ยามดึกสงัด ท้องฟ้าจับตัวเป็นสีดำดุจดังสีหมึก แต่หามีดาราเคียงคู่ ภายในเรือนเหลียนฮวาบัดนี้มีแต่ความเงียบเชียบ จากที่เมื่อไม่กี่ชั่วยาม [1] มีเสียงทะเลาะเบาะแว้งและขว้างปาข้าวของ
'ข้าน้อยไม่เคยลงนามในหนังสือหย่า นี่มันอะไรกันเจ้าคะ’
‘ไม่เคย แต่นี่คือลายมือเจ้า...ย่อมหมายถึงเจ้ายินดีกับข้อความนี้ แต่งเข้าสกุลไร้ทายาทสืบสกุล สมควรหย่า’
‘ท่านแม่ทัพได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ ที่ข้าน้อยไม่มีทายาทก็เพราะ...เพราะท่านไม่เคยก้าวเท้าเข้าเรือนของข้า แล้วข้าจะมีบุตรให้ท่านได้อย่างไร ข้าน้อยไร้ที่พึ่งพิง ไม่มีจวนให้กลับ มารดาสิ้นก็แล้ว...ได้โปรดให้ข้าน้อยอยู่ต่อเถิดเจ้าค่ะ’ นางคุกเข่าเงยหน้าพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลข้างแก้ม มองชายผู้เป็นสามี แววตาอ้อนวอนร้องขอความเมตตา
‘ข้าไม่เคยรักเจ้า เห็นหน้าเจ้าเมื่อใดข้ารู้สึกรังเกียจยิ่ง เจ้าคือความอัปยศของสกุลข้า ได้หนังสือหย่าแล้วก็ไปเสีย ไป!’
สตรีผู้เป็นเจ้าของเรือนงามนามซิ่นหนิงเยว่ ยืนบนเก้าอี้ด้วยน้ำตานองหน้า นางสะอื้นไห้กับชีวิตแสนอาภัพของตน นางผิดอันใดที่ต้องแต่งกับบุรุษที่มิได้มีใจรักนาง และครานี้นางผิดอันใดกันเล่า เขาถึงหยิบยื่นจดหมายหย่าให้แก่นาง เพราะนางน่ารังเกียจและอัปลักษณ์มากเช่นนั้นหรือ นางทำหน้าที่ทุกอย่างภายในจวนตามตำแหน่งที่ได้รับ ความดีนี้ยังไม่มีค่ามากเพียงพอที่เขาจะแบ่งหรือหยิบยื่นความปรารถนาดีให้นางสักเล็กน้อยเลยหรือ ความตายเท่านั้นที่จะทำให้เรื่องทุกอย่างจบ
นางค่อยๆ สอดลำคอเข้าไปยังผ้าที่ผูกตายไว้ที่ขื่อ หวังปลิดชีพตนเอง สองขาเตะเก้าอี้ใต้ฝ่าเท้าออก เพียงเพื่อให้ชีวิตตนดับสูญ
"ปัง" เสียงเก้าอี้ล้มลงทำให้สิ่งมีชีวิตภายนอกเรือนเริ่มเคลื่อนไหว
"ฮูหยิน ฮูหยินเจ้าคะ" เสียงเรียกอันดังปนระคนความหวาดหวั่นเปล่งออกมาพร้อมเสียงเคาะประตูเรือนระรัวเร็ว ทว่าหามีเสียงตอบรับจากภายในเรือนเหลียนฮวาไม่ สาวใช้ไม่รั้งรอให้คนด้านในเปิดประตู นางรีบพังเข้าไปและสองตาก็พบกับสตรีร่างเล็กห้อยโหนอยู่กับขื่อ ที่บัดนี้กำลังดิ้นทุรนทุราย
"คุณหนูใหญ่!" นางตะโกนด้วยความตกใจ แล้วรีบวิ่งเข้าไปประคองร่างเล็กอย่างทุลักทุเล ดีที่มีสาวใช้นางหนึ่งเดินผ่านมายังเรือนเหลียนฮวา ทำให้สาวใช้นามหยวนเพ่ยมิต้องลำบากมากนัก
"เจ้า! เจ้านั่นแหละ เร็วเข้า! ...มาช่วยข้าหน่อยเร็ว" หยวนเพ่ยตะโกนสุดเสียงให้สาวใช้ผู้นั้นเดินมาหา
นางไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะภาพเบื้องหน้าคือจางฮูหยินที่คิดปลิดชีพตน นางรีบสาวเท้าวิ่งเข้าไปช่วยหยวนเพ่ย ดึงตัวสตรีร่างบางลงจากขื่อได้สำเร็จ พร้อมกระวีกระวาดนำผ้าที่คล้องคอออกให้ มือไม้สั่นจนแทบทำสิ่งใดไม่ถูก
"คุณหนูเจ้าคะ อดทนนะเจ้าคะ บ่าวจะไปตามหมอมา" หยวนเพ่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน เมื่อใช้นิ้วอังที่ปลายจมูกจางฮูหยิน ก็รับรู้ถึงลมหายใจที่แผ่วเบา แต่อย่างน้อยก็ต้องมีทางรอดสิ แม้จะโอกาสจะริบหรี่นางก็จะลอง
"ข้าฝากฮูหยินด้วย แล้วข้าจะรีบมา" หยวนเพ่ยเอ่ยกับสาวใช้อีกคนอย่างร้อนรน ไม่รอให้นางตอบ หยวนเพ่ยนางแล้วรีบรุดออกจากเรือนวิ่งไปรายงานจางหยูเยี่ยน ผู้เป็นเจ้าของจวนและเป็นสามีของนายสาว
นางรายงานเรื่องนายหญิงของตนเพียงสั้นๆ ว่านางคิดปลิดชีพตนเรียบร้อยด้วยความร้อนรน หลังเล่าความจบนางมิรอให้เขาอนุญาต นางจึงวิ่งออกจากจวนไปเชิญหมอเพื่อมาดูอาการจางฮูหยิน
ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ของท่านแม่ทัพบัดนี้โกรธเกรี้ยว แต่พยายามระงับโทสะที่กำลังจะพวยพุ่งออกมา รอเพียงไม่ถึงสองเค่อ [2] หยวนเพ่ยก็วิ่งนำหมอเข้ามาที่จวนและพาหมอเข้าไปยังเรือนเหลียนฮวา หมอตรวจ
ชีพจรและส่ายหน้าด้วยความหนักใจ
"ชีพจรอ่อนนัก แต่ข้าจะจัดยาให้ พยายามป้อนเพื่อให้ธาตุหยางทำงานได้ดี เพราะร่างกายฮูหยินเย็นเกินไป ช่วงนี้ก็ดูแลหนักหน่อย"
"ขอบคุณท่านหมอหวังมาก" จางหยูเหยี่ยนหยิบเงินในถุงที่เอวยื่นส่งให้ แล้วหันหลังออกจากเรือนเหลียนฮวาโดยไม่ใช้สายตาแลกลับมามองสตรีที่นอนหายใจรวยริน...
[1] หนึ่งชั่วยามเท่ากับ 2 ชั่วโมง
[2] หนึ่งเค่อเท่ากับ 15 นาที