CHAPTER 4 “คำขอของพ่อ”

2707 Words
ตั้งแต่ควีนเดินทางกลับมาถึงไทย เธอก็ยังไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านเลย มีเพียงแวะเอาเสื้อผ้ากลับไปเก็บเท่านั้น นอกจากนั้นเธอก็อยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อช่วยแม่ดูแลพ่อตลอด จนกระทั่งวันนี้ที่คุณหมออนุญาตให้คุณธีภพกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านได้ “ควีน” เสียงคุณธีภพเอ่ยเรียกลูกสาวเบา ๆ “ควีนกลับไปอยู่บ้านกับพ่อได้มั้ย พ่ออยากให้ควีนอยู่ที่บ้านกับพ่อเหมือนเมื่อก่อน” “เรากำลังกลับบ้านกันนี่ไงคะพ่อ เสื้อผ้าข้าวของควีนก็อยู่ที่บ้านแล้ว” ควีนยิ้มยืนยันให้พ่อสบายใจ “จริงนะลูก” คุณภพหันไปขอคำตอบจากภรรยาและคุณบัว เมื่อทุกคนพยักหน้ายืนยันกลับมา รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณภพก็กลับมาอีกครั้ง “งั้นถ้าหนูเริ่มปรับตัวได้แล้ว หนูเข้าไปดูแลบริษัทแทนพ่อนะควีน” “เจ้าภพ!!” คุณบัวเอ่ยเรียกลูกชายเสียงเข้ม “ไม่ต้องคุยเรื่องนั้นตอนนี้ แล้วก็อย่าบังคับลูก แม่เคยบอกแกแล้วนะ” คุณบัวเอ่ยย้ำ ส่วนคุณภพก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างจำยอม “พ่อต้องพักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ เย็นนี้ต้องกินข้าวเยอะ ๆ แล้วก็กินยาให้ตรงเวลา วันนี้ควีนกับผิงต้องไปรับเพื่อนที่สนามบิน อาจจะกลับค่ำ ถ้ากลับมาแล้วควีนจะมาเช็คว่าพ่อกินข้าวกินยาเรียบร้อยดีมั้ย” ควีนกำชับ “พ่อไม่ดื้อหรอกน่า หนูทำเหมือนพ่อเป็นเด็กเล็ก ๆ ไปได้” คุณภพเอ่ยขำ ๆ “พ่อดื้อกว่าเด็กเล็ก ๆ บางคนอีกค่ะ ควีนเฝ้าพ่อมาเกือบอาทิตย์ควีนก็รู้แล้วว่าพ่อดื้อแค่ไหน” ควีนยิ้มตอบ “ดื้อตั้งแต่เด็ก ลูกคนเดียวก็แบบนี้แหละยัยควีน ย่าไม่น่าตามใจเยอะเลย” คุณบัวหัวเราะขำ “คุณ...ทำไมเหมือนผมโดนรุม เหลือคุณคนเดียวแล้ว คุณต้องอยู่ข้างผมนะ” คุณภพหันไปอ้อนภรรยา “รินขออยู่ข้างคุณแม่ได้มั้ยคะ รินว่ารินเห็นด้วยกับคุณแม่” เสียงหัวเราะดังลั่นรถหลังจากคุณนรินตอบคุณภพกลับไป ผิงนั่งมองภาพครอบครัวตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เธอไม่ได้เห็นทุกคนมีความสุขและหัวเราะไปด้วยกันแบบนี้ ช่วงบ่ายหลังจากควีนและผิงออกจากบ้านไปรับเพื่อนทั้งสองที่สนามบิน ประมุขใหญ่ของบ้านอย่างคุณบัวบุษบา รวมถึงธีภพและนริน ก็เข้ามานั่งรวมตัวกันเพื่อหารือเรื่องสำคัญในห้องทำงานของธีภพที่ถูกลงกลอนอย่างแน่นหนาเพราะไม่ต้องการให้ใครเข้ามาได้ยิน “ตกลงแม่จะอยู่ที่นี่จนกว่าจะจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จ และจนกว่าแม่จะมั่นใจว่าหลานแม่จะอยู่อย่างมีความสุข แล้วทางบ้านนั้นว่ายังไง” คุณบัวหันมาถามลูกชาย “ก่อนที่ผมจะเข้าโรงพยาบาล ผมกับปณตเพิ่งคุยกันครับ มันบอกว่าทางมันไม่มีปัญหาอะไร ถ้าได้ดองกับบ้านเรา มันก็ยินดีครับ” คุณภพตอบ “คุณแม่จะให้ยัยคิดแต่งงานจริง ๆ หรอคะ” คุณนรินถามย้ำให้มั่นใจ “เธอก็เห็นนะนริน ว่ายัยคิดกับยัยควีน ไม่มีทางอยู่บ้านเดียวกันได้อย่างมีความสุข ถ้าเราอยากให้ยัยควีนกลับมา มีทางเดียวคือให้ยัยคิดย้ายออกไป แล้วมันจะมีเหตุผลไหนดีกว่าการแต่งงานล่ะ หรือเธอจะให้ยัยควีนกลับไปอยู่แคนาดา แล้วให้ยัยคิดอยู่ที่นี่ต่อ” คุณบัวถาม “ไม่!! ผมอยากให้ลูกกลับมาอยู่ไทย ผมไม่อยากห่างลูกแล้วนะคุณ” คุณภพค้านเสียงดัง “ใจเย็น ๆ แกต้องใจเย็น ๆ นะเจ้าภพ ร่างกายแกไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน” คุณบัวปราม “เธอเองก็เห็นว่าเจ้าภพเครียดเรื่องบริษัทแค่ไหน แล้วเธอก็รู้ว่าทำไมเจ้าภพไม่ยอมยกบริษัทให้ยัยคิดดูแลต่อ แม่บอกตรง ๆ นะ แม่รักยัยควีน แม่อยากเห็นยัยควีนมีความสุข ถ้าหลานไม่อยากรับช่วงต่อบริษัท การควบรวมกิจการกับ ONEst DATA ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าเราควบรวมกิจการโดยที่ไม่ได้เกี่ยวดองกัน สุดท้ายเราจะเสี่ยงกว่าทางนั้น เพราะเค้าใหญ่กว่าเรา” คุณบัวอธิบาย “อีกอย่างปณตมันก็เห็นด้วยกับการควบรวมกิจการ เพราะเราต่างส่งเสริมกันทั้งสองฝ่าย แถมทางฝ่ายมันก็อยากให้ลูกชายมันดองกับบ้านเรา ทุกอย่างก็ลงตัว” คุณภพตอบ “ถ้าคุณกับคุณแม่เห็นตรงกัน นรินก็ไม่ขัดค่ะ แต่ยัยคิดจะยอมมั้ย ที่ผ่านมาเราไม่เคยรู้เลยว่าลูกมีคนรักอยู่รึเปล่า ถ้าลูกมีแฟนล่ะคะ เราจะทำยังไง” คุณนรินเอ่ยถาม “แม่เชื่อ ว่ายัยคิดจะยอมแม้ตัวยัยคิดจะมีแฟนอยู่ก็ตาม” คุณบัวยิ้มตอบ “ทำไมคุณแม่มั่นใจขนาดนั้นคะ” คุณนรินถามออกมาอีกครั้ง “เพราะมันเป็นโอกาสที่จะได้ทำเพื่อพ่อ ถ้าครั้งนี้ยัยคิดไม่ยอม ยัยคิดจะเสียโอกาสที่จะทำให้พ่อรักไป” คุณบัวจ้องหน้าลูกชายนิ่ง “แม่ก็รู้ว่ามันไม่มีทาง” คุณภพตอบเสียงแข็ง “แม่รู้นะเจ้าภพ ว่าแกรู้สึกยังไง แต่แม่ถามแกหน่อย ยัยคิดทำอะไรผิด” คุณภพนิ่ง “แม่ถามแกทุกครั้ง แกก็นิ่งทุกครั้ง ถ้าเราวางใจเป็นกลาง ยัยคิดไม่ได้ผิดอะไรเลย แสดงความรักออกไปให้ลูกเห็นบ้างเถอะ ถือว่าแม่ขอ แค่มองหน้าลูก ยิ้มให้ลูก มันยากนักหรือไง” “ทุกครั้งที่ผมมอง มันก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกตอนนั้น” คุณภพเอ่ยเสียงเรียบ “ยัยคิดหน้าเหมือนนรินนะคะ ถ้าคุณมองลูกแล้วไม่รักลูก แปลว่าคุณไม่รักนรินหรอ” คุณนรินเอ่ยเสียงสั่น “พอเถอะนริน” คุณบัวเอ่ยห้าม “ส่วนแกเจ้าภพ ปล่อยวางเรื่องในอดีตบ้าง คิดถึงจิตใจคนในครอบครัว ยัยคิดกับยัยควีนอยู่ร่วมกันไม่ได้ มันไม่ได้เป็นเพราะยัยคิดคนเดียว แต่มันเป็นเพราะแกด้วยเจ้าภพ” คุณบัวย้ำ “ผมจะพยายามแล้วกันนะครับ” คุณภพถอนหายใจหนักก่อนจะเอ่ยตอบ “เรียกยัยคิดมาคุยเย็นนี้ มันเป็นจังหวะเดียวที่เราจะคุยกับยัยคิดได้ เพราะยัยควีนไม่อยู่ โทรบอกว่าให้กลับบ้านเร็วหน่อย” คุณนรินพยักหน้ารับ ก่อนจะออกไปจัดการตามที่คุณบัวสั่ง “แม่...ผมบังคับลูกมากไปหรอ” คุณบัวพยักหน้าตอบ “แกรู้มั้ย ทำไมยัยควีนหนีไปเรียนแคนาดา” คุณภพส่ายหน้า “แม่รู้นะว่าแกรักยัยควีนมาก และอยากให้ลูกรับช่วงทุกอย่างต่อจากแก แต่แกเคยถามลูกมั้ย ว่าอยากได้มันรึเปล่า” คุณภพนิ่ง “แกจำตอนที่แกจะเข้ามหาลัยได้มั้ย ทำไมพ่อแกถึงเรียกไปถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร เพราะเค้าอยากให้แกเลือกทางเดินของแกก่อน แต่แกก็เลือกที่จะเดินตามพ่อ ในขณะที่ลูก ๆ แก แกเคยถามมั้ยว่าเค้าอยากเรียนอะไรอยากเป็นอะไร สำหรับยัยคิด เด็กคนนั้นพร้อมจะทำทุกอย่างตามที่แกบอกอยู่แล้ว แม้ว่าแกจะไม่เคยบอกเคยสั่ง ยัยคิดก็พร้อมที่จะเดินตามรอยเท้าแกเสมอ แต่มันไม่ใช่กับยัยควีน เหตุผลที่ยัยควีนอยากไปเรียนต่อแคนาดา มันมี 2 ข้อ ข้อแรกยัยควีนไม่อยากเรียนบริหารตามที่แกบังคับ ยัยควีนไม่ได้ชอบทางนี้จริง ๆ ส่วนเหตุผลอีกข้อแม่บอกแกไม่ได้” คุณภพเงยหน้ามอง “ทำไมบอกไม่ได้ครับ หรือเกี่ยวกับยัยคิด” คุณภพยิงคำถามกลับทันที “ไม่ใช่เรื่องที่แกจะต้องรู้ รู้ไว้แค่ว่าแม่จะไม่ยอมให้แกบังคับอะไรยัยควีนอีกแล้ว ปล่อยให้ลูกเลือกทางเดินเอง ส่วนเรื่องบริษัทถ้าไม่ยอมยกให้ยัยคิดดูแล การควบรวมกับ ONEst DATA มันก็ดีที่สุดแล้ว ให้ทางนั้นจัดการไป ได้ข่าวว่าลูกชายปณตเก่งมากหนิ” คุณบัวเอ่ยถาม “ครับ ได้ข่าวว่าวางระบบจัดการบริษัทไว้ได้ดีมาก ทั้งที่แทบจะไม่ได้เข้าบริษัทเลย ยิ่งเรื่องสร้างเนื้อสร้างตัวไม่ต้องพูดถึง พอร์ตหุ้นใหญ่กว่าพ่อเยอะ” คุณภพยิ้มตอบ “ดูจะปลื้มว่าที่ลูกเขยออกหน้าออกตาไปรึเปล่า” คุณบัวหัวเราะ “นัดกินข้าวสิ จะได้ให้เด็ก ๆ ได้ลองเจอกันด้วย” คุณบัวเสนอ “ได้ครับ เดี๋ยวผมจะชวนทางนั้นดู อยากเจอตัวจริงซักที ไม่ได้เจอตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว” คุณภพรับคำ “คุณแม่คะ นรินบอกยัยคิดแล้วนะคะ เดี๋ยวจะรีบกลับค่ะ” คุณบัวพยักหน้ารับ “เย็นนี้แกต้องออกโรงเองนะภพ คำขอจากพ่อ เป็นสิ่งที่ยัยคิดจะไม่ปฏิเสธ” คุณภพพยักหน้ารับด้วยสีหน้าที่กลับไปตึงเครียดอีกครั้ง “ส่วนเธอ ห้ามออกตัวเข้าข้างลูก นั่งนิ่ง ๆ ดูสถานการณ์ไป เข้าใจนะ” นรินยิ้มรับ เสียงรถของคิดเรียกสายตาจากผู้ใหญ่ทั้งสามที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นให้เงยหน้าขึ้นมามองกันทันที ไม่นานคิดก็เดินเข้าบ้านมาก่อนจะยกมือไหว้ทักทายทั้งสามคน “ไปล้างหน้าล้างตาไป จะได้มากินข้าวกัน” คุณบัวเอ่ย คิดพยักหน้ารับแล้วเดินปลีกตัวออกไป บรรยากาศในบ้านวันนี้ดูแปลกจนคิดสัมผัสได้ ตอนแรกเธอคิดว่าการที่ถูกเรียกตัวกลับบ้านเร็วเพื่อมากินข้าวเย็นด้วยกัน จะรวมถึงควีนน้องสาวของเธอด้วย แต่จากที่เห็นตอนนี้ ไม่มีที่นั่งบนโต๊ะอาหารที่ถูกจัดไว้สำหรับควีนและผิง มีเพียงที่นั่งว่างที่เดียวสำหรับเธอซึ่งตรงข้ามกับที่นั่งของพ่อ มื้ออาหารดำเนินไปด้วยความเงียบ ไม่มีการพูดคุยกัน มีเพียงความอึดอัดท่ามกลางเสียงช้อนส้อมกระทบจานข้าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และในที่สุด มื้ออาหารแสนอึดอัดนี้ก็จบลง “คุณย่ามีอะไรจะคุยกับคิดรึเปล่าคะ” คิดตัดสินใจเอ่ยถามออกไปก่อน “พ่อมี” คิดหันกลับไปมองพ่อด้วยความสงสัย นานครั้งที่คนเป็นพ่อจะเอ่ยปากคุยกับเธอก่อนแบบวันนี้ “คิดมีแฟนหรือคบกับใครอยู่บ้างมั้ย” คุณภพตัดสินใจเอ่ยถามก่อน “ก็มีอยู่ค่ะ” คิดตอบตามความจริง “ใช่ผู้ช่วยที่ตามติดคนนั้นรึเปล่า” คิดส่ายหน้าตอบทันที “พ่อนึกว่าใช่ซะอีก สายตาเค้าที่มองลูกไม่ธรรมดาเลยนะ รู้ตัวใช่มั้ย” “คิดรู้ค่ะ ว่าเค้าคิดอะไร แต่คิดขีดเส้นระหว่างตัวเองกับผู้ช่วยไว้ชัดเจน คิดมองที่การทำงานของเค้าเป็นหลัก และเค้าไม่เคยทำงานพลาดหรือทำให้คิดผิดหวัง” คิดยืนยันหนักแน่น “แล้วกับแฟนล่ะ คบกันมานานรึยัง ไปด้วยกันได้ดีมั้ย ได้คิดถึงอนาคตกันไว้บ้างรึเปล่า” คิดมองพ่อด้วยความสงสัย ทั้งที่ก่อนหน้านี้พ่อไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลย ไม่ใช่สิ พ่อไม่เคยสนใจเรื่องเธอเลยด้วยซ้ำ “คิดคบกับเค้ามาตั้งแต่สมัยเรียนค่ะ ก็หลายปีแล้ว ความสัมพันธ์ของเรามันเรื่อย ๆ เรียบ ๆ ไม่ได้หวือหวาอะไร แต่ถ้าให้ตอบตามความจริง คิดก็ยังไม่เคยมองถึงอนาคตร่วมกันค่ะ” คิดตอบตามความจริง “ถ้าพ่ออยากให้คิดแต่งงานล่ะ” คุณภพเอ่ยถาม “คิดยังไม่มั่นใจว่าเค้าจะพร้อมสำหรับการแต่งงานมั้ย คุณพ่ออยากให้คิดแต่งงานออกไปจากบ้านหลังนี้ขนาดนั้นเลยหรอคะ” คิดถามด้วยความน้อยใจ “นริน!!” คุณบัวหันไปเอ่ยเตือนคุณนรินที่กำลังจะพูด “พ่อไม่ได้คิดแบบนั้น” คุณภพถอนใจก่อนตอบ “พ่อมีความคิดที่จะควบรวมกิจการของบริษัทเราเข้ากับ ONEst DATA บริษัทของเพื่อนพ่อ พ่อกับเพื่อนเลยอยากให้ลูกของเราแต่งงานกัน อย่างน้อยการควบรวมบริษัทโดยที่ทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองกัน มันก็จะมั่นคงกว่า” “พ่อเลยเลือกคิดหรอคะ ทำไมไม่เป็นควีน” คิดถามกลับ “เพราะพ่อมั่นใจว่าควีนไม่อยากวุ่นวายเรื่องบริษัท และพ่อเห็นว่าเราก็เหมาะสม อีกอย่างลูกชายเพื่อนพ่อ ก็คุณสมบัติดี ทั้งนิสัยและความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน พ่อเลือกมาอย่างดีแล้ว” คุณภพยืนยัน “ถ้าเหตุผลคือการควบรวมกิจการของสองตระกูล และคุณพ่อมองแล้วว่าคิดเหมาะสม คิดก็จะยอมแต่งค่ะ” คิดตอบรับพร้อมรอยยิ้ม เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พ่อเอ่ยปากขอให้เธอทำเพื่อครอบครัว “แล้วแฟนเราล่ะ” ครั้งนี้เป็นคุณบัวที่เอ่ยถาม “คิดพร้อมเสียสละและทำเพื่อทุกคนค่ะ” คิดยืนยันหนักแน่น “พ่อไม่อยากบังคับเรามากขนาดนั้นหรอกนะ ยังไงพ่อจะนัดสองครอบครัวกินข้าวกันเพื่อคุยเรื่องการควบรวมบริษัทกันก่อน อย่างน้อยลูกกับทางนั้นจะได้ลองทำความรู้จักกัน ถ้าเกิดว่าลูกไม่โอเค พ่อก็ยินดีจะรับฟัง” คุณภพเอ่ยเพื่อไม่ให้ดูเป็นการบังคับมากเกินไป “ได้ค่ะ คิดยินดีทำเพื่อพ่อ” คิดส่งยิ้มให้พ่อ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้แม่ที่มองมาอย่างให้กำลังใจ คุณภพมองเด็กผู้หญิงตรงหน้านิ่ง อาจจะจริงอย่างที่แม่เค้าพูด เด็กคนนี้ยอมทำทุกอย่างเพื่อพ่อที่ไม่เคยแสดงความรักอะไรกับเธอเลย ต่อไปนี้เค้าคงต้องเปลี่ยนตัวเองบ้างแล้วจริง ๆ ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...“คิดลูก” เสียงคุณนรินเอ่ยเรียกลูกสาว หลังจากทุกคนแยกย้ายไปพักผ่อนแล้ว “คะแม่” คิดขานรับพร้อมกับเปิดประตูให้แม่เข้ามานั่งในห้อง “มีอะไรรึเปล่าคะ” คิดยิ้มถาม “หนูดูมีความสุขมากเลยนะ ทั้ง ๆ ที่ต้องเลิกกับแฟน หนูโอเคจริง ๆ หรอคะ” คุณนรินถามด้วยความกังวล “คิดดีใจค่ะ ดีใจที่ในที่สุดพ่อก็เห็นคิดอยู่ในสายตาบ้าง ถ้าการที่คิดต้องเลิกกับเค้าและทำเพื่อพ่อ คิดก็ยอม คิดไม่ได้รักผู้ชายคนนั้นเท่าพ่อนะคะ มันก็คงเป็นแค่ความผูกพันของระยะเวลาเท่านั้น” คิดตอบ “แล้วถ้าหนูเจอทางนั้นแล้วหนูไม่ชอบล่ะ เกิดสุดท้ายแล้วการแต่งงานมันไม่ได้เกิดขึ้นตามที่ผู้ใหญ่วางแผนไว้ หนูจะไม่เสียใจหรอที่ต้องเสียไปทั้ง 2 ทาง” คุณนรินถามต่อ “ถ้าสุดท้ายคิดไม่ชอบผู้ชายคนนั้น แต่พ่ออยากให้แต่งคิดก็จะแต่งค่ะ หรือถ้างานแต่งไม่เกิดขึ้น แล้วคิดต้องเลิกกับแฟน แต่คิดได้ความรักจากพ่อกลับมา คิดก็ยอมค่ะ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่คิดอยากได้มาตลอดชีวิต” คิดเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แม้ปลายประโยคน้ำเสียงจะสั่นไหวนิด ๆ ก็ตาม “พ่อเค้ารักหนูนะลูก แต่เค้าอาจจะแสดงความรักไม่เก่ง” คุณนรินดึงลูกสาวเข้ามาปลอบ “พ่อแสดงความรักเก่งแค่กับควีนเท่านั้นแหละค่ะ” คิดตอบกลับ “ไม่จริงหรอกลูก ที่น้องไปเรียนต่อก็เพราะพ่อบังคับให้เรียนบริหาร แล้วน้องไม่อยากเรียนเลยสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่นั่นเอง พ่อเค้าแค่รู้สึกผิดที่ทำให้น้องต้องไปอยู่ต่างที่ต่างแดนเพราะการบังคับน้อง เค้าเลยแสดงออกแบบนั้น ไม่คิดมากนะคะ” คุณนรินพยายามอธิบาย “คิดจะพยายามเชื่อว่ามันเป็นอย่างที่แม่บอกนะคะ” คิดกอดแม่แน่น ส่วนคุณนรินก็มองคิดด้วยความสงสารที่ต้องเติบโตมาด้วยความรู้สึกแบบนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD