จางหยูเยี่ยนเดินออกจากเรือนไผ่หยกตรงมายังห้องหนังสือเพื่อสะสางงานที่ต้องส่งให้แก่กับราชสำนักช่วงสายๆ ระหว่างที่เขาเดินกลับเรือนของตนเขาได้ยินเสียง "เคร้ง!" คล้ายเสียงของวัตถุหนึ่งตกลงกระทบพื้น พร้อมมีเสียงหัวเราะของสตรีแทรกขึ้นมาจากอีกฟากหนึ่งของเรือน แทนที่สองขาจะพาร่างของจางหยูเยี่ยนไปยังห้องหนังสือเพื่อจัดการกับงานของตน แต่สองขาคู่นั้นก็พาเขาไปยังต้นเสียงที่เขาได้ยินด้วยความกังขาว่าใครมาทำเสียงอึกทึกครึกโครมที่จวนของเขายามดึกเช่นนี้
จางหยูเยี่ยนเดินตามเสียงจนมาถึงโรงครัวของจวน ภายในมีตะเกียงไฟเปิดสว่างนั่นแสดงให้เห็นว่าคนที่อยู่ภายในโรงครัวย่อมเป็นคนในจวนของตน หาใช่ใครอื่นไม่
เสียงสตรีที่ฟังคุ้นหูค่อยๆ ดังขึ้นตามจังหวะการก้าวเดินของเขาและเมื่อใกล้โรงครัวพอที่จะเห็นภายในได้ เขาก็ใช้สายตาเพ่งมองว่าเป็นผู้ใดกันที่มีกิจยามวิกาลเช่นนี้ และแล้วก็พบสตรีที่สองนางกำลังสาละวนอยู่กับการเคี่ยวอาหารบางอย่างบนหน้าเตา เขายืนมองการกระทำของนางทั้งสองในมุมมืด
"คุณหนูให้บ่าวทำเถิดเจ้าค่ะ"
"ข้าทำเองดีกว่าหยวนเพ่ย ส่วนเจ้าก็คอยดูด้วยว่าข้าทำอย่างไร คราวหน้าถ้าข้าอยากกินเจ้าก็ต้องทำให้ข้ากิน" ซิ่นหนิงเยว่เอ่ยโดยไม่หันไปมองสตรีด้านข้างที่พยายามจะแย่งไม้คนอาหารในหม้อเพื่อยึดมาเป็นของตน นางก้มหน้าช้อนขี้เถ้าออกจากเตาและมากลบความร้อนจากฟืนเพื่อให้ไฟลดความแรงลง ปากก็ยังอธิบายไปถึงไฟที่ใช้ในการเคี่ยวน้ำแกง
"ที่ข้าอธิบายเจ้าเข้าใจหรือไม่?" ซิ่นหนิงเยว่หันมาถามพร้อมกับมือที่เปื้อนคราบดำจากฟื้นและถ่าน และจังหวะที่เหงื่อไหลออกมา นางก็เผลอใช้มือปาดเหงื่อออก ทำให้แก้มเกิดรอยเปื้อนสีดำ
"เจ้าค่ะ คุณหนู แก้มคุณหนูเปื้อนหมดแล้วเจ้าค่ะ ไปล้างหน้าล้างมือดีกว่านะเจ้าคะ ทางนี้ให้บ่าวทำเองดีกว่าเจ้าค่ะ" หยวนเพ่ยทักท้วงนายของตนเองเสียมิได้
"ไหน?เปื้อนตรงไหน ตรงแก้มนี้หรือ?" เธอใช้มือลูบอีกครั้งจนเกิดรอยเปื้อนมากกว่าเดิม
"คุณหนู! ยิ่งเปื้อนใหญ่เลยเจ้าค่ะ มานี่ดีกว่า บ่าวเช็ดให้" หยวนเพ่ยคล้ายจะตำหนิที่นางไม่ระมัดระวัง
"คุณหนูของบ่าวนี่งามนะเจ้าคะ หากบ่าวเป็นชายคงหลงรักคุณหนูแน่ๆ เลยเจ้าค่ะ" หยวนเพ่ยใช้ผ้าบรรจงเช็ดข้างแก้มที่เปื้อนรอยดำให้ มุมปากของซิ่นหนิงเยว่ยกยิ้ม แววตาเจ้าเล่ห์ส่งผ่านไปยังสาวใช้ของตน
"ไม่ต้องรอให้เจ้าเป็นบุรุษ ก็รักกันได้นี่นา หยวนเพ่ย" ซิ่นหนิงเยว่ใช้มือข้างหนึ่งจับไปยังมือของหยวนเพ่ยที่กำลังเช็ดหน้าให้กับให้แก่ตน แล้วประคองไว้แนบอก และแสร้งโน้มหน้าไปยังหยวนเพ่ยคล้ายจะลักขโมยจูบจนหยวนเพ่ยยืนแข็งค้างหลับตา ไม่กล้ามองการกระทำของนาง แต่นางรออยู่นานก็ไม่มีสิ่งใดสัมผัสโดนใบหน้าของตนจึงลืมตามอง แล้วก็ได้ยินเสียงหลุดขำออกจากปากของซิ่นหนิงเยว่ จนทำให้หยวนเพ่ย
กระดากอายกับการกระทำของผู้เป็นนายตนที่ทำตนเป็นเด็กเล็ก
"คุณหนู! บ่าวตกใจแทบแย่ นึกว่าคุณหนูจะวิปลาสไปเสียแล้ว"
"เจ้าคิดว่าข้าจะจูบเจ้าจริงเช่นนั้นหรือ?ข้าคงไม่วิปลาสอย่างสตรีที่ข้าเคยเห็น"
"คุณหนูเคยเห็นที่ไหนเจ้าคะ?"
"ในฝัน! พวกนางรักกัน ผู้หนึ่งทำตัวเฉกเช่นบุรุษ อีกผู้หนึ่งคือสตรี สตรีย่อมเข้าใจสตรี เฉกเช่นบุรุษย่อมเข้าใจบุรุษ เราลองรักกันดีหรือไม่ หยวนเพ่ย” "นางแสร้งเอ่ยถามความเห็นจากสาวใช้ของตน แล้วก็ต้องหัวเราะออกมาเมื่อนางทำหน้าคล้ายจะร้องไห้
"ข้าล้อเล่นน่า อย่าร้องไห้ไปเลย มาเถอะ ข้าหิวแล้ว เจ้ากินเป็นเพื่อนข้านะ" ซิ่นหนิงเยว่จูงมือหยวนเพ่ยมาทานอาหารที่นางเป็นคนลงมือปรุงเอง
"เจ้าค่ะคุณหนู คราวหน้าคราวหลังคุณหนูอย่าพูดเล่นอย่างนี้นะเจ้าคะ"
"ได้ๆ คราวหน้าข้าไม่พูดแล้ว ข้าจะทำจริงๆ เลยดีไหม?"
"คุณหนู!"
สตรีสองนางอยู่ในโรงครัวเป็นนาน อีกทั้งไม่รู้ถึงการมาของ
จางหยูเยี่ยนแต่อย่างใด ส่วนตัวเขาก็มิได้อยากปรากฏตัวต่อหน้านางสักเท่าไหร่ จึงหันหลังเดินกลับไปยังห้องหนังสือของตนดังที่ตั้งใจเอาไว้แต่เดิมที เสียงเล็กใสกังวานส่งร่างชายกำยำในยามค่ำคืน เขาเดินไปพร้อมความสับสนในใจที่เริ่มเข้าแทรกในห้วงความคิด
ซิ่นหนิงเยว่ถูกฮูหยินผู้เฒ่าเรียกตัวไปยังเรือนรับรองห้องด้านซ้าย เพื่อลองสวมชุดไปงานเลี้ยงฉลองในวังที่จะเกิดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า
"งานนี้ฉุกละหุกเกินไป ข้าจำต้องสั่งชุดสำเร็จที่ร้านมาเพื่อให้เหมาะสมกับการเข้าวังที่สุด เจ้าคงไม่นึกตำหนิอะไร เจ้าเลือกเอาว่าต้องการชุดไหน จะได้ให้ช่างแก้ไขได้ทันในวันงาน"
"เจ้าค่ะท่านแม่"
"เจ้าเลือกไปก่อน ประเดี๋ยวข้ามา"
"เจ้าค่ะ" นางขานรับ ย่อกายให้กับมารดาของสามีตน แล้วหันหลังไปเลือกชุดตามแบบต่างๆ พร้อมกับโดยมีเจ้าของร้านคอยช่วยแนะนำชุดอย่างมิห่าง นางก็พยักหน้ารับแต่โดยดี
ระหว่างที่นางเลือกชุดอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงสตรีหลายนางสนทนาของสตรีหลายนางที่เดินเข้ามาในเรือนหลัก คล้ายว่านัดแนะกันมาอย่างไรอย่างนั้น เสียงดังเข้ามาใกล้จนมีเสียงหนึ่งดังขึ้นเหมือนดีใจที่เจอของล้ำค่า
"เถ้าแก่เนี้ย ท่านมาทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ อ๊ะ! ชุดมากมายเชียว สวยๆ ทั้งนั้นเลย" อี๋เหนียงใหญ่ของท่านแม่ทัพเอ่ยขึ้นด้วยแววตายิ้มแย้ม
"ข้าน้อยกิมฮวง คารวะอนุทั้งหลายเจ้าค่ะ พอดีฮูหยินใหญ่ให้ข้านำชุดนี้มาให้จางฮูหยินลองเจ้าค่ะ เห็นว่าอีกสองราตรีที่จะถึงนี้ วังหลวงมีงานฉลองใหญ่ ทางร้านมีชุดมากมายมาให้เลือกสวมใส่ในงาน และถ้าหากจางฮูหยินเลือกได้แล้วจะได้แก้ไขได้ทันเจ้าค่ะ"
"เช่นนี้นี่เอง ชุดพวกนี้ลวดลายสวยงามยิ่งนัก นึกอยากได้สักชุด" อี๋เหนี่ยงใหญ่นามเฟิงหรูอวี้เอ่ยด้วยแววตาล้ำลึก ยากจะอธิบายว่านางคิดสิ่งใดในใจ กิริยานี้ส่งผลให้เถ้าแก่เนี้ยรู้สึกใจคอไม่ดี นางพอรู้อยู่บ้างว่าเฟิงหรูอวี้เป็นคุณหนูที่เอาแต่ใจ อยากได้สิ่งใดต้องได้มา แม้ตอนนี้จะอายุยี่สิบหนาวแล้ว แต่นิสัยก็มิเปลี่ยน
"เฟิงอี๋เหนี่ยงอยากได้ก็เอาสิ รวมถึงอี๋เหนียงอื่นๆ ด้วย ข้าย่อมต้องเผื่อแผ่พวกเจ้าทุกคน" นางซิ่นหนิงเยว่ตอบกลับอี๋เหนี่ยงใหญ่ แต่มือยังคงจับเนื้อผ้าอยู่
"จริงเจ้าค่ะ ฮูหยินจิตใจเมตตาเยี่ยงโพธิสัตว์ เนื้อหนังมังสาไม่ได้กินเสียนาน ข้านึกว่าครานั้นจะได้กราบไหว้ท่านเสียแล้ว" คำพูดนี้เยาะเย้ยซิ่นหนิงเยว่ชัดๆ จนอี๋เหนียงทุกคนถึงกับต้องก้มหน้ามองฝ่าเท้าตนเอง
"ถ้าเนื้อหนังตัวนั้นเกลือกกลั้ว หรือเคี้ยวกินมูลสัตว์ชนิดอื่นเพื่อดำรงความสำราญของตัวมันเอง
ข้าก็กินไม่ลง ยิ่งรู้ว่าเนื้อหนังตัวนั้นมีพวกแร้งพวกกาบินโฉบเฉี่ยวหมายปอง และอยากร่วมกินพร้อมกัน หรือหลังจากข้าแล้วด้วย ตัวข้ายิ่งรังเกียจใหญ่ เพียงแต่ข้าไม่นึกว่าอี๋เหนียงใหญ่ชอบกินของเหลือที่ข้ากินจนรู้รสแล้ว ก็ยิ่งทำให้ข้าเปิดหูเปิดตา
หากแต่ข้าแนะนำว่าเมื่อใดที่เจ้าไม่รู้สึกอิ่มก็หาทางกินเนื้อนั้นก่อนสิ จะได้มีเวลาเผื่อแผ่เหมือนข้า ที่ได้ลิ้มรสอันโอชาก่อนผู้ใดแล้วรู้สึกเบื่อจนมองเนื้อที่ใครๆต่างคิดว่าโอชะเป็นสะอิดสะเอียน ไม่อยากจะคีบเข้าปากแม้แต่ครึ่งคำ" ซิ่นหนิงเยว่เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ แต่ทำให้ผู้ฟังหลายคนในที่นี้ยกเว้นอี๋เหนียงใหญ่ รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาบ้าง
"หรงอี๋เหนียงเจ้าก็เช่นกัน รู้จักแบ่งปันพี่น้องกินบ้างเล่า ถึงเนื้อหนังนั้นจะโอชะหายากในจวนท่านแม่ทัพ แต่ถ้าเจ้าตะกละกินหนักไปอาจสำลักเพราะคำคน" ซิ่นหนิงเยว่กล่าวเพื่ออยากจะปิดคำสนทนากับสตรีพวกนี้ นางโยนเรื่องให้สตรีของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นที่รักของสามีนางจัดการเรื่องนี้แทนแล้วกัน
"เหอะ! ปากดีนักนะเจ้าคะ ฮูหยิน...ไม่ได้กินมานานจนนึกว่าตนละซึ่งกิเลส อาหารเลิศล้ำวางไว้เบื้องหน้าจะหยิบตะเกียบมาคีบเข้าปากยังทำไม่ได้ แต่อวดอ้างว่าตนได้เบื่อหน่ายในรสชาติเสียแล้ว น่าสงสารเสียนี่กระไร..."
"ใครใช้ให้พวกเจ้าเข้ามา!" เสียงดังจากด้านหลังทำให้บรรดา
อี๋เหนียงทั้งหลายหันไปมอง และต้องย่อตัวคารวะ
"คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ" เฟิงอี๋เหนียงนำเหล่าอนุคารวะแม่สามี ครั้นจะเอ่ยปากเพื่อขอดูชุดที่วางเรียงรายด้วยอยู่ แต่ก็ถูกฮูหยินผู้เฒ่าดักคอไว้เสียก่อน
"ไร้มารยาท! ข้ามีคำสั่งให้พวกเจ้าเข้ามาอย่างนั้นหรือ ไม่ว่าเมื่อครู่พวกเจ้าต่อล้อต่อเถียงกันอย่างไร ใครเริ่มก่อนหาใช่ข้าจะสนใจ ที่นี่มีแขกที่ข้าพามา ต้องมาเห็นสิ่งที่พวกเจ้าก่อเรื่องให้อับอาย ข้าทนไม่ได้...พวกเจ้าทั้งหมดออกไปนั่งคุกเข่าที่หน้าเรือนข้า ทั้งหมดยกเว้นฮูหยิน ไม่มีคำสั่งจากข้าห้ามลุก!" เสียงตวาดของฮูหยินผู้เฒ่า ผู้อยู่ในฐานะแม่สามีของพวกตน ทำให้บรรดาอี๋เหนียงเสียวสันหลังไปตามๆ กัน พวกนางย่อกายรับคำสั่งแล้วเดินเรียงหน้าออกไป
บรรดาอี๋เหนียงออกจากเรือนรับรองแล้ว ก็เป็นจังหวะเดียวกันที่ซิ่นหนิงเยว่เลือกชุดได้แล้วเช่นกัน นางเพียงหยิบเอาชุดที่อยู่ใกล้มือเท่านั้น โดยไม่สนใจพิจารณาแบบแต่อย่างใด
"เจ้าได้ชุดแล้วหรือยัง" ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถาม แม้ในใจยังคุกรุ่นกับเรื่องเมื่อครู่นี้ ใช่ว่านางไม่รู้ว่าบรรดาอี๋เหนียงของบุตรชายเข้ามาเพื่อจุดประสงค์ใด ข่าวการเข้าวังหลวงเพื่อไปร่วมงานใครๆ ต่างก็ทราบดีว่าขุนนางขั้นใดถูกได้รับเชิญบ้าง
"ได้แล้วเจ้าค่ะ ข้าเอาชุดนี้เจ้าค่ะ"
"อืม เถ้าแก่เนี้ย เจ้าช่วยข้าเถิด ข้าขอตัวไปจัดการเรื่องภายในจวนเสียหน่อย ต้องขอโทษท่านด้วยที่ต้องมาเห็นอะไรที่มิควรเห็น"ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้สนใจในคำตอบของซิ่นหนิงเยว่นัก เพียงมองไม่เต็มตาก็กล่าวตัดบทออกไป
"เจ้าค่ะ เรื่องนั้นฮูหยินผู้เฒ่ามิต้องกังวล ข้ามิแพร่งพรายผู้ใดเจ้าค่ะ" เถ้าแก่เนี้ยเอ่ยปากรับคำพูด พร้อมกับเห็นใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้ารับ และเดินออกไปด้วยสีหน้ามิสู้ดี ส่วนตนก็เดินมารับชุดเพื่อวัดขนาด ในใจก็นึกภาพเหตุการณ์เมื่อครู่...อนุข่มภรรยา นางไม่อยากเชื่อหากไม่เห็นกับตา ข่าวที่เขาเล่าลือกันว่าท่านแม่ทัพจางหยูเยี่ยนไม่ชื่นชอบฮูหยินของตนจนนางคิดจะปลิดชีพของตนเองคงเป็นความจริง นางรู้สึกสงสารซิ่นหนิงเยว่ขึ้นมาในบัดดล สตรีนางเดียวต้องต่อสู้กับสี่อนุ หากเป็นสามีนางทำเช่นนี้ล่ะก็ นางจะจัดการไล่ออกจากจวน อย่าได้แม้แต่ยืนหน้าประตูจวนเลย
"เรื่องเมื่อครู่นี้ช่างน่าอายยิ่ง ต้องรบกวนเถ้าแก่เนี้ยแล้ว"
"มิได้ๆ ข้าเข้าใจดี มาเถอะ ท่านลองสวมชุดให้ข้าดูเสียหน่อย ข้าจะได้แก้ไขให้เข้ารูป" ซิ่นหนิงเยว่พยักหน้ารับ นางเดินเข้าไปยังห้องหนึ่งที่มีฉากกั้นเพื่อถอดชุดเดิมและสวมทับชุดใหม่ เพื่อดูว่าต้องให้ช่างตัดชุดแก้ไขตรงส่วนใด
"ท่านสวมชุดนี้ยิ่งขับผิวให้ผ่องขึ้นอีก ท่านนี่ช่างตาแหลมคมนัก ข้าจะรีบๆแก้ให้ เข้ารูปเข้าทรง รับรองว่าจางฮูหยินต้องสวยสง่าแน่ๆ เชื่อมือกิมฮวงเถอะ แต่เสียดายฮูหยินผอมไปนิด หากมีเนื้อมีหนังกว่านี้คงงดงามยิ่ง" เถ้าแก่เนี้ยเอ่ยชมพร้อมกับจับผ้าส่วนที่ไม่เข้ารูปจัดให้เข้ารูปเพื่อให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเรือนร่างหญิงสาว เมื่อใส่สวมชุดแล้วจะได้งามสง่า
"รบกวนท่านด้วย"
"หน้าที่ของข้าอยู่แล้ว"