บทที่ 7 Red Carnation

2444 Words
บทที่ 7 Red Carnation ดอกคาร์เนชั่นสีแดง มีความหมายว่า โปรดเห็นความรักของฉันด้วย                   อคิราห์จำใจต้องพาผู้เป็นแม่มาที่คาเฟ่ในตอนเที่ยงวันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เคยคิดว่าจะซื้อเค้กที่น้องเหมยเป็นคนทำไปฝากแต่คงไม่ต้องแล้วสินะ เมื่อในตอนนี้แม่ของเขานั่งยิ้มแป้นอยู่ที่โซฟาตรงหน้าร้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เลือกนั่งถูกที่เสียด้วยสิ                 "อ้าวคุณอคิณ วันนี้มาเร็วจังเลยนะคะ"                 "อ่า...พอดีพาคุณแม่มาชิมของหวานน่ะค่ะ"                 ส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้เจ้าของร้านแล้วผิดหน้าไปมองคนที่นั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่บนโซฟา                 "ว้าว วันนี้พาคุณแม่มาด้วยเหรอคะ"                 "สงสัยเหงามั้งคะเลยอยากให้เราพาเที่ยว"                 "แล้ววันนี้จะสั่งเหมือนเดิมไหมคะ"                 "เหมือนเดิมค่ะ แต่ขอเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพให้คุณแม่ด้วยนะคะ"                 "ได้เลยค่ะ"                 "เอ้อคุณม่านคะ ขอของหวานด้วยนะคะ"                 สั่งเสร็จอคิราห์ก็เดินกลับไปนั่งที่ตรงข้ามกับมารดา วันนี้เขายังไม่เห็นน้องเหมยเลย ส่งข้อความไปเมื่อเช้าเธอก็ทำเพียงแค่กดอ่านเท่านั้น ไม่ส่งอะไรตอบกลับมาเลยแม้แต่ข้อความเดียว ใจร้ายชะมัด                 "หนูคนนี้เหรออคิณ"                 "คะ?"                 อคิราห์หลุดจากภวังค์แล้วเลิกคิ้วถามผู้เป็นแม่ด้วยความสงสัย หนูคนนี้ของคุณแม่หมายความว่ายังไงกันนะ                 "หนูคนนี้เหรอที่อคิณสนใจ"                 อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง                 "ไม่ใช่ค่ะ"                 "หืม มีคนที่สวยกว่าอีกเหรอ"                 อคิราห์ยิ้มเต็มหน้า ไม่ใช่ว่าสวยมากกว่าหรือน้อยกว่าหรอกนะ แต่คุณม่านไม่ใช่คนที่เขาชอบ น้องเหมยต่างหากคือคนที่เขาตกหลุมรัก ดังนั้นหากถามว่าใครสวยกว่าแน่นอนว่าเขาต้องตอบว่าน้องเหมย                 และถ้าหากว่าเขาชอบคุณม่านเขาก็ต้องตอบว่าคุณม่านสวยกว่า แม้ว่าความเป็นจริงแล้วทุกคนสวยหมด ไม่มีใครไม่สวยเลย แต่อยู่ที่คนมองมากกว่า   ว่าชอบแบบไหน และที่สำคัญต้องไม่เอาคนในแบบที่ตัวเองชอบไปกดคนอื่นให้ดูด้อยกว่า                 "สวยคนละแบบค่ะ"                 "แล้วคนไหนล่ะ"                 ผู้เป็นแม่ทำท่าชะเง้อมองหา                 "ไม่เห็นเหมือนกันค่ะ"                 น้องเหมยคงตื่นแล้วเดาได้จากที่เธอกดอ่านข้อความของเขา แต่ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญ                 "เครื่องดื่มและของหวานที่สั่งได้แล้วค่ะ"                 เป็นอีกครั้งที่ม่านต้อนรับลูกค้าคนนี้ด้วยตัวเอง แต่วันนี้มีคนพิเศษเพิ่มมาอีกคน นั่นก็คือแม่ของเขา                 "สวัสดีค่ะคุณป้า"                 "สวัสดีจ้ะหนู"                 "นี่คุณแม่อคิณเองค่ะ ส่วนนี่คุณม่านค่ะแม่ เป็นเจ้าของคาเฟ่แห่งนี้"                 อาจจะดูแปลกไปนิดที่เขาแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันในตอนที่ทั้งคู่ทักทายกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว                 "ดอกไม้ที่ประดับอยู่มุมนั้นเป็นดอกไม้จากร้านคุณแม่ของคุณม่านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามค่ะ"                 "สวยจังเลยนะจ๊ะ แม่ชอบบรรยากาศในร้านมากเลย"                 "ขนมก็อร่อยนะคะ"                 อคิราห์แนะนำอย่างตื่นเต้น เขาคะยั้นคะยอให้ผู้เป็นแม่ชิมของหวาน จะได้รู้ว่าอร่อยถูกปากมากแค่ไหน และที่สำคัญหากแม่ของเขาชอบ นี่จะได้เป็นความประทับใจแรกที่มีต่อคนที่เขาชอบยังไงล่ะ                 "อืม อร่อยจริง คนแก่แบบแม่ยังชอบเลย รสชาติหวานพอดี แต่ความอร่อยมีมากที่สุด"                 "น้องสาวม่านเป็นคนทำค่ะ"                 "แล้วน้องสาวหนูม่านอยู่ที่ไหนจ๊ะตอนนี้"                 เอ่ยถามเจ้าของร้านแล้วหันไปมองลูกสาวด้วยสายตาหมั่นไส้ อะไรมันจะไปแสดงออกว่าตื่นเต้นขนาดนั้นกันนะอคิณ เก็บอาการหน่อยไม่ได้หรือ คนที่นี่เขาคงมองออกหมดแล้วล่ะมั้งว่ามาที่นี่บ่อย ๆ เพราะกำลังหวังอะไรอยู่                 "ตอนนี้คงกำลังขายดอกไม้ช่วยคุณแม่อยู่ค่ะ หรือไม่ก็อยู่ในห้องนอน"                 "ยังไม่ตื่นเหรอหนู"                 หากเป็นคนที่ลูกชอบแต่ตื่นนอนตอนเที่ยงขนาดนี้เห็นทีท่านคงต้องคุยกับลูกสาวใหม่เสียแล้ว                 "น้องเหมยเป็นนักเขียนค่ะ บางวันก็เขียนนิยายอยู่ในห้องนอน บางครั้งที่ต้องส่งต้นฉบับน้องเหมยก็อยู่แต่ในห้องเป็นสัปดาห์เลยนะคะ ลงมาข้างล่างแค่ตอนทานข้าวเท่านั้น"                 อคิราห์แอบเก็บข้อมูลอยู่เงียบ ๆ และสายตาของเขาก็ลอบมองอาการของผู้เป็นแม่ไปด้วย ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้กลัวนักหนา กลัวว่าคุณแม่จะไม่ชอบน้องเหมย                 "นั่นไงคะ พูดถึงก็มาพอดีเลย"                 สองแม่ลูกหันไปมองตามทิศทางที่เจ้าของร้านชี้ชวนให้ดู อคิราห์เผยรอยยิ้มเมื่อมองเห็นคนตัวเล็กที่กำลังเดินข้ามถนนมาที่นี่ วันนี้เธอผู้นั้นปล่อยผมยาวให้สยาย และยามเมื่อลมพัดเส้นผมสีดำขลับก็ปลิวไปตามแรงลม ชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มลายดอกไม้ช่างดูเข้ากับเธอผู้นี้เสียนี่กระไร                  "น้องเหมย"                 บริมาสหันไปตามเสียงเรียกก็เจอกับพี่สาวที่กำลังนั่งอยู่ตรงโซฟาที่มีไว้สำหรับให้ลูกค้านั่ง เธอเห็นว่าพี่สาวไม่ได้นั่งอยู่เพียงคนเดียว ที่ตรงนั้นมีคนวุ่นวายไร้มารยาทที่ช่วงนี้ชอบมาวนเวียนป้วนเปี้ยนให้เห็นบ่อย ๆ ด้วย และหญิงวัยกลางคนอีกหนึ่งคนที่เธอไม่เคยเห็นหน้านั่งอยู่กับเขา                 "นี่คุณแม่ของคุณอคิณค่ะ"                 ทันทีที่เธอเดินเข้ามาใกล้ พี่สาวก็แนะนำให้รู้จักกับผู้มาใหม่ทันที                 "สวัสดีค่ะ"                 บริมาสยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อม ร่างเล็กจำเป็นต้องนั่งลงตรงโซฟาตัวเดียวกันกับอคิราห์ เนื่องจากโซฟาถูกจัดไว้ให้อยู่ตรงข้ามกันและมีโต๊ะเล็ก ๆ กั้นไว้ตรงกลาง                 อคิราห์เม้มปากแน่น เขาเกิดอาการเกร็งขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ และอาการนั้นก็ไม่ลอดพ้นสายตาของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันไปได้                 "เค้กอร่อยมากเลยจ้ะ"                 "ขอบคุณมากค่ะ น้องเหมยทำตามสูตรในยูทูป แต่ปรับน้ำตาลลงนิดหน่อยให้ถูกปากลูกค้าค่ะ"                 ผู้สูงอายุมากที่สุดในกลุ่มมองคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่พอเห็นว่าทั้งคู่ได้นั่งข้าง ๆ กันแบบนี้ท่านกลับรู้สึกว่าเหมาะสมกันมาก และจะเหมาะสมกว่านี้หากว่าลูกสาวสุดที่รักของท่านจะไม่เกร็งจนสังเกตได้                 "แล้วทำไมถึงมีแต่ชีสเค้กล่ะจ๊ะ"                 "ถ้าทำเยอะกลัวว่าจะไม่ทันค่ะ แต่ละวันก็เลยมีของหวานแค่อย่างเดียว"                 "วันละอย่างค่ะคุณแม่ วันนี้ชีสเค้ก พรุ่งนี้เค้กช็อกโกแลต วันมะรืนบราวนี่สลับกันแค่สามอย่างนี้ค่ะ"                 "แต่ก็ขายหมดใช่ไหมจ๊ะ"                 "ใช่ค่ะเพราะลูกค้าชอบมาก"                 บริมาสตอบด้วยรอยยิ้ม ปกติเธอไม่ค่อยได้เสวนากับใครจึงทำให้คุยไม่เก่งมากนัก ตลอดเวลาที่พูดพี่สาวจึงได้ช่วยพูดเสริมอยู่เสมอ                 อคิราห์หลุดออกจากวงโคจรการเสวนาไปในทันที เขาเอาแต่นั่งนิ่งฟังคนโน้นคนนี้พูดอยู่อย่างนั้น และเสียงที่เขาชอบฟังเป็นพิเศษก็คือเสียงหวาน ๆ ของคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นี่เอง                 "แม่ว่าน่ารักทั้งสองคนเลย"                 "แต่อคิณชอบน้องเหมยนะคะ"                 ผู้เป็นแม่ยกยิ้มมุมปาก แสดงออกชัดเจนขนาดนั้นใครบ้างล่ะที่จะไม่รู้                 "แม่รู้ อคิณแสดงอาการขนาดนั้น"                 "ดูออกชัดเจนเลยเหรอคะ"                 "เรานั่งตัวเกร็งมากเลยนะเมื่อกี้"                 จะไม่ให้เกร็งได้ไงในเมื่อนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้ใกล้ชิดกับเธอขนาดนั้น มีบ้างบางครั้งที่หัวเข่าของเราชิดกัน นั่นทำให้อคิราห์แทบหยุดหายใจ น่าแปลกที่กับคนนี้เขาเป็นเอามาก มากจนอคิราห์คิดว่าตัวเองเป็นวัยรุ่นหัดรักเสียอีก อยู่ใกล้คนที่ชอบแล้วเสียอาการขนาดนี้เขาไม่เคยเป็นกับใครมาก่อนเลย แม้แต่กับคนที่เขาเคยคบสักคนก็ไม่เคย                 "แต่หนูเหมยดูตึง ๆ กับลูกนะ"                 "..."                 "เคยทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่าล่ะเราน่ะ"                 "เอ่อ...อคิณเสียมารยาทกับน้องเหมยนิดหน่อยค่ะ"                 "ดอกไม้ที่อยู่ร้านตรงข้ามน่ะ ซื้อไปขอโทษหนูเหมยสักช่อสิ"                 จริง ๆ เลยลูกคนนี้ โตขนาดนี้แล้วยังต้องให้แม่สอนวิธีจีบคนที่ชอบอยู่อีก ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ทีกับคนที่แม่ไม่ถูกชะตาด้วยนี่คบแล้วค่อยมาบอกตลอดเลยนะ ผู้เป็นแม่แอบค่อนขอดลูกสาวสุดที่รักในใจ                 "แม่ก็ชอบนะ"                 "..."                 "หนูเหมยน่ะ"                 อคิราห์ยิ้มจนแก้มแทบแตก แบบนี้คงต้องเดินหน้าจีบเร็ว ๆ แล้วสินะ ในเมื่อแม่เขาเปิดทางให้ขนาดนี้ เหลือก็แต่เขานี่แหละที่ต้องพิชิตใจน้องเหมยผู้ที่ชอบหน้าบึ้งกับเขาอยู่ตลอดให้ได้สักที เห็นทีคงต้องเดินหน้าจีบอย่างจริงจังกว่าครั้งไหน ๆ เสียแล้วสิ                                 "อคิณเอาปิ่นโตมาคืนคุณป้าค่ะ"                 ความจริงแล้วอคิราห์จะนำปิ่นโตมาคืนตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันก็ย่อมได้ แต่ทำแบบนั้นเขาก็ไม่มีข้ออ้างมาที่ร้านดอกไม้นี้อีกน่ะสิ เพราะฉะนั้นอคิราห์จึงเก็บปิ่นโตเอาไว้เพื่อที่จะได้นำมันมาคืนในตอนเย็นยังไงล่ะ                 สรุปว่าวันนี้วันเดียวเขามาวนเวียนอยู่ที่นี่สามครั้งแล้ว เมื่อเช้า ตอนกลางวัน และตอนนี้                 "อาหารอร่อยมากเลยค่ะ"                 "พรุ่งนี้ก็มาอีกสิจ๊ะ แม่จะได้เตรียมไว้ให้"                 "เกรงใจจังเลยค่ะ"                 "ไม่ต้องเกรงใจหรอกลูก คนกันเองทั้งนั้นเลย หนูอคิณก็เป็นเพื่อนกับลูกสาวแม่"                 แต่ตอนนี้หนูไม่อยากเป็นแค่เพื่อนของลูกแม่อย่างเดียวแล้วน่ะสิคะ        อคิราห์คิดในใจยิ้ม ๆ                  "คุณแม่คะ"                 "ว่าไงคะ"                 บ้านนี้เขาพูดจาไพเราะกันจังเลยนะ อยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเร็ว ๆ จัง                 "ถ้าจะขอโทษใครสักคนอย่างจริงใจ ดอกอะไรเหมาะที่สุดคะ"                 "แม่ขายดอกไม้มาก็นานนะคะ แต่ก็จำความหมายของดอกไม้ไม่ค่อยได้ เรื่องแบบนี้ต้องถามน้องเหมย"                 "แล้วถ้าจะขอความรักจากเขาล่ะคะ ต้องใช้ดอกอะไร"                 เมื่อกี้คุณแม่ก็ยังบอกอยู่ว่าจำความหมายของดอกไม้ไม่ค่อยได้ แกยังจะเซ้าซี้ถามต่ออยู่อีกหรืออคิราห์ ชักจะสงสัยเสียแล้วสิว่าเขาเป็นคนไม่มีมารยาทอย่างที่น้องเหมยปรามาสไว้จริง ๆ                 "ขอความรักต้องใช้ดอกไม้ด้วยเหรอลูก แม่นึกว่าต้องใช้แต่ความจริงใจเสียอีก"                 อคิราห์ยิ้มให้กับคำตอบของผู้ที่สูงอายุกว่า ที่คุณแม่บอกมันก็ถูกต้อง แต่เขาก็ยังอยากได้ดอกไม้สักช่อ หรือสักดอกไปมอบให้เธอคนนั้นอยู่ดี เพราะความประทับใจในครั้งแรกของเขากับเธอผู้นั้นติดลบไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงอยากสร้างความทรงจำขึ้นมาใหม่                 "ดอกคาร์เนชั่นสีแดงดีไหมลูก"                 "มีความหมายไหมคะคุณแม่"                 "โปรดเห็นความรักของฉันด้วย คือความหมายจ้ะ"                 เท้าเรียวก้าวออกมาจากร้านขายดอกไม้ด้วยความมั่นคง มือข้างซ้ายของเขาถือดอกไม้สีแดงหนึ่งดอกเอาไว้ในมือ ตาเรียวเล็กจ้องมองเข้าไปในร้านคาเฟ่ที่มีผู้หญิงคนที่เขาหมายตากำลังจัดดอกไม้อยู่ สงสัยดอกไม้พวกเดิมคงจะเหี่ยวแล้วสินะเธอได้เปลี่ยนดอกใหม่เข้าไปไว้ทดแทน                 น่าเสียดายที่วันนี้เขาไม่ได้พกกล้องติดตัวมาด้วย ภาพที่มองจากตรงนี้ช่างสวยงาม ร่างเล็กกำลังง่วนอยู่กับการจัดดอกไม้ ช่างเป็นภาพที่ดูเพลิดเพลินเสียจริง เพราะไม่ได้พกกล้องถ่ายรูปติดตัวมาด้วย วันนี้อคิราห์เลยอดบันทึกภาพน่าประทับใจเอาไว้เลย                 "น้องเหมยคะ"                 ทำไมวันนี้คนถึงชอบเรียกชื่อเธอนักนะ                 "มีอะไรหรือเปล่าคะ"                 บริมาสเงยหน้าขึ้นมามองลูกค้าจอมวุ่นวายของพี่สาว อะไรกันอีกนะ ทั้งเมื่อคืน ตอนกลางวัน แล้วก็ตอนนี้อีก เขาไม่ทำงานทำการหรืออย่างไรถึงได้ชอบมาวนเวียนที่นี่จัง                 "พี่ให้ค่ะ"                 คนตรงหน้ายื่นดอกไม้ที่บริมาสรู้ดีว่าเป็นดอกอะไรมาให้ แบบนี้คงไม่ใช่เอามาเพื่อให้เธอเสียบลงในแจกันเอาไว้ตกแต่งเป็นแน่                 "แทนคำขอโทษที่พี่เสียมารยาทในวันนั้น"                 "ขอบคุณค่ะ"                 เป็นการขอบคุณตามมารยาทเท่านั้นแหละนะ                 "แล้วก็แทนความรู้สึกของพี่ที่มีต่อน้องเหมยด้วยนะคะ"                 บริมาสกำลังสับสนว่าเหตุใดเขาถึงได้มอบดอกไม้ชนิดนี้ให้แก่เธอ และเพราะความหมายที่น่าสงสารของมัน ทำให้บริมาสค่อนข้างคิดหนัก ลูกค้าของพี่สาวต้องการอะไรจากเธอกันแน่                 "โปรดเห็นความรักของพี่ด้วย"                 อคิราห์มองคนตรงหน้าด้วยสายตาละห้อย เกิดมาเพิ่งเคยขอความรักเป็นครั้งแรกมันก็รู้สึกแอบเขินอยู่เหมือนกัน                 "เอาดอกไม้จากร้านคุณแม่ มาขอความรักจากลูกสาวของท่านเนี่ยนะคะ"                 ดวงตากลมโตจ้องมองร่างสูงด้วยแววล้อเลียน จะขอความรักทั้งทีก็ไม่คิดจะลงทุนสักหน่อยเลยหรืออย่างไรกัน ใช่ว่าเธอจะไม่เคยถูกจีบ ทุกครั้งพี่ชายและพี่สาวจะช่วยกันคนเหล่านั้นออกให้ตลอด แต่ทำไมครั้งนี้ถึงไม่มีใครสนใจเธอเลยล่ะ พี่ชายหายไปไหนก็ไม่รู้ ส่วนพี่สาวก็ออกไปซื้อของเข้าร้าน ทุกคนปล่อยให้เธอยืนเผชิญหน้ากับคนไม่มีมารยาทที่ชอบวุ่นวายอยู่คนเดียวได้อย่างไร เจอแบบนี้ก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะ                 บริมาสรู้สึกว่าร่างกายของเธอกำลังสั่นน้อย ๆ และที่สั่นมากกว่าส่วนอื่นดูเหมือนว่าจะเป็นอวัยวะภายในที่เรียกว่าหัวใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD