กระดาษสเกตวางซ้อนทับกันกองมหึมา มันคือขุมทรัพย์ทางปัญญาที่ดีไซเนอร์ระดับหัวกะทิกลั่นกรองมาแทบทั้งนั้น
ลอออรยกมือปิดปากทัน ก่อนที่เสียงกรีดร้องของเธอจะทำให้ใครสักคนแตกตื่น เมื่อกลั้นใจกลืนเสียงกรีดร้องลงคอไว้ได้ ลอออรจึงลดมือลง ยื่นมือสั่นๆ จับกระดาษสเกตแผ่นหนึ่งขึ้นมาดูใกล้ๆ
หญิงสาวเอียงคอมองผลงานชิ้นเอกในมือ เธอจิปากเบาๆ และกัดริมฝีปากล่าง ขณะใช้ความคิด
เธอแค่เด็กฝึก ฝึกอย่างหนักเพื่อจะเป็นดีไซเนอร์ในอนาคต ลอออรเคยออกแบบเอง เธอแก้ไขแบบที่ตัวเองสเกตนับร้อยรอบกว่าจะพอใจชิ้นงานนั้น
แต่กระดาษสเกตตรงหน้า แทบไม่มีร่องรอยการแก้ไข
ชุดที่ดีไซเนอร์ออกแบบไว้ แทบไม่มีที่ติ แต่ทำไมไม่รู้นะ ลอออรกลับคิดว่า...มันยังมีบางอย่างขาดหายไป
ตอนที่ฉวยดินสอขึ้นมาจากพื้นโต๊ะ ลอออรไม่ได้คิดอะไรเลย มันมีบางอย่างดึงดูดเธอจมไปกับจินตนาการ มือเรียวเล็กขยับขีดเขียน เธอเติมบางอย่างในภาพสเกตที่ไม่มีรอยแก้ แล้วก็ยกขึ้นมามองใกล้ๆ พร้อมกับยิ้มสมใจ เมื่อภาพสเกตที่ไม่สมบูรณ์นั้น สมบูรณ์ขึ้นแล้ว
แกร๊ก...
เสียงสิ่งมีชีวิตเคลื่อนไหว ลอออรสะดุ้งตัวโยน เธอโยนกระดาษแผ่นนั้นไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม ก่อนก็รีบวิ่งผลุนผลันออกไป หากมีใครสักคนเห็นเธอที่นี่คงไม่เป็นการดีกับตัวเองเท่าไหร่
ทิโมธีปิดประตูระเบียง เขาออกไปสูดอากาศด้านนอก เพื่อให้ความรุ่มร้อนของตนเองลดลง เขาร้อนใจพอๆ กับเควิน สมองมืดทึบ เมื่อยังไม่เจอผลงานชิ้นเยี่ยมเข้าตา
พอดีกับที่เควินเดินสวนเข้ามา สีหน้าของเจ้านายดูแปลกๆ ท่าทางเควินเลิ่กลั่ก เหมือนกำลังมองหาใครสักคน
“กลับกันก่อนดีกว่าไหมครับ ผมว่าวันนี้คงไม่ได้อะไร” หลายชั่วโมงกับการมองหาเพชรเม็ดงามในกองภาพสเกต แต่กลับคว้าน้ำเหลว ไม่มีภาพสเกตไหนเข้าตาเขาและเควินเลย
ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาเดินไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ชิดกำแพงกระจก คงเป็นตอนที่เขาอารมณ์ไม่ดีสุดๆ จึงผลักเก้าอี้กระเด็นไปไกลขนาดนั้น
“จะกลับก่อนก็ได้นะ แต่ขอผมอยู่อีกแปบนึง”
เควินพึมพำตอบหลังจากหลุบเปลือกตาลงเหมือนต้องการพักตา
“คงต้องรอให้เวโรนิก้ากลับมาก่อน หล่อนน่าจะมีไอเดียดีๆ” เวโรนิก้าคือดีไซเนอร์คู่ใจของเควิน หากผ่านสมองอนชาญฉลาดของหล่อน ทุกคลอเลคชั่นที่ออกมาดังเกรียวกราวเสมอ
“ไปเถอะๆ ผมอยากพัก” เควินโบกมือไล่ เขากำลังผิดหวังอย่างแรง
เขาตามแม่สาวนัยน์ตาโตนั่นมาติดๆ ไม่รู้สิว่าคลาดกันตอนไหน เขายังเห็นหน้าหล่อนไม่ชัดเลย ที่จำได้ก็แค่รอยยิ้มสดใสกับแววตาจัดจ้าคู่นั้น
