ตอนที่ 12 ของฟรีไม่มีในโลก

1679 Words
“คุณ ทำไมทำแบบนี้” แม้จะโล่งใจที่รอดจากการถูกส่งไปขายตัวยังชายแดน แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่คนซึ่งบอกว่าเกลียดเธอและไม่มีวันจะให้อภัยกลับยอมเสียเงินมากมายเพื่อไถ่ตัวเธอ “แบบไหน ใช้หนี้ให้เธอน่ะเหรอ” คิ้วเข้มเลิกสูง ดวงตาคมมองจ้องสบตากับเธอด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ได้มีความรู้สึกดี ๆ ให้กันเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว “ค่ะ ไม่เห็นต้องมาเสียเงินเพราะฉัน” “อ้อ แสดงว่าอยากไปขายตัวที่ชายแดน” เขาแค่นหัวเราะหยัน จนตรอกจนเกือบจะกลายไปเป็นผู้หญิงขายตัว ชาตินี้ก็ไม่มีโอกาสได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน ยังทำหยิ่งไม่เข้าท่า คิดว่าเขาอยากจะช่วยเธอตายละ ที่ทำก็แค่ทนสมเพชลูกตาไม่ได้เท่านั้น “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ” รู้ว่าไม่ควรอวดดีกับเขาซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นผู้มีพระคุณเสียแล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้ แม้จะยังรักเขาจนสุดหัวใจเพียงใด ในตอนนี้ที่ยังพอจะไปจากเขาไหว เธอก็อยากจะไปให้ไกลจากเขาที่สุด เพราะยิ่งเห็นหน้า ความเจ็บปวดในวันวานมันก็คอยจะตามหลอกหลอนเธอไม่เลิก “ไม่ใช่อย่างนั้น แล้วเธอมีทางเลือกอื่นหรือไง ถ้าไม่เอาเงินของฉันไปใช้หนี้” “แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณจะมาเสียเงินมากมายให้ฉันทำไม” เขาขยับนั่งพิงสะโพกลงบนขอบโต๊ะ เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยท่วงท่าสุดเท่ กวาดตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า “ใครบอกว่าฉันจะเสียเงินนั่นให้เธอฟรี ๆ ของฟรีไม่มีในโลกหรอกนะน้ำมนต์ ตอนนี้เธอแค่ย้ายจากลูกหนี้เสี่ยธนู มาเป็นลูกหนี้ของฉันแทน” “ลูกหนี้คุณ” “ใช่ แต่อย่าคิดว่าฉันจะพิศวาสเอาเธอมาร่วมเตียงนะ บอกตามตรง ขยะแขยง” มุมปากหยักยกยิ้มหยัน แววตาที่เขาใช้มองเธอนั่นอีก มันเหยียดจนเธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงไร้ค่าน่ารังเกียจที่สุดในสายตาของเขา “ฉันรู้ว่าคุณเกลียดฉันมากแค่ไหน” “อืม รู้ตัวก็ดี ที่ฉันบอกว่าไม่ได้ช่วยเธอฟรี ๆ เพราะฉันมีงานให้ทำ” “งานอะไรคะ” ในเมื่อเขาขยะแขยงเธอออกปานนั้น งานที่ต้องขายตัวล้างหนี้แบบในละครคงไม่มีวันเกิดขึ้น แต่เขาจะให้เธอทำอะไรล่ะถึงจะสามารถหักล้างหนี้สินมหาศาลนั่นได้ “เป็นทาสฉันไง” “ทะ ทาส...” นี่เขาเล่นละครมากไปหรือเปล่า สมัยนี้มันมีทาสเสียที่ไหน หรือว่าเขาตั้งใจจะปั่นประสาทเธอ “อืม ทาส หรือเรียกแบบสมัยใหม่ก็เบ๊ไง” “เบ๊หรือคะ” “ทำไมทำหน้าผิดหวังอย่างนั้นล่ะ หรืออยากล้างหนี้ให้ฉันด้วยร่างกายเน่า ๆ ของเธอ” “ไม่ใช่” “ตาเธอมันโกหกฉันไม่ได้หรอกนะ ฉันรู้ทันมารยาของเธอหมดแล้ว เธอคงคิดว่าจะใช้วิธีที่คุ้นเคยสินะ แหงล่ะ ถ้าเสี่ยธนูส่งเธอไปขายตัวที่ชายแดนใช้หนี้ เธออาจจะต้องรับแขกเป็นร้อยเป็นพัน แต่ถ้าเธอเป็นลูกหนี้ฉัน เธอรับแขกแค่คนเดียว สบายกว่ากันเห็น ๆ” ณกมลเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เอ่ยปฏิเสธอย่างรวดเร็วจนลิ้นแทบจะพันกัน “มะ ไม่นะ ฉันไม่...” “อ้อ หรืออยากจะนอนกับผู้ชายเป็นร้อยเป็นพันมากกว่า มันคงแก้อาการคันของเธอได้สินะ” “ฉันไม่อยากนอนกับใครทั้งนั้น ฉันจะทำงานใช้หนี้” แม้จะเหลืออดจนต้องตวาดออกไป แต่เขากลับแค่นหัวเราะหยัน ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจราวกับการปั่นประสาทเธอคือเรื่องสนุกเสียเต็มประดา “มีสิทธิ์เลือกด้วยเหรอ ฉันตัดสินใจใหม่แล้วว่านอกจากเธอจะเป็นเบ๊คอยรับใช้ฉันทุกอย่างแล้ว ฉันสั่งอะไรเธอก็ต้องทำ ไม่มีข้อแม้ สั่งให้ตาย เธอก็ต้องไปตาย ตกลงไหม ณกมล” มือใหญ่ล็อกคางของเธอทั้งยังบังคับใบหน้าสวยงามที่มันยังคงฝังอยู่ในทุกอณูความทรงจำให้ยื่นเข้ามาหาเขาอีกนิด “ฉันถามว่าตกลงไหม” เธอเบิกตากว้าง มองลึกลงไปในดวงตาคู่คมซึ่งฉายแววเกลียดชังหมดเค้าปุณณิธิคนเดิมของเธอ...ไม่มีอีกแล้ว ผู้ชายแสนดีคนนั้น แต่นั่นจะโทษใครได้ ถ้าไม่ใช่...ตัวเอง หยาดน้ำใส ๆ ที่เคยเอ่อรื้นขอบตาไหลรินลงมาอาบแก้ม ก่อนตกกระทบต้องมือใหญ่ที่สะบัดมือปล่อยใบหน้าของเธออย่างแรงราวต้องของร้อน เขาเกลียดน้ำตาและมารยาของผู้หญิงคนนี้ที่สุด “ไปจัดกระเป๋า ต่อไปนี้เธอต้องไปอยู่คอนโดของฉัน” ผู้หญิงตัวคนเดียวที่หมดหนทางเลือกยกหลังมือขึ้นปาดหยาดน้ำตาลวก ๆ ถ้าเขาต้องการให้เธอชดใช้ ทั้งหนี้สินและหนี้แค้น เธอก็พร้อม จะให้เธอทำอะไร ขอแค่เขายกโทษให้เธอเพื่อปลดเปลื้องพันธนาการในหัวใจ เธอยอมทำทั้งนั้น ไม่ว่าสิ่งที่เขาต้องการคือให้เธอไปตายที่ไหนก็ตาม ณกมลกลับเข้ามายืนอยู่ในห้องชุดสุดหรูอีกครั้งหลังสิบปีผ่านไป กลิ่นของความทรงจำแสนหวานยังลอยอบอวลอยู่ในนั้น เฟอร์นิเจอร์และทุกอย่างในห้องยังคงวางเอาไว้จุดเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือผู้ชายซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอคนนี้ หัวใจของเขาไม่ได้เป็นของเธออีกต่อไปแล้ว “เอาของเข้าไปเก็บในห้องของเธอ แล้วออกมาคุยกันที่โต๊ะอาหาร ฉันยังไม่ได้กินข้าว เธอเองก็เหมือนกันนี่” “ค่ะ” ไม่นาน อาหารที่เขาโทรสั่งก่อนกลับมาถึงห้องก็วางเรียงเต็มโต๊ะ “มากินข้าวสิ” เธอรับจานข้าวมาจากเขา เหลือบตามองเขาเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเมื่อสักครู่ เขาแสดงออกว่าเกลียดเธอเข้ากระดูกดำ แต่ทำไมถึงทำดีกับเธอราวกับเรื่องราวบาดหมางมันหายวับไปแล้ว “กินไปสิ มองหน้าฉันทำไม รู้หรอกน่าว่าหล่อกว่าเมื่อสิบปีก่อนมาก อย่าหลงรักฉันอีกรอบล่ะ ขอเตือนไว้ก่อนว่าฉันเกลียดเธอมากและไม่ได้พิศวาสเธอสักนิด” “ฉันรู้ค่ะ แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องช่วยฉัน ทั้ง ๆ ที่เกลียด” “คงเพราะเกลียดมากมั้ง ให้อภัยไม่ได้จนต้องเอามาทรมานใกล้ตัว เป็นไง เหตุผลฟังขึ้นหรือยัง” เธอลอบถอนหายใจแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป เพราะวันนี้ทั้งวันแทบไม่มีกะจิตกะใจจะตักอาหารเข้าปากด้วยซ้ำ ก่อนชะงักเมื่ออาหารทุกอย่างบนโต๊ะล้วนแต่เป็นของโปรดเธอทั้งนั้น หลังจากที่ล้างจานและทำความสะอาดในครัวเสร็จ เขาก็เรียกเธอให้มานั่งด้วยกันที่โซฟาพร้อมมีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ตรงหน้า “อ่านซะสิ สัญญา” เธอยกกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน ในขณะที่เขาก็สาธยายข้อความในกระดาษแผ่นนั้นให้เธอฟังโดยละเอียด เธอจึงวางมันลงแล้วเงยหน้าฟังเขาพูดแทน “ตอนนี้เธอเป็นลูกหนี้ของฉัน ยอดหนี้เก้าล้านบาท ฉันไม่คิดดอกเบี้ย หน้าที่ของเธอคือเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของฉัน รับใช้ฉันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่มีวันหยุดถ้าฉันไม่หยุด รายละเอียดงานเดี๋ยวฉันให้พี่อ้อยส่งให้ ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามพี่อ้อยเอาแล้วกันเพราะฉันก็ไม่รู้ ฉันจะหักหนี้จากเงินเดือนเธอ ช่วงแรกฉันให้ห้าหมื่นก็แล้วกัน ถือว่าทดลองงาน” ทำอย่างกับว่าถ้าเธอไม่สามารถผ่านการทดลองงานได้ เขาจะไล่เธอออกอย่างนั้นแหละ ในเมื่อเธอเป็นหนี้เขาอยู่ถึงเก้าล้าน จะไม่ให้เธอมีหนทางหาเงินมาใช้หนี้ก็ลองดูสิ “งั้นคุณหักเงินไว้ใช้หนี้สี่หมื่นห้านะคะ ฉันรับเงินเดือนแค่ห้าพันพอ” “ห้าพัน เธอจะไปใช้อะไรพอ แค่ออกไปกินข้าวนอกบ้านมื้อเดียวก็หมดแล้ว” “นั่นมันคุณค่ะไม่ใช่ฉัน ฉันอยู่ได้ด้วยเงินเดือนเดือนละห้าพันมาตลอดเป็นสิบปี ก็ไม่ได้มีเรื่องให้ต้องใช้จ่ายอะไรเยอะนี่คะ ฉันไม่ได้แต่งตัว ไม่ได้ซื้อเครื่องสำอาง ไม่ได้ใช้ของแพง ๆ ไปทำงานกับคุณก็มีข้าวกองถ่ายให้กิน เผลอ ๆ ห้าพันบาทจะเหลือด้วยซ้ำ” “มิน่าเธอถึงแต่งตัวซอมซ่อนัก อยู่กับฉันจะแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้นะ ขายขี้หน้าคนอื่นเขาตาย” เขากวาดตามองร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตกระโปรงทรงเอราคาถูกแล้วก็ต้องส่ายหน้า แม้ว่าเธอจะเก่งในเรื่องแฟชั่น ทั้งเรื่องการออกแบบและตัดเย็บ แต่พอเป็นเสื้อผ้าของตัวเองแล้วกลับแทบจะไม่ยอมเจียดเงินไปซื้อของดี ๆ ใส่ คงเพราะต้องนำเงินเดือนแทบทั้งหมดมาจ่ายหนี้ในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ “แต่ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยนะคะ ไม่เห็นเป็นไรเลย” “มันเสียภาพลักษณ์ฉัน พูดแค่นี้ไม่เข้าใจหรือไง พรุ่งนี้ฉันมีถ่ายละครแค่ครึ่งวัน ตอนบ่ายจะพาไปซื้อเสื้อผ้าแล้วกันนะ” “ไม่เอาหรอกค่ะคุณปุณณ์ มันเปลืองเงิน ฉันอยากเก็บเงินไว้ใช้หนี้คุณให้หมดเร็ว ๆ” “หุบปาก เธอไม่มีสิทธิ์ออกความเห็น ฉันจะจ่ายให้เธอเอง ไม่หักเงิน ถือซะว่าเป็นเงินซื้อหน้าตาของฉัน ไม่งั้นคงขายขี้หน้าชาวบ้านที่มีลูกน้องแต่งตัวซอมซ่อ” “ก็ได้ค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD