งานแต่งงานของ อนล กับ สร้อยมาลา ล่วงเลยมาเกือบสองเดือนแล้ว แต่ชีวิตรักหลังแต่งงานของหล่อนกับ อินทัช ก็ยังคงขมขื่นไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย แม้ว่าหล่อนจะพยายามยื้อความสัมพันธ์ครั้งนี้เอาไว้สักแค่ไหนก็ตาม
อินทัชยังคงเฉยชา เย็นชา และแสดงความไร้หัวใจใส่หล่อนเช่นเดิม
ไม่สิ... เขาแสดงความเลือดเย็นออกมามากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
บอกให้หล่อนรู้อย่างแจ่มชัดว่า สิ่งที่เขาต้องการก็คืออิสรภาพ
ใบหย่าที่เขาเคยมอบให้ ตอนนี้หล่อนยังคงวางมันไว้ที่เดิม ไม่กล้าพอที่จะเซ็นชื่อลงไปในนั้น
‘มิรินเก็บเอกสารนี้ไว้นะ พร้อมเมื่อไรก็เซ็นชื่อลงไป แล้วเอามาคืนพี่’
ทุกคำพูดไร้หัวใจของเขายังคงติดตรึงอยู่ในสมองของหล่อนอย่างเหนียวแน่น
หล่อนร้องไห้กับความใจร้ายใจดำของอินทัชจนไม่เหลือน้ำตาที่จะไหลออกมาอีกแล้ว มีเพียงแค่แผลในหัวใจเท่านั้นที่ยังเปื้อนไปด้วยคราบเลือดสดๆ
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ซึ่งมันก็ช่วยให้ มิรินดา ดึงตัวเองออกมาจากวังวนแห่งความชอกช้ำได้ชั่วคราว
หลังมือขาวสะอาดยกขึ้นป้ายน้ำตาบนแก้มนวล และปั้นเสียงถามออกไป
“ป้าอ้อมเหรอคะ”
หล่อนคิดว่าเป็นป้าแม่บ้านที่มาเคาะประตูเรียก แต่วินาทีต่อมา เมื่อประตูห้องถูกดันให้เปิดออก ร่างสูงสง่าของอินทัชก็ปรากฏขึ้น
เขาก้าวข้ามธรณีประตูห้องเข้ามา และเปิดบานประตูเอาไว้ ไม่ได้ปิดมันลง มันยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่าเขารังเกียจ ขยะแขยงหล่อนมากแค่ไหน
หญิงสาวกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงไปในลำคอ ก่อนจะฝืนปั้นยิ้มให้กับสามีใจร้าย
“วันนี้... พี่หนึ่งกลับบ้านเร็วจังค่ะ”
“คุณพ่อโทรบอกพี่ว่า เราต้องไปงานเลี้ยงด้วยกันน่ะ”
อ๋อ.. เพราะเหตุนี้นั่นเองอินทัชถึงได้กลับบ้านก่อนเวลาเลิกงาน
“งาน... เลี้ยงอะไรเหรอคะ”
หล่อนถามด้วยน้ำเสียงหมดอาลัยตายอยาก แต่อินทัชไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะเขาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า และปลดกระดุมที่แขนเสื้อเชิ้ตด้วยท่าทางผ่อนคลาย ไม่มีสักแวบหนึ่งที่เขาจะปรายตามองภรรยาผู้น่าสงสารเช่นหล่อน
“งานเลี้ยงต้อนรับลูกชายท่านทูตน่ะ”
“เอ่อ... มิริน... ไม่ไปได้ใช่ไหมคะ”
คนตัวโตหมุนตัวกลับมามองหล่อน แววตาของเขาเยือกเย็น ไม่แสดงความรู้สึกเช่นเคย
“ถ้าถามพี่ว่าต้องการให้เธอไปด้วยไหม พี่ตอบว่าไม่... แต่สำหรับคุณพ่อกับคุณแม่พี่ ท่านทั้งสองคงไม่ชอบใจ ถ้าพี่ไม่พาเธอไปด้วย”
หล่อนยิ้มเศร้าๆ มองหน้าเย็นชาของอินทัช และยอมรับชะตากรรม
“แล้วเราต้องออกจากบ้านกี่โมงคะ”
เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมามอง ก่อนจะตอบออกมา
“มิรินมีเวลาแต่งตัวครึ่งชั่วโมงครับ”
หล่อนจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากฝืนยิ้มและตอบตกลงออกไป
“ค่ะ พี่หนึ่ง”
เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก นอกจากเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
น้ำตาของหล่อนร่วงบนพวงแก้มทั้งสองข้างอีกครั้ง อย่างห้ามปรามไม่ได้
หัวใจของหล่อนเจ็บปวดทรมานขึ้นในทุกๆ วินาที
เมื่อก่อนเคยคิดว่าการได้อยู่ใกล้ๆ เขา ได้อยู่ใกล้ๆ กับอินทัช ผู้ชายที่ตัวเองรัก มันคือความสุข แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้นเลย
เพราะแม้จะอยู่ใกล้กันแค่เพียงเอื้อมมือ แต่หล่อนก็ไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสกับความอบอุ่นของอินทัชเลย
สายตาเฉยชามองมาแต่ละครั้งทำให้หล่อนแสนทุกข์ทรมาน
แสงสว่างที่ปลายทางของอนาคตที่เคยวาดหวังเอาไว้ตอนนี้ดับสูญไปจนสิ้น
อินทัชแสดงให้เห็นว่า ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะยื้อหรือดึงดันใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอีกต่อไป
หล่อนผิดเอง...
ผิดเองที่คิดว่าการใกล้ชิดจะสามารถทำให้อินทัชหันมามอง หันมารักได้
แต่ความฝันนั้นมันก็เป็นเพียงแค่ความหวังลมๆ แล้งๆ ที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง
หล่อนอ่อนแรงเหลือเกิน...
อ่อนแรง...
ไม่มีแรงที่จะต่อสู้กับความเย็นชาของอินทัชได้อีกแล้ว
ยอมแพ้...
ใช่...
คำว่ายอมแพ้มันกำลังครอบงำหัวใจและจิตวิญญาณของหล่อนอยู่ในตอนนี้
ดวงตากลมโตที่ตอนนี้ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาหันไปมองที่ตู้ลิ้นชักหัวเตียงนอน ในนั้นมีกระดาษสีขาววางเอาไว้
‘ใบสำคัญการหย่า’
“มันคงถึงเวลาที่มิรินต้องปล่อยพี่หนึ่งไปแล้วใช่ไหมคะ...”
มิรินดายกมือขึ้นป้ายน้ำตาจากสองแก้มนวลออกจนแห้ง เมื่อรู้ว่าประตูห้องน้ำกำลังจะถูกเปิดออกด้วยฝีมือของอินทัช
เนื้อตัวกำยำมีเพียงผ้าขนหนูสีขาวพันรอบสะโพกเอาไว้เพียงเท่านั้น
แก้มสาวร้อนซู่ซ่าเมื่อสายตามองไปปะทะกับอะไรบางอย่างที่กลางลำตัวของอินทัชเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
หล่อนรีบก้มหน้าลงเหมือนเดิม พยายามซ่อนทุกความรู้สึกเอาไว้แต่ภายในอก
“มิรินไปอาบน้ำสิครับ เดี๋ยวเราจะไปงานเลี้ยงสาย”
เสียงเย็นชาของดังขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินหายเข้าไปหลังประตูเลื่อนซึ่งภายในคือห้องแต่งตัวสุดหรูหรา
“ค่ะพี่หนึ่ง”
หล่อนตอบเสียงเบา ขณะรวบรวมแรงกายแรงใจให้ลุกขึ้น
ร่างกายที่เสมือนไร้จิตวิญญาณค่อยๆ เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
มิรินดาจ้องมองเนื้อตัวเปลือยเปล่าของตัวเองอยู่ที่กระจกตรงอ่างล้างหน้าด้วยความเสียใจ
“มิรินเกิดมาเพื่อเป็นของพี่หนึ่ง...”
หล่อนสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บช้ำ
“แต่พี่หนึ่งกลับไม่เคยต้องการมิรินเลย”
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด มองเรือนร่างขาวเนียนของตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ก่อนจะกัดฟันเดินไปหยุดใต้ฝักบัวขนาดใหญ่
มือขาวสะอาดเอื้อมไปเปิดก๊อกน้ำ สายน้ำอุ่นๆ ไหลลงมาราดรดร่างกาย ผสานกลมกลืนไปกับหยาดน้ำตาที่หลั่งรินออกมาไม่ขาดสาย
เสียใจ...
เจ็บปวด...
ทรมานเสียให้พอมิริน...
แล้วพรุ่งนี้ก็ทำในสิ่งที่ถูกต้องซะ ความเจ็บปวดนี้จะได้จบสิ้นลงเสียที