มนรดาหน้าซีดเผือด เพราะกลทีป์นั่งกินพื้นที่ไปเกินครึ่ง แทบจะอัดรุ่นพี่ของเธอติดผนังด้านในเลย หลายคนมองมาคงคิดว่า พนักงานสาวสองคนที่นั่งคอตกอยู่ตรงนี้ กำลังถูกผอ.สองท่านตำหนิเรื่องงานอยู่แน่นอน
‘พี่ทีครับนี่มันร้านกาแฟนะครับ’ ก่อฤกษ์ส่งสายตาปรามพี่ชายเบา ๆ อีกนิดคงได้ไปนั่งอยู่บนตักของเฌอลิณณ์แล้ว แต่ดูเหมือนกลทีป์จะไม่สนใจฟังคำเตือนทางสายตานั่น กลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเสียอย่างนั้น
“ถอยไปค่ะ” เสียงเบา ๆ ของเฌอลิณณ์ทำให้กลทีป์เลิกคิ้วขึ้นสูง
“พูดอะไรนะครับผมไม่ค่อยได้ยินเลย”
“ฉันบอกว่าถอยออกไปค่ะคุณกลทีป์” เฌอลิณณ์กัดฟันพูดลอดไรฟันออกมา แต่หน้าของเธอกดยิ้มหวาน ๆ ให้เขา เป็นการฝืนยิ้มที่น่าเกลียดที่สุด
มนรดานึกอายแทนเฌอลิณณ์ และนับถือความหน้าหนาของคุณสุดหล่อ ครั้นหันไปมองคนด้านข้าง เขาก็ไหล่กระเพื่อมเหมือนคนกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ ‘นี่ก็ไม่ช่วยกันเลย’ หันมาตั้งใจมองกลทีป์แบบจริงจัง ทำไมเขาถึงกล้าทำตัวคล้ายจะหาเรื่องเฌอลิณณ์แบบนั้นล่ะ นี่มันจะนั่งติดกันเกินไปไหม ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
“ตัวผมใหญ่นั่งนิดเดียวก็เต็มแล้ว ขืนผมขยับไปก็ตกโซฟาพอดีน่ะสิครับ”
อีกสามคนรีบชะโงกหน้าไปดูพื้นที่ว่างด้านข้างกลทีป์ นั่นมันนั่งเพิ่มได้อีกตั้งหนึ่งคนเลยเชียวนะ ก่อนจะเอนตัวกลับมานั่งตัวตรงกันหมด กลอกตามองหน้าคนพูดแบบไม่ได้นัดหมายกัน เจอสามคนมองเหยียดขนาดนี้ สายตาของพวกเขาเหมือนจะสลักคำว่า ‘ช่างกล้า’ เอาไว้ กลทีป์ขยับออกไปนั่งที่ของตัวเองโดยปริยาย ลืมไปได้ยังไงว่ามีน้องชายกับเพื่อนร่วมงานของเฌอลิณณ์นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย
“หาเรื่องกันชัด ๆ” เฌอลิณณ์พึมพำเบา ๆ
“ได้ยินนะครับ” ต่างฝ่ายต่างกลอกตามองบนใส่กัน
“ว่าแต่มีอะไรจะคุยกับฉันหรือเปล่าคะ” เฌอลิณณ์เห็นว่านี่มันเป็นสถานการณ์พิลึกพิลั่นเกินไป ที่ลูกชายเจ้าของบริษัททั้งสองคน จะมานั่งคุยกับเธอตรงนี้ได้ ปกติทำแค่แอบมอง พอได้มานั่งตัวติดกันแบบนี้ รู้สึกไม่คุ้นเอาเสียเลย
“ทำไมครับผมต้องมีธุระด้วยเหรอ ถึงจะคุยกับคุณได้ หืม” กลทีป์พูดแล้วก็มองตากลมโตของคนด้านข้าง ที่มองมาแบบไม่เข้าใจ หัวคิ้วเรียวสวยวิ่งชนกันในทันที เขาหันมาด้านหน้าเจอน้องชายยกมุมปากนิด ๆ ประหนึ่งเขาเป็นตัวตลก ส่วนมนรดาก็เอียงคอลงด้านข้าง ราวกับว่าเรื่องนี้มันประหลาดเกินไป
“ผมแค่อยากจะมาบอกคุณว่า เรื่องที่เราคุยกันในห้องทำงานผมนั่น...” ถูกสายตาสามคู่จ้องมองแบบสงสัย กลทีป์ต้องหาเรื่องอื่นขึ้นมาอ้าง แต่กลับชะงักเพราะไม่สามารถพูดเรื่องนั้นออกมาต่อหน้าทุกคนได้
“คะ” เฌอลิณณ์ไม่เข้าใจเธอเอียงคอหนักกว่าเดิมอีก ทำหน้าเหมือนอยากรู้จริง ๆ ว่าเขาอยากพูดอะไร
“คุณล้ำเส้นอยู่หรือเปล่า” อีกคนเห็นแล้วก็อดเตือนเบา ๆ ไม่ได้
“เปล่านี่คะฉันแค่มาซื้อกาแฟ” คอของหญิงสาวกลับมาตั้งตรงตามเดิม ยื่นมือไปหยิบแก้วกาแฟมาดูดโชว์ซะเลย
“เชื่อก็แปลกแล้ว”
และความหัวไวสมองไว แต่ไร้ปัญญาของมนรดา ที่อยากช่วยเหลือเฌอลิณณ์ จึงทำให้หญิงสาวรีบแก้ต่างให้อย่างร้อนรน
“จริง ๆ นะคะคุณกลทีป์ พี่ลิณณ์กับมนมาซื้อกาแฟกับชานมไข่มุกที่นี่ทุกวัน เรื่องนี้มนเป็นพยานได้ค่ะไม่ได้มาแอบดูใครจริง ๆ ค่ะ”
“พรูด” เสียงนี้มาจากก่อฤกษ์ เขาขำจนกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ รีบยกมือขึ้นขอโทษทุกคนแบบไร้เสียง
มนรดาเองยังงงว่าเขาขำอะไร
‘ยัยมน’ เฌอลิณณ์อยากเอาปี๊บคลุมหัวก็ตอนนี้
“เอ๋ เอ่อ ก็เรื่องจริงนี่คะ”
‘ยังมีหน้าจะพูดต่ออีก’
“ก่อแกพาคุณมนรดาไปซื้อกาแฟมาให้ฉันสักแก้วสิ”
“ได้ครับพี่ที ไปครับคุณมนรดา” ก่อฤกษ์เห็นสายตาอยากคุยกันตามลำพังของพี่ชาย ก็รีบดึงมือของมนรดาให้ลุกตามไปในทันที
“ทำไมต้องให้มนไปด้วยคะ” มนรดาทำหน้างง เธอมีชานมไข่มุกอยู่แล้วนี่
“ไปเถอะครับ เดี๋ยวผมเลี้ยงอีกแก้ว”
“ก็ได้ค่ะ” มนรดามองก่อฤกษ์ มองคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอีกสองคนก็พอจะเข้าใจ มีความลับอีกแล้วนะ เรื่องเก่ายังไม่รู้เรื่องใหม่มาอีกแล้ว เธอจะนั่งทำงานรู้เรื่องไหมวันนี้ ลุกเดินตามหลังก่อฤกษ์ไปแบบจำใจยอม
“นี่คุณไม่เข้าใจที่ผมพูดเมื่อวานเหรอครับคุณเฌอลิณณ์” กลทีป์กอดอกจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา
“เข้าใจค่ะ”
“เข้าใจอย่างนั้นเหรอ แล้วนี่อะไรคุณยังอยู่ตรงนี้อยู่เลย”
เฌอลิณณ์ปากคว่ำลงอย่างไม่รู้ตัว เขาไม่อยากเห็นเธออยู่ในรัศมีสายตาเลยเหรอ ได้สิ ได้อยู่แล้ว ซะเมื่อไหร่กัน ใครมันจะยอมวะ เชิดลำคอตั้งตรงมองเขาแบบไม่กะพริบตา
“คุณกลทีป์คะ ที่นี่ร้านกาแฟนะคะ แล้วฉันก็มาร้านนี้ทุกวันด้วย มาซื้อกาแฟค่ะส่วนยัยมนก็มาซื้อชานมไข่มุก” ไม่พูดเปล่าตายังมองไปยังแก้วกาแฟ กับแก้วชานมไข่มุกตรงหน้าอีกด้วย
“แปลว่าคุณจะไม่หยุดการกระทำนี้ ใช่ไหมคุณเฌอลิณณ์” กลทีป์รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังท้าทายตัวเองอยู่
เฌอลิณณ์เอียงหน้ามองเขาอีกครั้ง ยกมุมปากนิด ๆ ส่งยิ้มหวาน ๆ ให้อีกหน่อย เหมือนจะเห็นดวงตาคู่คมของเขา กระตุกวาบเล็กน้อย ‘ก็หวั่นไหวเป็นนี่นา’ เธอวางศอกทั้งสองข้างลงบนพื้นโต๊ะตรงหน้า ประสานฝ่ามือคว่ำลง วางคางมนลงบนหลังมือ เอียงหน้ามองเขาแบบคนลุ่มหลง
“ถ้าคุณกลทีป์ไม่อยากเห็นหน้าฉันนักล่ะก็ อืม ไปกินกาแฟร้านอื่นสิคะ”
“นี่คุณ !” กลทีป์อยากจะคว้าอีกคนมาจับเขย่าแรง ๆ นี่มันยั่วโมโหกันแบบขีดสุดเลยนี่หว่า แต่ว่าเขาอยู่กลางร้านกาแฟจะทำแบบนั้นก็ไม่ได้ ต้องกอดอกท่องยุบหนอพอหนองในใจ
ยั่วโมโหพอประมาณ เฌอลิณณ์ก็ถอยหลังไปแนบกับพนักโซฟา แอบขำท่าระงับความโกรธของเขาแทบไม่ไหว
“ฉันทำตามที่เราคุยกันแล้วค่ะ ไม่ได้มาแอบมองคุณ แล้วก็ไม่ได้พูดเรื่องวันนั้นให้คนอื่นรู้ด้วย ฉันแค่มากินกาแฟเฉย ๆ” พูดแล้วก็ยกแก้วกาแฟขึ้นดูดแบบสบายใจ ทำไมความอึดอัดใจในตอนแรกมันเริ่มผ่อนคลายลง เพราะว่าได้เห็นสีหน้าประเดี๋ยวยุ่งเหยิง ประเดี๋ยวโมโหของเขาหรือเปล่านะ แต่ก็ ‘สนุกดี’
“ก็ดีครับ ต่างคนต่างมากินกาแฟ”
เมื่อเฌอลิณณ์ไม่ยอมรามือให้ เขาอยากรู้เหมือนกันว่าหญิงสาว กล้าดึงดันทำอะไรมากกว่านี้ไหม กลทีป์เหลือบตามองคนด้านข้างดี ๆ พบว่าใบหน้ารูปเรียวไข่ ดวงตากลมโต คิ้วเรียวสวย ปากกระจับได้รูปแบบอวบอิ่ม พินิจดี ๆ แล้ว ค่อนข้างสวยเลยทีเดียว เขาคงมองนานเกินไป พอหญิงสาวหันหน้ามาสบตากัน เป็นเขาที่ต้องเบือนหน้าหนีแทบไม่ทัน
‘มองแบบอยากฆ่า หรือว่าพิศวาสนะ’ คนแอบคิดเข้าข้างตัวเองอดขำไม่ได้ แล้วก็ขำออกมาเบา ๆ เสียด้วย
“มีอะไรตลกเหรอครับคุณเฌอลิณณ์” เขาถามคนที่ก้มหน้ามองแก้วกาแฟของตัวเองอยู่ เม้มปากไปมาเหมือนมีอะไรให้ต้องขำ
“ไม่มีอะไรค่ะ นั่นสองคนนั้นมากันแล้ว” ระฆังช่วยชีวิตมาพอดี ว่าไปเธอกับมนรดาก็เรียกชื่อเขาตรง ๆ เอาตำแหน่งไปทิ้งไหนแล้วก็ไม่รู้ เขาคงไม่ถือสามั้งไม่เห็นว่าอะไร
“ขอบคุณคุณก่อฤกษ์ที่เลี้ยงชานมไข่มุกมนนะคะ มนกับพี่ลิณณ์คงต้องขอตัวขึ้นตึกก่อนค่ะ ไปเร็วพี่ลิณณ์ป่านนี้พี่ยารอแล้วล่ะค่ะ” มนรดาไม่ยอมเข้าไปนั่ง หญิงสาวยืนอยู่ข้างโต๊ะ พร้อมยกพีรยามาอ้าง
‘รู้งานมากยัยมน’