มีเสียงปิดประตูดังเบาๆ ไม่มีใครรบกวนเควินอีก ชายหนุ่มจมอยู่กับความคิดตัวเองนานพอสมควร
ตอนที่เขาตัดใจเดินออกจากห้อง ก็ตอนที่ลอออรกระโจนเข้าไปในลิฟต์พอดี
“โอ้ย...นึกว่าหลงอยู่ในเขาวงกตเสียแล้ว” หญิงสาวเอนตัวพิงผนังลิฟต์ ทอดสายตามองแสงไฟลิบตาด้วยแววตาแจ่มกระจ่าง
เธอเสียเวลางมหาทางออกเป็นชั่วโมง กว่าจะคลำทางจนเจอลิฟต์ก็เล่นเอาเหงื่อตก
โถงทางเดินเงียบกริบ แม้แต่เลขานุการสาวคนเดิมก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว หญิงสาวติดใจแค่นิดเดียว ชั้นนี้ทั้งชั้นไม่มีคนอยู่เลยหรือไง
ลอออรมารู้เอาทีหลัง หลังจากฝึกงานได้ครบอาทิตย์ ชั้นที่เธอมาเอาเอกสาร เป็นโซนต้องห้าม
หากไม่มีคำสั่งของผู้บริหารระดับสูง ไม่มีคนในซาลูคนไหนไปถึงที่นั่น ลิฟต์จะถูกล็อกไว้ คงเป็นความโชคดีของเธอ วันนั้นเควินลืมล็อกลิฟต์ เขากำลังหงุดหงิดจนเผอเรอนั่นเอง
เช้าวันใหม่อากาศปลอดโปร่ง...
“อรนับสิ มากันครบยัง?” เจ้ปลามอบหน้าที่ให้ลอออรนับสมาชิกทั้งหมดที่มาจากลัดดานายด์
หญิงสาวสำรวจคนกลุ่มใหญ่ตรงหน้าอย่างแข็งขัน หลังจากนับจนครบจึงรีบกลับมารายงาน
“คนครบแล้วค่ะเจ้...”
“ดีแล้วจะได้รีบไป อย่าทำให้ฉันขายขี้หน้าล่ะ จำให้ขึ้นใจ คุณเควินมองได้ แต่ห้ามอ่อย” วันนี้เป็นวันแรกที่ทีมคนจากลัดดานายด์จะได้เข้าไปในซาลู
เป็นโอกาสชิ้นใหญ่สำหรับแบรนด์ระดับประเทศอย่างลัดดานายด์จะได้มากระทบไหล่กับแบรนด์ระดับโลก ทุกความรู้ที่ได้จะนำไปพัฒนาแบรนด์ลัดดานายด์ ไหนๆ ก็มีโอกาสทั้งทีต้องกอบโกยความรู้ให้มากๆ แม้ตัวเจ้าของแบรนด์ซาลูจะน่าสนใจกว่าก็ตาม
โอกาสที่จะทำให้เควินชายตาแลไม่มีเลย
เพราะขนาดสวยหยาดฟ้า เป็นเซเลปชื่อดัง เป็นนางแบบแถวหน้ายังจับเควินไม่อยู่มือ
แล้วผู้หญิงธรรมดาหน้าตาเหมือนสาวบ้านนอกหรือจะทำให้ชายผู้นั้นสนใจได้ เจ้ปลาแค่เตือนในฐานะที่เคยประจันหน้ากับชายผู้นั้นเป็นบางครั้ง
เพราะต่อให้ใจแข็งขนาดไหน พอได้เผลอตัวสบนัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นมีอันว่าเพลี่ยงพล้ำทุกครั้งไป
เสน่ห์ของเควินละลายได้แม้แต่น้ำแข็งล้านปีในขั้วโลกเหนือ แล้วหัวใจอ่อนแอที่แอบปลื้มเขาอยู่แล้ว จะไม่หวั่นไหวได้ยังไง
“มีจงอางหวงไข่ขวางไว้ทั้งคน พวกเราเข้าไม่ถึงคุณเควินหรอกค่ะ” มีเสียงใครบางคนแทรกขึ้นมาระหว่างที่เจ้ปลากำลังอบรมชุดใหญ่
“จะพูดจะจาอะไรระมัดระวังกันด้วย ที่หล่อนพูดถึงอยู่นั่น อัปเปหิหล่อนกลับไทยได้เลยนะ”
เวโรนิก้าเป็นทั้งหุ้นส่วนและดีไซเนอร์หลัก หล่อนมีดีพอตัวไม่อย่างนั้นจะอยู่ข้างกายเควินมาได้ยังไงเป็นสิบๆ ปี
“ได้ข่าวว่าไม่อยู่ไม่ใช่เหรอคะเจ้” ปานแขถามเสียงอุบอิบ
“ไม่อยู่หรอก แต่น่าจะรีบกลับมาแหละ” เจ้ปลาตอบ แอบสะดุ้งเมื่อนึกถึงแววคมกริบของเวโรนิก้า
“การที่คุณเควินไม่ยอมสละโสด เพราะไม่อยากให้หล่อนเสียใจหรือเปล่า?” มีใครบางคนตั้งคำถาม
แต่เสียงตวาดของเจ้ปลาทำให้คนที่ตั้งใจตอบต้องรีบหดคอ “อย่าสาระแนเรื่องคนอื่นนักเลย มาทำงานนะยะ ไม่ได้มาหาผู้”
เจ้ปลาต้อนสาวแท้ สาวเทียมรวมแล้วสิบเอ็ดคนขึ้นรถตู้คันใหญ่ พอรถยนต์เริ่มเคลื่อนที่เสียงที่เงียบไปก็ค่อยๆ ดังขึ้นมา ในหัวข้อสนทนาไม่พ้นเควินเลย
เจ้ปลาส่ายหน้า มองฝูงแมลงเม่าที่เตรียมตัวบินเข้าไปกลางกองไฟด้วยแววตาระอา
หลายครั้งที่มาเหยียบซาลู มักจะได้ยินข่าวคาวๆ ของชายผู้นั้นเสมอ เควินไม่สนใจเด็กฝึก เขามีสาวสวยให้เลือกนับไม่ถ้วน แต่ดูเหมือนว่าฝูงแมลงเม่าเหล่านี้จะไม่ประมาณตัว ต่อให้เปลวไฟร้อนแรงแค่ไหนก็พร้อมที่จะโผเข้าใส่ หากมีโอกาส
เศษซากความชอกช้ำที่พบเจอ เจ้ปลายังนึกดีใจ โชคดีที่ตนเองเป็นสาวประเภทสอง
ไม่อย่างนั้นก็คงเสียอกเสียใจไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงหน้าโง่พวกนั้นหรอก
เวโรนิก้ากดวางสาย แววตาเธอลุกวาบ สีหน้าเคร่งเครียดจนช่างแต่งหน้ากลั้นหายใจจนแทบหมดลม มือสั่นๆ พยายามวาดพู่กันใต้ขอบตาล่างของเวโรนิก้าอย่างเบามือที่สุด
“พอๆ แค่นี้แหละ ฉันไม่ออกไปแล้ว ฉันจะกลับปารีส”
เวโรนิก้าผลักมือที่สาละวนกับผิวหน้าของเธอออก วันนี้เธอคงฝืนปั้นหน้าไม่ไหว เมื่อมีเรื่องกระทบใจจนกำลังสั่นพั่บๆ อยู่นี่ สายของเธอส่งรูปมาให้ดู แม้จะเป็นแค่ภาพเบลอๆ มองแทบไม่ชัด แต่อากัปกิริยาของเควันนั่นแหละที่ทำให้เวโรนิก้าร้อนใจ
ชายผู้นั้นไม่เคยสนใจเพศตรงข้ามขนาดต้องเดินตาม
แต่ครั้งนี้เควินลงทุนเดินตามแม่สาวปริศนานั่น เธอไม่รู้ว่าคืนนั้นจบลงที่ตรงไหน แต่การแสดงออกของเควินทำให้เธอนั่งไม่ติด เธอลงทุนเกาะติดเขามานับสิบปี เธอไม่ยอมให้ใครก็ตามมาฉกฉวยเขาไปง่ายๆ หรอก
โชคดีที่เควินยังไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนจริงจัง
และหากเขาเกิดความสนใจใครขึ้นมาสักคน เวโรนิก้าก็รีบจัดการ
เควินไม่เคยเอะใจ นั่นคงเพราะเขาไม่ใส่ใจด้วยมั้ง เธอยอมให้เขามั่วกับผู้หญิงพวกนั้นได้ แต่วันใดก็ตามที่แม่ผู้หญิงพวกนั้นคิดจะจับเขาให้อยู่มือ หล่อนจะหายไปจากชีวิตเควินทันที
เวโรนิก้าผุดลุกขึ้นยืน ฉวยสูทผ่าหน้าสีหวานขึ้นมาคลุมไหล่ แล้วก็รีบเดินฉับๆ ออกไป มีคนสนิทของหล่อนวิ่งเหยาะๆ ตามไปติดๆ