ก้าวแรกในโลกใหม่ (1)

1074 Words
ก้าวแรกในโลกใหม่ (1)                          จิวชงหยวนรับเข็มเงินเล่มเล็กจำนวนพันเล่ม ซึ่งบรรจุกล่องงดงามจากอาจารย์ใส่ลงไปในย่ามใบใหญ่ที่มียารักษาโรคทุกชนิด วันนี้เขาใส่ชุดคุณชายสีขาวขลิบเงิน เส้นผมสีดำที่ยาวขึ้นเพราะฝีมือของเทพบางองค์ถูกปล่อยให้ระแผ่นหลังมีเพียงปอยหน้าที่เก็บรวบขึ้นสูงเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทาง หลังจากล่าช้าไปหนึ่งวัน             เพราะลู่เฟยกลัวเขาจะไปตายก่อนจะได้ช่วยเหลือมนุษย์ จึงถ่ายทอดพลังวัตรและลมปราณใส่ไว้ในร่างจนแทบตายเพราะเจ้าตัวอัดพลังลงไปในร่างทุกซอกทุกมุมในร่างจนเขาแทบทนรับไม่ไหว ยังดีได้ยาดีที่คิดขึ้นเองมาช่วยให้ผ่านพ้นช่วงทรมานนี้ไปได้            หากเป็นคนอื่นเจ็ดวันจะฟื้นหรือยังก็ไม่รู้ และนั่นทำให้วันนี้ลู่เฟยไม่ได้ออกมาส่งเขาเพราะต้องบำเพ็ญเพียร เขาไม่รู้หรอกว่าลู่เฟยอัดพลังวัตรมาให้มากแค่ไหนถึงได้ไปบำเพ็ญเพียรอีกครั้ง แต่การที่ไม่มาส่งวันนี้กลับทำให้เขารู้สึกสบายใจมากขึ้นเพราะไม่รู้จะวางตัวกับลู่เฟยอย่างไรดี            “เรียบร้อยแล้วใช่ไหมชงหยวน” จิวชงหยวนสำรวจข้าวของจำเป็นแล้วเงยหน้ามองอาจารย์อีกครั้ง            “ขอรับอาจารย์ ว่าแต่หากข้าไปแล้วจะไม่สามารถกลับมาที่แห่งนี้ได้อีกใช่ไหมขอรับ” จิวชงหยวนเอ่ยถามน้ำเสียงเบาหวิว มองดูรอบกายแล้วรู้สึกใจหาย เพราะต่อไปนี้เขาคงไม่มีบ้านให้อยู่อีกแล้ว            “หากเจ้ากลับมาที่แห่งนี้หมายความว่าเจ้าบาดเจ็บหนัก แต่ที่นี่ก็เป็นบ้านของเจ้าเพียงแต่เจ้าไม่สามารถกลับมาเองได้นอกจากมีเทพเซียนพามาเท่านั้น”            เทพโอสถกล่าวความจริงเพราะที่แห่งนี้ใช่ว่าจะมาได้ง่ายๆ อีกทั้งจิวชงหยวนที่ยังมีความเป็นมนุษย์คงไม่สามารถหายตัวได้ดั่งเทพเซียน แม้จะพิเศษแค่ไหนสุดท้ายก็ยังเป็นเพียงมนุษย์เท่านั้น            “แต่หากเจ้าได้เป็นเซียนเมื่อไร เจ้าจะกลับมายังที่แห่งนี้ได้เองนั่นแหละ”            คำปลอบโยนของอาจารย์ทำให้จิวชงหยวนหัวเราะในลำคอเบาๆ เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเป็นเซียน ซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าจะตัดกิเลสออกจากใจไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลกได้หรือไม่            “ข้าว่าข้าทำคุณงามความดีให้เง็กเซียนฮ่องเต้ได้เห็น และแต่งตั้งข้าเป็นเทพจะง่ายกว่าจะให้ข้าตัดกิเลสในใจเสียอีกนะขอรับ”            “ฮ่าๆๆ ตามใจเจ้าแล้วกัน ไปเถอะข้าจะไปส่งเจ้าแต่ระวังตัวด้วยล่ะเพราะข้าปูทางเรื่องของเจ้ามาหลายปีแล้ว” คำกล่าวของเทพโอสถทำให้จิวชงหยวนหันมามองอย่างไม่ไว้ใจ            “หมายความว่าไงขอรับที่ว่าปูทาง” จิวชงหยวนเอ่ยถามย้ำเพื่อความมั่นใจของตัวเอง            “ไปถึงเจ้าก็จะรู้เอง ไปได้แล้ว ไม่ลืมอะไรนะเพราะข้าไม่เอาไปส่งเจ้าแน่” เทพโอสถตอบรับพร้อมคว้าแขนลูกศิษย์คนโปรดแล้วหายตัวมายังโลกมนุษย์ทันที            จิวชงหยวนรู้สึกเซวูบเมื่อเท้าเหยียบโดนพื้นดินอีกครั้ง ความรู้สึกมันยิ่งกว่าขึ้นรถไฟเหาะเสียอีก ตอนนี้รู้สึกอยากจะอาเจียนเอาอาหารเช้าออกมาให้หมดจริงๆ            “เจ้าไม่เป็นไรนะ ข้าลืมไปว่าเจ้าไม่เคยหายตัวมาก่อน เดี๋ยวนานๆ ไปก็ชินเอง” คำกล่าวของอาจารย์ทำให้จิวชงหยวนหันมามองอีกครั้ง            “คงไม่หรอกขอรับเพราะที่นี่คงไม่มีใครหายตัวได้ นอกจากเทพเซียนที่จะปลอมตัวลงมาเท่านั้น”            “มันก็จริงของเจ้า ข้าส่งเจ้าได้แค่นี้ เดินไปอีกสองลี้ก็จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ หวังว่าเจ้าจะเอาตัวรอดเองได้นะ ข้าไปล่ะ”            “ขอรับ”            จิวชงหยวนตอบรับมองอาจารย์ที่หายตัวไปต่อหน้าต่อตา แต่เขากลับเห็นจนชินตาแล้ว ดวงตาเรียวคมมองรอบกายที่เป็นป่าเขาแล้วถอนหายใจอย่างเซ็งๆ จะมาส่งทั้งทีส่งไปที่ตัวเมืองเลยไม่ได้หรือไง แต่ว่าเขารู้สึกลืมอะไรสักอย่าง ช่างเถอะ นึกได้เมื่อไรค่อยว่ากัน จิวชงหยวนครุ่นคิดกับตัวเองก่อนจะก้าวเดินไปยังหมู่บ้านที่อาจารย์บอกอย่างไม่ได้รีบร้อน            โครกกก            เดินมาได้หนึ่งชั่วยามท้องกลับเรียกร้องหาอาหารยามอู่ (12.00-12.59) จิวชงหยวนจึงเดินไปพักได้ร่มไม้แล้วหยิบหมั่นโถวที่ห่อมาด้วยนั่งกินอย่างสบายอารมณ์ไปจำนวนสองลูก และการหิวในครั้งนี้ทำให้เขานึกเรื่องสำคัญออก นั่นคือเขาไม่มีเงินติดตัวสักอีแปะเดียว สงสัยจากหมอเทวดาคราวนี้จะกลายเป็นหมอยาจกแน่ๆ            เมื่อกินหมั่นโถวจนอิ่มจึงเตรียมตัวออกเดินทางอีกครั้ง ครั้งนี้เขาเดินทะลุป่ามาจนเจอกับเส้นทางที่ชาวบ้านใช้เดินทาง มีรอยเท้าม้าที่ลากเกวียน จิวชงหยวนจึงเดินตามทางไปเรื่อยๆ            กุบกับ กุบกับ            “หลบไป!”            เสียงม้าวิ่งมาด้วยความเร็วพร้อมเสียงร้องตะโกน ทำให้จิวชงหยวนพลิ้วตัวหลบจากเท้าม้าไปอย่างหวุดหวิด ทว่าคนที่อยู่บนหลังม้ากลับพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้หันกลับมาสนใจแม้แต่น้อย            “เฮ้อ คนสมัยนี้ทำไมมันเสียมารยาทแบบนี้นะ จะรีบไปตายที่ไหนกัน” จิวชงหยวนได้แต่บ่นกับตัวเองก่อนจะเดินตามหลังม้าที่หายไปเหลือแต่ฝุ่นให้มองตาม ได้แต่กรอกตาไปมาอย่างเซ็งๆ ยุคปัจจุบันก็มีแต่ควันพิษ มายุคนี้ก็เจอแต่ฝุ่น กุบกับ กุบกับ            เสียงม้าที่ดังมาจากด้านหลัง ทำให้จิวชงหยวนเอี้ยวตัวหลบอย่างว่องไวจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่เขาจะไม่ยอมโดนม้าเหยียบตายแน่ ทว่ากลับผิดคาดเมื่อม้าที่วิ่งมาเป็นม้าที่ลากเกวียนมาด้วย โดยมีชายวัยกลางคนเป็นผู้บังคับ ม้าตัวนั้นหยุดลงตรงเขาพอดี ชายวัยกลางคนผู้นั้นส่งยิ้มให้อย่างไมตรี  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD