EPISODE 05

1450 Words
EPISODE 05 แล้วเราก็ต้องกลับมาเข้าแถวเหมือนเดิมเพราะไม่มีใครหาป้ายชื่อของฉันได้ "สรุปว่ายังไงครับ! หาไม่เจอใช่มั้ย! งั้นเพื่อนคนนี้ก็ไม่ต้องเอารุ่น!" "ไม่ต้องเอามันแล้ว!! แค่ป้ายชื่อยังรักษาไว้ไม่ได้เลย" พี่ว้ากคนอื่นๆ ก็เริ่มต่อว่าเสริมขึ้นมา "ยังไงคุณ จะยอมออกจากรุ่นมั้ย" พี่ผู้ชายคนเดิมที่เข้ามาถามหาป้ายชื่อฉันก่อนหน้าพูดขึ้น "ไม่ค่ะ" "แล้วคุณจะทำยังครับ ตอนนี้เพื่อนหิวข้าวกันหมดแล้วเพราะคุณคนเดียวที่มีปัญหา" พี่ปีสามคนนั้นพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่มันแฝงไปด้วยรอยยิ้มกวนๆ หน่อย "หนูจะหาเองค่ะ ขอเวลา" "โอ๊ย!! ขอเวลาเหรอ เมื่อกี้ก็ให้ไปแล้วครึ่งชั่วโมง คนหาหลายร้อยไม่เจอคุณคนเดียวจะเจอเหรอ!!"พี่ว้ากผู้หญิงพูดขึ้นเสียงดังจนแสบแก้วหูไปหมด อยากจะหยิบน้ำผึ้งมะนาวมาให้พี่แกเหลือเกิน "หนูจะหาให้เจอค่ะ" "พวกคุณว่ายังไง! จะให้เพื่อนหาหรือจะไม่ให้อยู่ในรุ่นคุณแล้ว!!" แล้วพี่เฮดว้ากก็หันไปตะโกนถามพวกเพื่อนๆที่ยืนเรียงแถวกันอยู่ "จะเอาอยู่มั้ยเพื่อนคนนี้ คนที่สร้างปัญหาให้พวกคุณเนี่ย ต้องมาอดข้าวอดน้ำอีก" "เอาค่ะ/เอาครับ" เพื่อนพากันตอบอย่างพร้อมเพรียง ถ้าไม่ใช่การรับน้องที่ทดสอบความสามัคคีกันอยู่ละก็ ฉันคงโดนพวกมันรุมด่าแล้วล่ะ "ได้!! งั้นผมจะให้เวลาคุณสองวัน หาป้ายชื่อตัวเองให้เจอ ถ้าไม่เจอเพื่อนคุณโดนทำโทษทั้งหมด หรือไม่ก็ไม่ต้องรับติ้งคณะเรา!!" ฉันได้แต่ก้มหน้าเงียบๆ หนทางมืดมนไปหมด ฉันจะหาเจอจากที่ไหนล่ะเผลอๆ อาจจะมีคนเอาไปซ่อนด้วย ตอนนี้เพื่อนพากันเลิกลักใหญ่ คงคิดว่าฉันจะทำไม่ได้แน่ๆ "ฉันจะช่วยแกหา ไม่ต้องกลัว" นิเนยเอื้อมมือมาจับแขนฉันอย่างให้กำลังใจ ตอนที่เดินกลับมาเข้าแถว "ฉันด้วย แกวางใจได้เราต้องหาเจอ" ใบเฟิร์นพูดเสริมสีหน้ามุ่งมั่น "เอ้า! เงียบครับ เพื่อนผมมีอะไรจะบอก" แล้วพี่ว้ากผู้หญิงตัวอ้วนๆ หน้าดุๆ ก็เดินขึ้นไปบนแท่นแทนเฮดว้าก ก่อนจะบอกระเบียบและเวลานัดเจอครั้งต่อไปก็คือเย็นวันศุกร์ที่จะถึงนี้ แปลว่าฉันต้องหาป้ายตัวเองให้เจอก่อนเย็นวันนั้น "หนึ่งสามเก้า" พี่ผู้ชายที่ทักป้ายชื่อของฉันเดินมายืนข้างๆ ก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ "ห้ามเปิดจนกว่าจะถึงห้องคุณ คนที่เจอป้ายคุณเขาฝากมา" ฉันรับมันไว้แล้วยกมือไหว้ขอบคุณรุ่นพี่คนนั้น "ขอบคุณค่ะ" เขาทำหน้าดุๆ เหมือนเคยก่อนจะเดินไปเงียบๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วพวกเราก็ถูกปล่อยออกมา ต่างคนต่างแยกย้ายกลับห้องของตัวเอง ครืด~ ครืด~ 'P'Natee' "อื้ม~" ฉันกดรับสายจากพี่ชายตัวเองอย่างเหนื่อยล้าระหว่างที่กำลังหยิบกระเป๋าขึ้นมาถือไว้ เขาโทรมาพอดีราวกับรู้ว่าฉันรับน้องเสร็จแล้ว หรืออาจจะเพราะเขาเลิกรับน้องเวลานี้เหมือนกัน (อะไร ทำไมทำเสียงแบบนั้น) "เปล่าค่ะ พี่จะมารับนินใช่มั้ย จะเดินไปรอตรงป้ายหน้าคณะนะ" (อืม ว่าจะไปกินข้าวหลังมอ ไปมั้ย) "ใครไปบ้างคะ" ฉันถามแบบนี้ทุกครั้งที่พี่ชายตัวเองเอ่ยชวน เพราะว่าฉันกลัวพี่ทศกัณฐ์จะมาด้วย ฉันไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา ถึงแม่เรื่องมันจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม อีกอย่างเขาก็คงไม่อยากเจอหน้าฉัน (ไม่มี) "ได้ค่ะ นินจะไปทานด้วย แค่นี้นะจะไปรอแล้ว" ฉันก็กดวางสายจากพี่ชายไป แล้วเดินออกมานอกคณะกับนิเนยและใบเฟิร์นซึ่งตอนนี้กลายเป็นแก๊งเดียวกันไปแล้ว "วันนี้พี่แกจะมารับเหรอ ขอฉันเห็นหน้าทีเถอะ" ใบเฟิร์นพูดออกมาอย่างคาดหวังเพราะยังไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายฉันซักครั้ง ถึงจะเรียนมหา'ลัยเดียวกัน พี่นธีจะมารับฉันบางครั้งแต่เขาก็ไม่เคยลงจากรถมาให้ใครเห็นเลย ของดีประจำจังหวัดก็แบบนี้แหละ ยิ่งพี่ทศกัณฐ์ก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่นี่เกือบห้าเดือนแล้วฉันยังไม่เคยเห็นเขาเลย อาจจะเพราะเราต่างหนีหน้ากันอยู่ก็ได้ "แกไม่เจอพี่เขาเลยเหรอ" "..." ฉันส่ายหน้าเป็นคำตอบให้นิเนยที่รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี "แกเอาแต่หนีไง" นิเนยพูดแล้วหันมามองฉัน "เขาคงเกลียดฉันมาก จะเอาหน้าไปสู้เขาได้ไง" "เรื่องมันก็นานละนะ ตอนนี้พวกเราต่างก็โตขึ้นกันแล้ว เขาเป็นเพื่อนพี่ชายแกคงไม่เกลียดกันขนาดนั้นหรอก ตอนนั้นเราก็ยังเด็กมั้ย" นิเนยเอาเรื่องนี้กลับมาพูดอีกแล้ว ทั้งที่ฉันไม่อยากคิดถึงมันเลย เพราะมันทำให้ฉันเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึงเขา ฉันยังตัดใจจากเขาไม่ได้เลยทั้งที่เป็นคนบอกเลิกเขาเองแท้ๆ แต่ตอนนี้เขาคงจะไม่มีฉันอยู่ในเสี้ยวความคิดเลยด้วยซ้ำ... "พี่นธีมาแล้วฉันไปนะ" "เดี๋ยว! บอกพี่แกเอากระจกลงดิ ฉันอยากเห็นว่าจะโหดขนาดไหน ฮ่าๆ" ใบเฟิร์นพูดแล้วหัวเราะชอบใจ คงคิดว่าพี่ชายฉันจะเป็นแบบรุ่นพี่วิศวะที่ไว้ผมยาว หนวดเครารุงรังล่ะมั้ง ฉันเดินมาที่รถแล้วเคาะกระจกเบาๆ "อะไร" พี่นธีเลื่อนกระจกลงแล้วขมวดคิ้วสงสัย "เพื่อนอยากเห็นพี่ชายนิน" แล้วฉันก็เบี่ยงตัวหลบให้เพื่อนมองเข้าไปในรถ แต่คงแค่แว่บเดียวเท่านั้นเพราะพี่นธีรีบกดเลื่อนกระจกขึ้นทันที "นั่นมันพี่นธี!" ใบเฟิร์นมองกระจกที่เลื่อนขึ้นอ้าปากค้างจนฉันกับนิเนยยังอดขำไม่ได้ "ไปละนะ" ฉันโบกมือลาเพื่อนก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถ "จะกินอะไร" พี่นธีทำสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อยคงเพราะฉันเล่นสนุกเมื่อกี้ล่ะมั้ง "อะไรก็ได้ค่ะ" "..." แล้วพี่ชายฉันก็เงียบไปก่อนจะกดมือถือยุกยิกด้วยมือข้างเดียวอีกข้างขับรถอยู่ แล้วเขาก็พาฉันมาร้านข้าวที่อยู่เรียงรายหลังมหา'ลัยแต่กว่าจะหาที่จอดได้แทบจะหมดหิวกันพอดี "ไอ้ธี!" เสียงผู้ชายคนหนึ่งเรียกพี่นธีทำให้เราทั้งคู่หันไปมองพร้อมกัน ก่อนที่สายตาของฉันจะสะดุดกึกเข้ากับคนคนหนึ่งที่นั่งข้างรุ่นพี่วิศวะอีกคนและตอนนี้เขาก็กำลังเงยหน้าขึ้นมามองอยู่ ทำให้เราสองคนสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ และเป็นฉันที่รีบหลบสายตาของเขากลับมาที่พี่ชายตัวเองที่ยืนหน้านิ่งอยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย "เดี๋ยวพี่นธี ไหนบอกว่าพี่เขาไม่มาไง" ฉันรั้งชายเสื้อช็อปสีกรมของเขาเอาไว้ หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาดื้อๆ "ตอนแรกจะไปร้านอื่นแต่คิดไม่ออก" พี่ธีตอบแล้วหันมามองฉันหน้านิ่ง "มาเถอะมันไม่ว่าหรอก" แล้วเขาก็เดินไปนั่งในร้านปล่อยให้ฉันยืนตัวแข็งทื่ออยู่หน้าร้าน "น้องญานินมานั่งเถอะพวกพี่ไม่กัดหรอก" พี่ผู้ชายที่เรียกพี่ชายของฉันไว้เมื่อกี้นี้บอกก่อนจะขยับไปนั่งด้านในแล้วเว้นเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับพี่ทศกัณฐ์มาให้ฉัน ฉันเดินเข้าไปนั่งเงียบๆสั่งอาหารพร้อมกับพวกรุ่นพี่แล้วหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเพราะเริ่มทำตัวไปถูกกับสถานการณ์แบบนี้ "พี่ชื่อฮ่องเต้ คนนี้ไอ้คิวแล้วก็นี่ไอ้ทศกัณฐ์น่าจะรู้จักกันใช่มั้ย" พี่ฮ่องเต้แนะนำตัวเองและเพื่อนแต่ละคน พี่คิวยิ้มทักทายฉันแต่อีกคนไม่แม้แต่จะมองมาด้วยซ้ำ คิดเอาเถอะว่าเขาจะเกลียดฉันขนาดไหน "หนูชื่อญานินค่ะ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD