอยู่” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เผยออกมาอย่างรู้ทัน “ฉันรู้ตั้งแต่มาทำงานวันแรกแล้วละ”
“ก็ไม่ได้อยู่ดีครับ วันหนึ่งคุณแดเนียลก็ต้องรู้ความจริงอยู่ดี”
“แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้หรือวันนี้ไง”
เอกไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับคาริสา บางทีเธอก็ดูน่ากลัวจนเขารู้สึกขนลุก
“คิดให้ดี ๆ นะเอก ถ้านายบอกแดน ฉันก็จะทำทุกอย่างให้แดนไม่พอใจนาย นายเองก็น่าจะรู้นะว่าฉันทำอะไรได้บ้าง” คาริสากอดอกพูดข่มขู่ลูกน้องของแดเนียลให้หมดหนทางปฏิเสธ
“ผมจะพยายามแล้วกันนะครับ” สิ้นคำพูดนั้น เอกก็เปิดประตูเดินจากไป
ไม่ใช่ว่าคาริสาไม่อยากเจอแดเนียล เพียงแต่เธอต้องการใช้หน้าที่การงานของตัวเองเดินสำรวจตรวจตราให้ทั่ว เพื่อเก็บข้อมูลทางเข้าออก ทางลัด หรือทางลับของบริษัทฯ
ถ้าแดเนียลเจอเธอตอนนี้ เขาก็จะไม่ปล่อยเธอให้เธออยู่ห่างจากสายตา ซึ่งมันไม่เป็นผลดีต่อเธอเลย
“คุณแดเนียลได้ยินหมดแล้วใช่ไหมครับ”
“ถ้าเธอาทำแบบนั้นแล้วสบายใจก็ปล่อยเธอไปก่อน กูเองก็ไม่รีบร้อนอะไร” แดเนียลนั่งไขว่ห้างพร้อมกับควงปากกาในมือเล่น “ส่วนมึงก็ทำงานของมึงต่อไป แต่กูฝากไว้เรื่องเดียว ห้ามประมาทกับผู้หญิงอย่างเคสเด็ดขาด”
“คุณแดเนียลไม่ไว้ใจเธอหรือครับ”
“กูก็อยากไว้ใจนะ แต่เธอไม่เคยทำให้กูไว้ใจได้เลย คนที่ฉลาดถึงขั้นเจรจาธุรกิจกับบริษัทใหญ่ ๆ ได้ตั้งแต่อายุสิบแปด ทำไมถึงตกอับได้ขนาดนี้ เว้นแต่ว่านั่นไม่ใช่ตัวตนจริง ๆ”
“หมายความว่าไงครับ”
“กูลองมาคิด ๆ ดูแล้ว ครั้งแรกที่กูเจอเคส เธอช่วยชีวิตกูจากการถูกลอบยิง เธอไม่มีอาการตื่นตระหนกที่เกือบถูกกระสุนยิงแสกหน้าด้วยซ้ำ แต่วันที่กูสั่งให้มึงส่งคนมาลองใจ เธอกลับตกใจกลัวเสียงปืน ยิ่งเคสแสดงความอ่อนแอออกมามากเท่าไหร่ นั่นแหละคือจุดที่น่าสงสัย”
“คุณแดเนียลกำลังสงสัยอะไรครับ”
“กูคิดว่าเคสเป็นคนในองค์กรที่กูให้มึงตามสืบ”
“ปืนกับมืดพกที่เราเจอบนเรือคงเป็นของคุณเคสสินะ” เอกคิดตามก่อนจะเอ่ยออกมาเมื่อเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ “แล้วคุณแดเนียลจะทำยังไงต่อครับ”
“กูก็ยังไม่แน่ใจ มึงสืบหาความจริงให้แน่ชัดกว่านี้ก่อน แล้วค่อยจัดการทีเดียว คนทรยศกูไม่เอาไว้แน่” แดเนียลเอ่ยเสียงเย็นเหยียบ สีหน้าของเขาไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา
เอกมองหน้าเจ้านายพร้อมกับอาการเสียวสันหลังวาบ โดนคาริสาข่มขู่ว่าน่ากลัวแล้ว เจอแดเนียลเข้าไปยิ่งสยดสยองไปกันใหญ่
ณ องค์กร
“เกินหน้าที่ แกปล่อยให้เคสไปทำอะไรเสี่ยง ๆ อีกแล้วนะเต”เสียงเรติกาโวยวายดังลั่นห้อง หลังจากที่รู้ว่าเตชินส่งคาริสาไปเป็นเหยื่อล่อเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
“สรุปฉันผิด?” เตชินชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพร้อมกับคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ
“แกไม่ผิดแล้วใครจะผิด?”
“พวกตำรวจใจร้อนกลัวไม่ได้ผลงาน รีบแสดงตัวจนงานออกมาเละเทะ คนร้ายหนีหายหมดจับได้แค่ลูกกระจ๊อก แต่ก็ถือว่าฝั่งเราไม่ได้งานที่ได้รับมอบหมายพลาด เพราะสามารถยึดของกลางได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเงินสดจำนวนมหาศาล”
“งานนี้ต้องให้เครดิตฉัน เพราะว่าฉันเป็นคนยิงหัวหน้ามันจนมือได้รับบาดเจ็บ ทำให้เอาเงินไปด้วยไม่ได้”
ขณะที่เตชินพูดอยู่ คนที่ยืนเงียบอยู่นานก็เอ่ยขึ้นแทรก
คาริสามีความคืบหน้าเกี่ยวกับบริษัทซินเนอร์แกรนเนสกรุป จึงรีบนำข้อมูลมารายงานหัวหน้า จึงทันได้ยินเรติกากับเตชินพูดคุยกัน
“เคส” เรติกาที่เพิ่งได้เจอเพื่อนในรอบหลายเดือนหันไปกระโดดกอดด้วยความคิดถึง “ได้ข่าวว่าทำงานเกินหน้าที่อีกแล้ว อุตส่าห์ชิงเงินมาได้แล้วจะไปเสี่ยงตายอีกทำไม”
“ก็ตอนนั้นมันใจร้อนเลยทำอะไรไม่ทันคิด แต่ว่าตอนนี้ฉันก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้วนี่”
“ปลอดภัยก็ดีแล้ว ไหนดูซิ” เรติกาพูดพร้อมหมุนตัวคาริสาเพื่อสำรวจดูความผิดปกติบนร่างกาย
“เพื่อนหรือเมียฮะ จะห่วงอะไรขนาดนั้น” เตชินพูดด้วยความหมั่นไส้ เมื่อเห็นเรติกาทำท่าห่วงคาริสาเกินเบอร์
“หุบปากไปเลยนะเต”
“เธอนั่นแหละที่ต้องออกไปจากห้องนี้ หัวหน้ากับลูกน้องเขาจะคุยภารกิจลับกัน”
“แล้วฉันนั่งฟังด้วยไม่ได้หรือไง”
“ไม่ได้! ไม่เข้าใจคำว่าภารกิจลับหรือไง” เตชินพูดแล้วหันไปทางคาริสา ซึ่งเธอก็ยักไหล่พลางส่งสายตามองเรติการาวกับว่าเป็นส่วนเกิน
“ออกไปก็ได้ เดี๋ยวไว้คุยกันนะเคส” เรติกายอมเดินออกไปจากห้องนั้นแต่โดยดี
“ข้อมูลสำคัญขอบริษัทฉันรวบรวมไว้ในเอกสารแล้ว” คาริสายื่นเอกสารในมือให้เตชิน “เท่าที่สำรวจดูภายในบริษัทยังไม่มีอะไรผิดปกติ นอกจาก...”
เธอหยุดพูดแล้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง ในขณะที่เตชินใจจดใจจ่อฟังเธอพูด
“นอกจากอะไร”
“ตอนนี้ฉันยังไม่แน่ใจแต่ฉันว่าต้องมีอะไรแน่ ๆ ส่วนทางเข้าออกมีทั้งหมดสี่ช่องทางใหญ่ ๆ”
คาริสาเขียนแผนผังภาพทางเข้าออกพร้อมอธิบายทางที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ให้เตชินฟัง
เดิมทีคาริสาเคยทำงานอยู่ที่นั่นเมื่อห้าปีก่อน แต่กลับไม่เคยได้เดินสำรวจทั่วบริษัทแบบนี้เลย เธอจะเข้าไปแค่ห้องผู้บริหารซะส่วนใหญ่
“ทำงานได้ดีมากเคส สายของฉันรายงานมาว่าแดเนียลมีไดรฟ์ที่บันทึกรายชื่อตำรวจที่ทำงานให้กับเขา ฉันอยากให้เธอไปเอามาให้ฉัน เธอโอเคใช่ไหมที่ต้องเป็นศัตรูกับแฟนเก่า”
เตชินมอบหมายงานใหม่ให้คาริสาพลางพูดจี้ปมเธอ ทว่าอีกฝ่ายกลับทำสีหน้าไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน
“สายของหัวหน้าเป็นคนสืบก็ให้เขาเป็นคนเอามาสิ”
“ไม่มีใครเหมาะสมกับหน้าที่นี้เท่าเธอแล้ว”
“หัวหน้า!” เธอจะไม่ขึ้นเสียงเลยถ้างานที่หัวหน้าให้ทำมันเหมาะสมกับเธอจริง ๆ
“ฉันเชื่อว่าเธอทำได้ ฉันไว้ใจเธอนะเคส”
“แต่ว่า...”
“หรือว่าเธอไม่มีศักยภาพ แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้”
“เหอะ” คาริสาพูดอะไรไม่ออกนอกจากจำใจรับคำบัญชาจากหัวหน้า
“มีปัญหาอะไร”
“เอาหน้ากากที่ฉันประดิษฐ์ไปใช้โดยที่ไม่ขออนุญาตอีกแล้วนะ”
คาริสาพูดเมื่อไปบังเอิญเห็นผลงานตัวเองอยู่บนใบหน้าของใครบางคน หน้ากากของเพชรร้อยหน้ามีเพียงเรติกากับเตชินเท่านั้นที่รู้ และเรติกาไม่น่าจะใช่คนทำ
“ต้องขอด้วยเหรอ ฉันเป็นหัวหน้าเธอนะ” เตชินสารภาพออกมาหน้าตาเฉย
“แล้วใครมันเป็นคนสวมหน้ากากนั่น”
“ไม่เอานาเคส อย่าหวงของนักสิ”
“ถ้าฉันหวงของ ฉันคงกระชากหน้ากากมันออกตั้งแต่วันแรกที่เห็นแล้ว อย่าให้ฉันต้องพูดถึงวีรกรรมของคนที่สวมนะ”
“ทำไม?” คำถามนั้นไร้ซึ่งคำตอบ
คาริสาลุกขึ้นเดินกระแทกเท้าออกไปด้วยท่าทางหงุดหงิด เพราะคนที่เป็นทั้งเพื่อนและหัวหน้าฉวยโอกาสกับงานประดิษฐ์ของเธอ
ตอนนี้เธอโกหกทุกคน โกหกแดน โกหกเตชิน นี่เธอกลายเป็นคนขี้โกหกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
คาริสานั่งเหม่ออยู่คนเดียวตามลำพัง เธอไม่เป็นอันทำอะไรเลยสักนิด
ถ้าหากแดเนียลจับได้ว่าเธอหักหลังเขา เขาทำยังไงกับเธอ นึกภาพไม่ออกเลย
แล้วถ้าเตชินรู้ว่าเธอกลับไปสนิทสนมกับแดเนียล หลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับแดเนียลที่เธอปิดบังไว้ ถ้าเพื่อนรู้ความจริงขึ้นมาจะรู้สึกยังไง แล้วไหนจะความรู้สึกของเรติกาอีก
คาริสาคิดโทษตัวเองอยู่ในใจ มันตันอยู่ในอกจนไม่สามารถระบายออกมาได้ น้ำตาเธอเริ่มซึมและค่อย ๆ ไหลออกมาในที่สุด
เตชินยืนมองคาริสาอยู่ห่าง ๆ เขาไม่ได้อยากส่งให้เธอไปตาย แต่เพราะเขาไว้ใจเธอมากที่สุด และอยากจะทดสอบอะไรบางอย่าง
แน่นอนว่าการไปเอาไดรฟ์บันทึกไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคาริสา แต่สิ่งที่ยากคือเธอจะจัดการกับแดเนียลอดีตคนรักยังไง
“เคสเป็นอะไร ทำไมดูซึม ๆ”
“ทำไม? ห่วงเมียนักก็เข้าไปปลอบดิ”
“ไอ้นี่ เมียเมออะไร ฉันมีผัวแล้วนะยะ” เรติกาพูดแล้วทำท่าจะเตะตัดขาเตชินเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่โชคไม่ช่วยเพราะอีกฝ่ายไหวตัวทัน
“ก็มันน่าคิดไหมล่ะ”
เรติกาถึงกับเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เพราะฉันเคยเห็นเคสเกือบตายต่อหน้า แล้วตอนนั้นฉันสนใจงานมากกว่าเพื่อน ฉันถึงไม่อยากเห็นภาพนั้นอีก”
“เออ...รู้หรอกนา แซวเล่นแค่นี้ทำไมต้องดึงดราม่าด้วยล่ะ” เตชินชิงพูดตัดบท
“ว่าแต่แกเถอะสั่งให้เคสไปทำอะไรอีกแล้วเนี่ย” เมื่อเห็นว่าสีหน้าของคาริสาดูไม่ค่อยดีนัก เรติกาจึงถามหาความจริงจากปากเตชิน
“งานง่าย ๆ แค่ไปขโมยหลักฐานของศัตรู”
“อืม” เรติกาอืออออย่างสบายใจเพราะคิดว่าเป็นงานถนัดคาริสาคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ทำไมถึงทำหน้าเศร้าขนาดนั้น
“รู้ไหมว่าทำไมเคสถึงรอดมาได้”
“จะไปรู้ได้ไงเล่า แต่ก็ไม่แปลก เพื่อนฉันเก่ง เรื่องเอาตัวรอดนี่ยืนหนึ่ง”
“คนที่บงการงานนี้คือแดเนียล”
“อะไรนะ ศัตรูคือแดเนียลเหรอ” เรติกาตกใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าเพื่อนรักกำลังเผชิญอยู่กับอะไร
“ใช่ ช่วงเวลาที่เคสหายไปต้องมีอะไรแน่ ๆ”
“เคสไม่ใช่คนที่จะเปิดปากบอกความลับกับใครง่าย ๆ นะ”
“ก็พิสูจน์อยู่นี่ไง และฉันก็อยากรู้ว่าระหว่างเรากับแดเนียล เคสจะเลือกใคร”
“เรื่องแบบนี้มันเลือกไม่ได้หรือเปล่าว่ะ ตกลงแกคิดจะทำอะไรกันแน่” เรติกาเค้นถามพร้อมกับท่าทางที่ไม่เห็นด้วย
“ถ้าเคสโกหกแดเนียลได้ ฉันคิดว่ามันก็โกหกเราได้เหมือนกัน”
คำว่า ‘โกหก’ ของเตชินมันอาจจะหมายความว่า ‘หักหลัง’ แต่เขาไม่อยากพูดคำนั้นออกมา เรติกาจึงรีบแก้ต่างให้เพื่อนอย่างไว
“โกหกเพราะความจำเป็นกับโกหกเพราะสันดานมันต่างกันนะเว้ย”
“แต่มันก็มีเส้นบาง ๆ คั่นอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ไอ้เต! นั่นเพื่อนนะ”
“ก็รู้ว่าเพื่อน กับคนอื่นเคสไม่เคยละเว้น ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ากับไอ้แดเนียล เคสจะจัดการกับมันยังไง หรือแกไม่อยากรู้”
เรติกาไม่ออกความเห็นอะไรทั้งนั้น นอกจากทำหน้าเซ็งเป็ดใส่เตชินที่อยากรู้อะไรไม่เข้าเรื่อง
“ตามใจ อยากจะทำอะไรก็ทำ แต่ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะว่าถ้าเคสเป็นอะไรขึ้นมาฉันเอาแกตายแน่” เรติกาคาดโทษเตชินก่อนจะเดินไปหาคาริสาที่นั่งเหม่ออยู่อีกมุมด้วยความเป็นห่วง