4
ใครออกแบบ
“นี่ไม่โอเคเลยครับ ออกแบบมาได้ยังไง”
พีรยาถึงกับอ้าปากค้างเธอพูดอะไรผิดไป ทำไมนายเด่นภูมิถึงได้โวยวายแบบนั้น รีบหันไปมองทางผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของตัวเองทันที
“คุณอาไม่โอเคตรงไหนครับ ผมว่าก็สวยดีนี่ครับ” กลทีป์ลอบถอนหายใจเบา ๆ พอจะมองเจตนาของอีกฝ่ายออก ไม่รู้ว่าบิดาเขาไปทำอะไรเข้า นายเด่นภูมิถึงได้โกรธมากขนาดนี้
“นั่นสิครับคุณเด่นภูมิ ผมว่ามันก็ใช้ได้อยู่นะ”
นายอชิระเห็นแววหาเรื่องกันอย่างชัดเจน เขามีเรื่องกระทบกระทั่งกับนายเด่นภูมิ ตั้งแต่ก่อนเข้าห้องประชุมแล้ว ในความเป็นจริงนั้นทั้งเขาและนายเด่นภูมิ ไม่จำเป็นต้องเข้าประชุมวันนี้เลยก็ว่าได้ เพราะศักดิ์ศรีของเรื่องงานแต่ง ทำให้ไม่มีฝ่ายไหนอยากถอยให้ใครก่อน
“นี่มันเชยไปนะครับคุณอชิระ พวกคุณดูงานไม่เป็นกันเลยหรือยังไง ว่าแต่คุณออกแบบเองหรือเปล่า”
นายเด่นภูมิแย้งแล้วหันไปถามพีรยาเสียงเข้มต่อหน้าทุกคน สีหน้าแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างรุนแรง เล่นเจ้านายไม่ได้ก็เอาลูกน้องนี่แหละ แรงมาแรงกลับไม่มีผ่อน
“เอ่อ คือที่แผนกให้พนักงานช่วยกันออกแบบ แล้วเลือกของคนที่ดีที่สุดมาค่ะ” พีรยาในตอนนี้ตัวลีบลงอย่างน่าสงสาร ต้องมาเจอปัญหาใหญ่ ในวันที่หัวหน้าแผนกเข้าโรงพยาบาล ซวยซ้ำซวยซ้อนจริง ๆ
“ผมถามว่าคุณออกแบบเองไหม !” นายเด่นภูมิจงใจตวาดเสียงดังลั่น
“ไม่ใช่ค่ะ” พีรยารีบตอบเสียงสั่น นี่มันผิดพลาดตรงไหน ทุกอย่างก็สมเหตุสมผลแล้วนี่
“งั้นไปตามคนที่ออกแบบตัวจริงมา ผมมีอะไรอยากถามเยอะแยะไปหมด ว่าปล่อยงานแย่ ๆ แบบนี้ออกมาได้ยังไง” นายเด่นภูมิขึงตาใส่พีรยาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ของตัวเอง ยกแก้วน้ำดื่มขึ้นจิบอย่างสบายใจ ท่ามกลางความเงียบสงัดในห้องประชุม
“ไปสิมายืนเซ่ออยู่ทำไม !”
“ค่ะ ๆ”
ผู้บริหารหลายคนในห้องประชุม ถึงกับกุมขมับกันแน่น งานแต่งครั้งนี้สงสัยจะทำให้สองบริษัทแตกหักกันเสียแล้ว เรื่องงานในการประชุมครั้งนี้คงไม่ใช่เหตุผลหลักจริง ๆ นี่เจตนาหาเรื่องกันชัด ๆ
“คุณพ่อไปทำอะไรคุณอาเด่นภูมิเขาเหรอครับ ถึงได้ดูแปลกไป” กลทีป์เอนตัวไปด้านข้าง กระซิบถามบิดาเบา ๆ แทนที่เขาจะเป็นฝ่ายโกรธ ทำไมนายเด่นภูมิถึงมาโกรธเขาแทนล่ะ
“มีเรื่องกันที่สนามกอล์ฟนิดหน่อย เกือบวางมวยกันแล้ว” คำตอบของบิดาทำเอาลูกชายถึงกับกระจ่างแจ้งกันเลยทีเดียว วัยรุ่นเหลือน้อยอารมณ์ร้อนกันจริง
บนชั้นสิบสองเฌอลิณณ์ได้รับโทรศัพท์จากพีรยา บอกว่างานที่เธอออกแบบนั้นมีปัญหา ต้องการตัวคนออกแบบเพื่อสอบถามปัญหาเพิ่มเติม เป็นเรื่องเร่งด่วนทุกคนเครียดกันมาก ให้ขึ้นไปที่ห้องประชุมเดี๋ยวนี้เลย พอได้ยินว่างานมีปัญหา เฌอลิณณ์ลืมเรื่องอื่นไปในทันที รีบคว้าแฟ้มงานวิ่งขึ้นลิฟต์ไปยังห้องประชุม
“สวัสดีค่ะ ดิฉันเฌอลิณณ์เป็นคนออกแบบบรรจุภัณฑ์นี้เองค่ะ” หญิงสาวโค้งตัวแนะนำตัวเองตั้งแต่เปิดประตูเข้ามา แต่พอเงยหน้าขึ้นเท่านั้นแหละ ‘ชะอุ้ย’ สบตาเข้ากับคนที่นั่งหันหน้ามาทางเธอพอดี แข้งขาอ่อนเปลี้ย มือไม้เริ่มเย็นเฉียบ เหงื่อเริ่มตก เหมือนเขาอยากขบหัวเธอจริง ๆ
เฌอลิณณ์ทำเป็นไม่เห็นสายตาดุ ๆ ของกลทีป์ เดินขาสั่น ๆ ตามแรงฉุดของพีรยาไปยืนหน้าห้องประชุม สายตาทุกคู่มองมาที่เธอเป็นจุดเดียวกันหมด เธอมองผ่านทุกคนก่อนจะสะดุดตาที่นายเด่นภูมิ
‘หืม’ ทั้งคู่ต่างนิ่วหน้ามองกันแบบนิ่ง ๆ อยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนที่เฌอลิณณ์จะรู้ตัวว่าต้องทักทายญาติผู้ใหญ่ตัวเอง
“สวัสดีค่ะคุณอา” รีบยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม
“อ้าวหนูลิณณ์หนูทำงานที่นี่เหรอลูก อานึกอยู่ว่าทำไมหน้าตาคุ้น ๆ” นายเด่นภูมิถึงกับผงะ ไม่คิดว่าจะมาเจอหลานสาวตัวเองในห้องประชุมนี้
“ค่ะหนูทำงานที่นี่ค่ะคุณอา” คำตอบของเฌอลิณณ์ ทำเอาทุกคนงุนงงกันหมด ไม่คิดว่าคุณอาคุณหลานจะมาเจอกันในสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้
“อุ๊บ...” หลายคนกลั้นเสียงขำตัวเองแทบไม่อยู่ ได้แต่หันหน้าหนีไปมองผนังห้องบ้าง มองปากกาในมือบ้าง แต่ไหล่ที่สั่น ๆ ของหลายคนบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ความตึงเครียดก่อนหน้าเริ่มผ่อนคลายลง มีเพียงกลทีป์ที่เขาหนังตาเริ่มกระตุก กัดกรามแน่นจนโหนกนูน จ้องหญิงสาวตาไม่กะพริบ
“คุณอาเด่นภูมิมีปัญหาอะไรก็ถามเธอสิครับ เธอเป็นคนออกแบบนี่” กลทีป์ได้ทีก็ผายมือเชื้อเชิญ ทุกคนต่างคล้อยตามเขาในทันที พากันพยักหน้าเห็นด้วยในทันที
เฌอลิณณ์ขมวดคิ้วคิดตามอยู่แป๊บหนึ่ง ก็เข้าใจว่าคุณอาเด่นภูมิของเธอมีปัญหากับงานของเธอนี่เอง
“งานหนูมีปัญหาตรงไหนคะคุณอา ไม่เข้าใจตรงไหนถามหนูได้ค่ะ” เฌอลิณณ์ยิ้มกว้างเดินย่อง ๆ ไปหานายเด่นภูมิใกล้ ๆ แม้เธอไม่ได้สนิทกับพวกท่านมาก แต่บิดาของเธอก็ไปมาหาสู่พวกเขาเป็นประจำ
เมื่อถูกกดดันจากหลายฝ่าย นายเด่นภูมิก็ลอบถอนหายใจเบา ๆ รู้สึกว่ากำลังแพ้ภัยตัวเองเข้าเสียแล้ว ยิ่งใบหน้าใสซื่อของหลานสาว ยิ่งทำให้เขาไปต่อไม่เป็น
“ตรงนี้น่ะอาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องขวดมันต้องทรงนี้ด้วย มันไม่ดูเชยไปหน่อยเหรอ”
นายเด่นภูมิใช้เสียงสองเสียงสามกับเฌอลิณณ์ด้วยความเคยชิน น้ำหนักเสียงเบาหวิวประหนึ่งปุยนุ่น จะเล่นงานหลานสาวตัวเองได้อย่างไร เฌอลิณณ์เป็นเด็กน่ารักน่าทะนุถนอมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาไม่กล้าทำร้ายเด็กคนนี้หรอก ไม่งั้นบิดาของหญิงสาวคงได้มาเล่นงานเขาแน่
“ที่มันเว้าตรงนี้เพื่อให้จับได้สะดวกค่ะ ทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จับง่ายขึ้น ทรงแบบนี้ไม่เชยนะคะออกจะทันสมัยด้วยซ้ำไป ส่วนตรงนี้...” เสียงเฌอลิณณ์อธิบายงานออกแบบของตัวเองไปเรื่อย ๆ อีกฝ่ายก็ไม่ได้ดุดันเหมือนก่อนหน้า อีกทั้งยังพยักหน้ายอมรับอย่างง่ายดาย เพราะไม่ว่าจะถามอะไรออกไป เฌอลิณณ์สามารถตอบได้หมด พร้อมเหตุผลที่ไม่สามารถโต้แย้งได้อีก
สรุปได้ว่างานที่ออกแบบมานั้นผ่านพร้อมส่งเข้าฝ่ายผลิตได้ เป็นอันจบการประชุมวันนี้แต่โดยดี ทุกคนทยอยออกจากห้องประชุมกัน เฌอลิณณ์ไหว้ลานายเด่นภูมิ กำลังจะเดินตามหลังท่านออกไป
“คุณเฌอลิณณ์ ไปเจอผมที่ห้องทำงานด้วยนะครับ” เสียงเย็นยะเยือกของกลทีป์ก็ดังตามหลังมา
“พี่ยา” หญิงสาวดึงแขนเสื้อของพีรยาไว้ สายตาขอความช่วยเหลือ
“คุณคนเดียวครับ” เหมือนกลทีป์จะเห็นทุกอย่างตรงหน้า กวาดสายตาดุ ๆ มองทั้งคู่
พีรยายิ้มเจื่อนให้หญิงสาว ก่อนดึงมือของเจ้าตัวออกเบา ๆ ส่งสายตาบอกว่า ‘ตัวใครตัวมันนะคะคุณลิณณ์’
“ไปรอผมที่ห้องทำงานได้เลยครับ เดี๋ยวผมตามไป” เขาสั่งก่อนโยนแฟ้มลงบนโต๊ะดัง ๆ
“ค่ะ”
ประตูห้องประชุมถูกปิดโดยเฌอลิณณ์เป็นคนสุดท้าย สองพ่อลูกในห้องถึงกับปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจ เรียกว่าแทบท้องขดท้องแข็งกันเลยทีเดียว
“โอยผมแทบกลั้นขำไม่อยู่เลยนะครับ เห็นตอนที่พนักงานของเราอธิบายเรื่องบรรจุภัณฑ์ไหมครับ หน้าคุณอาเด่นภูมิเหลือสองนิ้วเลยครับ” ก่อฤกษ์คิดไม่ถึงเลยว่า จะมีเรื่องตลกขนาดนี้ในห้องประชุม
“เขาเรียกให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตน กะจะด่าพนักงานเราเต็มที่เป็นไงล่ะ เจอหลานสาวตัวเอง สมน้ำหน้ามันนัก แปลว่าแม่หนูนั่นก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะเนี่ย” นายอชิระยิ้มหน้าบานที่ได้เห็นอริหน้าแตกยับเยิน
“นั่นสิครับคุณพ่อ เป็นพนักงานตำแหน่งทั่วไปเอง แต่ทำให้คุณอาเด่นภูมิเกรงใจแบบนี้ได้ แปลกจริง ๆ”
“แล้วที่กล้าโวยวายใส่เรา เพราะคิดว่าโปรเจกต์นี้มันเล็ก ๆ ดีลแตกก็ไม่มีปัญหาอะไรล่ะสิ ถ้างานใหญ่คงไม่กล้ามาโวยวายแบบนี้หรอก นิสัยเด็กชะมัดคุณเด่นภูมินี่” สองพ่อลูกยังขำกันไม่ยอมหยุด ต่างจากกลทีป์ยังสงวนท่าทีเอาไว้นิ่ง ๆ
“คุณพ่อไปทำอะไรให้คุณอาเด่นภูมิเขาโกรธขนาดนั้นเหรอครับ ผมไม่เคยเห็นคุณอาเด่นภูมิไร้เหตุผลแบบนี้มาก่อนเลย ถึงกับเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานเลยนะครับ” กลทีป์รู้สึกว่าประเด็นนี้ยังไม่เคลียร์
คนเป็นพ่อหุบยิ้มลงในทันที เอนหลังบนพนักเก้าอี้ ทำท่าเหมือนคนมีความผิดปิดบังไว้ สายตาเริ่มไม่นิ่งเหมือนที่เคยเป็น
“คุณพ่อครับ” กลทีป์เรียกท่านเสียงยาน ๆ
“มีเรื่องกันนิดหน่อยที่สนามกอล์ฟวันก่อน ไปเจอกันโดยบังเอิญน่ะที พ่อโวยวายเสียงดังเรื่องลูกสาวเขาชอบผู้หญิง คนได้ยินกันทั้งห้องโถง เลยอายมั้งจะต่อยพ่อให้ได้ ดีที่มีคนมาจับแยก” ความจริงเจตนาหักหน้านายเด่นภูมินั่นแหละ เลยตะโกนเสียงดังใส่ไปเลย
“คุณพ่อครับทำอะไรไว้หน้าตัวเองหน่อยสิครับ ไปพูดแบบนั้นในที่สาธารณะได้ยังไง เป็นใครก็โกรธหมดแหละครับ” ได้ยินแล้วกลทีป์หน้ามืดเบา ๆ นี่เรื่องการแต่งงานของเขา ทำให้พวกผู้ใหญ่ทะเลาะกันหนักขนาดนี้เลยหรือ ไม่น่าแต่งงานเลยจริง ๆ
“ก็มันเจ็บใจนี่นา มาทำลายชื่อเสียงแกได้ยังไง”
“ครับ ๆ ต่อไปก็อย่าไปหาเรื่องคุณอาเด่นภูมิเขาอีกล่ะ ผมขอตัวก่อนนะครับ” แววตาตอนท้ายแอบลุกเป็นไฟ เลื่อนเก้าอี้ออกช้า ๆ ลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมไป
ท่าทางเย็นชาแบบนั้นทำให้สองพ่อลูกที่ยังนั่งอยู่ ต้องหันไปมองหน้ากันเล็กน้อย สายตาแบบนั้นเหมือนกำลังจะไปบีบคอใครสักคน
“อย่าบอกนะว่าพี่ชายแก...”
“จะไปลงกับพนักงานคนนั้นเหรอครับคุณพ่อ”
“ไม่หรอกมั้ง” น้ำเสียงเบา ๆ ของคนเป็นพ่อ บอกได้เป็นอย่างดีว่าอาจเป็นไปได้ เรื่องมันบังเอิญอะไรขนาดนี้ พนักงานตัวเล็กในบริษัทตน เป็นถึงญาติกับนายเด่นภูมิไปได้
คนที่นั่งรออยู่ในห้องทำงานของกลทีป์ หัวใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว วันนี้มันวันมหาวิปโยคหรืออย่างไรกัน ทำไมหัวหน้าแผนกถึงไม่บอกเธอก่อน ว่างานที่ให้ทำเกี่ยวข้องกับบริษัทของคุณอาเด่นภูมิ แต่ก็นั่นแหละงานนั่นสั่งมาก่อน ที่จะมีจัดงานแต่งเกิดขึ้นเสียอีก เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบริษัทที่ร่วมทำโปรเจกต์นี้เป็นของญาติตัวเอง
แกร๊ก เสียงเปิดประตูทำให้ต้องหันขวับไปมอง ดันตัวลุกขึ้นยืนแบบอัตโนมัติ
“เอ่อ คือ” เฌอลิณณ์ถอยหลังกรูด ๆ เพราะเขาเดินชิดเข้ามาแบบเร็ว ๆ
“ดะ...เดี๋ยวค่ะ คุณจะทำอะไรคะ !” หญิงสาวยกฝ่ามือดันเขาออก กะจะเข้ามากอดเธอเลยหรือยังไง แต่สิ่งที่เขาทำกลับเป็นดึงปกเสื้อคอเต่าของเธอลง
มุมปากกลทีป์กระตุกขึ้นข้างหนึ่ง สายตาเย็นชาจนน่ากลัว
“ไม่ผิดคนสินะ” ยังมีรอยจาง ๆ อยู่บนคอ เขาปล่อยตัวหญิงสาวแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง ผายมือเชิญเฌอลิณณ์ให้นั่งตรงหน้า ซึ่งเจ้าตัวก็ทำหน้างง ๆ เดินมานั่งแต่โดยดี
กลทีป์ยังไม่พูดอะไร เขาเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อหาข้อมูลบางอย่าง กวาดสายตาอ่านคร่าว ๆ สลับกับมองคนตรงหน้าไปด้วย
คนถูกมองเริ่มหนาว ๆ สั่น ๆ เรียกเธอมาทำไมไม่พูดไม่จา เอาแต่จ้องหน้าจออยู่นั่นแหละ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” ทำท่าจะเลื่อนเก้าอี้ออก
“นั่งลง !”
ก้นที่ยกขึ้นหย่อนแหมะลงที่เดิม
“เฌอลิณณ์ ธนะโชติอรุณ อายุยี่สิบแปดปี” เขาอ่านข้อมูลบนหน้าจอดัง ๆ อีกคนมีสีหน้าหวาดผวาในทันที
“ค่ะ นั่นฉันเอง”
“คุณรู้อยู่ก่อนแล้วสินะว่าผมเป็นเจ้าบ่าวของคุณดาว และเป็นผอ.ฝ่ายการตลาดบริษัทที่ตัวเองทำงานอยู่” กลทีป์มองเฌอลิณณ์แบบไม่สบอารมณ์เท่าไร อาจเพราะเป็นญาติกับนภาวดีหรือเปล่า เขาถึงได้รู้แย่แบบนี้
“ไม่ค่ะ ๆ ฉันไม่เคยรู้เรื่องนั้นมาก่อนจริง ๆ นะคะ คือเราเป็นญาติกันก็จริง แต่ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นค่ะ” อีกคนรีบยกมือโบกปฏิเสธพัลวัน