7 ตามหาแม่สาวขี้เมา

2468 Words
3 ตามหาแม่สาวขี้เมา ข่าวฉาวเรื่องเจ้าสาวหนีไปกับผู้หญิงชุดดำ กระจายไปทั่วบริษัทในเวลาอันรวดเร็ว กลทีป์ยังอยู่ในช่วงลาพักร้อนจึงไม่ได้ยินเหตุการณ์ซุบซิบนินทาเหล่านั้น ต่างกับคนเป็นน้องชายที่เข้าไปทำงานที่บริษัทตามปกติ รวมถึงประธานกรรมการบริษัทอย่างนายอชิระอีกด้วย “ก่อว่าไงลูกพี่ทีเขาดูท่าทางเป็นไงบ้าง” นายอชิระถามลูกชายคนเล็กในช่วงเย็นหลังเลิกงาน เรื่องใหญ่ขนาดนี้คงต้องให้เวลากลทีป์ทำใจบ้าง แต่ยังส่งก่อฤกษ์คอยสอดส่องอยู่ด้วยความเป็นห่วง “ตอนเช้าก็ปกติดีนะครับคุณพ่อ ระหว่างวันพี่ทีคงไม่ได้ไปอาละวาดบ้านคุณดาวเขาหรอกครับ” “พ่อไม่ได้กลัวว่าทีจะไปอาละวาดบ้านนั้นเขาหรอกนะ พ่ออยากให้อาละวาดเสียด้วยซ้ำไป จะได้ระบายความโกรธออกไปบ้าง แต่เก็บตัวเงียบแบบนี้มันจะอึดอัดเอาน่ะสิ” ด้วยรู้นิสัยของลูกชายคนโต ไม่ชอบเอะอะโวยวายใส่คนอื่น หากจะเอาคืนคงมีวิธีแยบยลกว่านี้ “ตาทีลูกเราไม่ใช่เด็กนะคะคุณอชิระ จะได้ไปโวยวายหรืออาละวาดใส่บ้านเจ้าสาวแบบนั้น โต ๆ กันแล้วต้องพูดคุยกันดี ๆ ซิคะ” นางรติมารีบปรามสามีไว้ก่อน ช่างยุแยงดีเหลือเกินท่านประธานกรรมการใหญ่ “ก็มันหยามหน้ากันเกินไป ทำอะไรไม่เห็นหัวพวกเราเลย ก่อนหน้าก็บอกเหมาะสมกันเสียดิบดี เร่งรัดจะเอาฤกษ์งานแต่ง บอกว่าอะไรนะ ได้พระอาจารย์ชื่อดังดูฤกษ์ดูยามให้ แต่งวันนี้จะได้ดิบได้ดีจูงมือกันสู่ความมั่งคั่ง มั่งคั่งตรงไหน นี่มันฉิบหายวายวอดชัด ๆ” นายอชิระพูดไปก็ทำไม้ทำมือไปด้วย ปรายตาไปทางภรรยาเล็กน้อย เพราะนางรติมาเป็นคนอยากให้ลูกชายแต่งงานกับนภาวดีมากที่สุด เรียกว่าแทบจะจับยัดใส่มือกลทีป์เลยทีเดียว “ก็ใครจะไปรู้ล่ะคะ ว่าหนูดาวเขาจะมีรสนิยมแบบนั้น ถ้ารู้ฉันคงไม่รบเร้าให้ตาทีแต่งงานด้วยหรอกค่ะคุณ” คนเป็นภรรยาถอนหายใจด้วยความรู้สึกผิด เรื่องฉาวโฉ่ครั้งนี้คงถูกพูดกันสนุกปากในวงสังคม “คุณพ่อกับคุณแม่คุยกันไปก่อนนะครับ ผมขอตัวขึ้นไปดูพี่ทีก่อน พรุ่งนี้พี่ทีต้องไปทำงานวันแรกแล้ว ไม่รู้ว่าพร้อมเผชิญหน้ากับคนทั้งบริษัทแล้วหรือยัง” ก่อฤกษ์มองไปบนชั้นสองด้วยสายตาเป็นกังวล เพราะพี่ชายไม่ค่อยแสดงความโกรธออกมา เขาเลยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโกรธมากน้อยแค่ไหน “ดีเหมือนกันลูก ขึ้นไปดูพี่ทีเขาหน่อยนะ” นางรติมาแตะแขนลูกชายคนเล็กเบา ๆ สองสามีภรรยาตั้งแต่กลับเข้าบ้านมา ยังไม่ได้เจอหน้ากลทีป์เลย โชคดีที่ก่อฤกษ์เป็นธุระขึ้นไปดูให้ ก่อฤกษ์เดินขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้าน ตรงไปเคาะประตูห้องนอนของพี่ขายเบา ๆ คนด้านในตะโกนให้เปิดเข้าไปได้ ภาพที่เขาเห็นภายในห้องนอนนั้น ไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่บิดามารดาเขาเป็นห่วงเลยสักนิด เพราะกลทีป์กำลังง่วนอยู่กับหน้าจอโน้ตบุ๊กของตนเอง เหมือนมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการแบบเร่งด่วน “อะไรครับเนี่ยพี่ที ขยันเอางานมาทำวันลาพักร้อนด้วยเหรอครับ” เขาตรงไปทิ้งสะโพกลงนั่งบนขอบเตียง ซึ่งพี่ชายเขากำลังนั่งเอนหลังตรงหัวเตียง บนตักมีโน้ตบุ๊กอยู่หนึ่งเครื่อง นิ้วมือขยับเลื่อนหาบางอย่างบนหน้าจอ ท่าทางจดจ่อจนน่าแปลกใจ “ไม่ใช่งานหรอกก่อ” คนพูดยังไม่เงยหน้าจากจอโน้ตบุ๊กของตัวเองด้วยซ้ำ “อ้าวงั้นอะไรล่ะครับ” “รูปถ่ายงานแต่งน่ะ” “รูปถ่ายงานแต่ง ?” ก่อฤกษ์เริ่มตามความคิดพี่ชายไม่ทัน งานแต่งพังครืนไม่เป็นท่า ยังมีอารมณ์มาดูรูปถ่ายวันงานอีก หรือว่าพี่ชายเขาจะเป็นพวกชอบตอกย้ำความเจ็บปวดให้ตัวเอง ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าเป็นห่วง “พี่ทีจะดูไปทำไมครับ ผมว่ารูปงานแต่งมันไม่มีอะไรหรอกครับ ยังไม่ได้ทำพิธีสำคัญด้วยซ้ำไป” “ฉันกำลังหาคนน่ะ” คำตอบสั้น ๆ ที่ได้กลับมานั้น ทำให้ก่อฤกษ์เริ่มเอะใจ “หาคน นี่ อย่าบอกนะว่ากำลังหา..” “เออ ผู้หญิงคนนั้นแหละ ฉันอยากรู้ว่าแม่นั่นเป็นใคร แกคุ้นหน้าคุ้นตาบ้างไหมในงาน ญาติฝ่ายคุณดาวคนไหนที่ผมหยักลอนใหญ่ยาวกลางหลัง ใส่ชุดสีชมพูเปิดไหล่ ตรงแขนเหมือนจะพอง ๆ ด้วย” กลทีป์เงยหน้าขึ้นมามองน้องชาย พร้อมยิงคำถามยาว ๆ “โหนี่พี่ทีจำรายละเอียดได้ขนาดนี้เลยเหรอครับ” ก่อฤกษ์หรี่ตามองพี่ชายแบบแปลกใจ คนอะไรงานแต่งล่มไม่สนใจ แต่ดันมานั่งดูรูปถ่ายในงาน เพื่อหาตัวผู้หญิงคนหนึ่ง นี่มันชักจะยังไง ๆ อยู่ “ตอบมาว่าแกเคยเห็นเขาบ้างไหม เหมือนจะชื่อรินหรือลินนี่แหละ ไม่แน่ใจว่า ร หรือ ล นะ” “ไม่คุ้นเลยครับพี่ที งานคืนนั้นญาติฝ่ายเจ้าสาวก็มาเยอะเหมือนกัน เห็นว่ามาจากต่างจังหวัดกันด้วย เท่าที่ผมเห็นส่วนใหญ่ก็คนสูงอายุทั้งนั้นเลยนะครับ คนที่พี่ว่านี่ไม่คุ้นเลยจริง ๆ แต่ว่าพี่ทีรู้จักชื่อเขานี่ครับน่าจะหาไม่ยาก” “เขาเผลอเรียกแทนตัวเองน่ะ ไม่ได้รู้จักชื่อจริงหรอก ยังไม่ทันจะได้ถามอะไรเลย แม่นั่นก็วิ่งหนีออกจากห้องไปก่อนแล้ว คิดแล้วน่าจะกระชากตัวเอาไว้ก่อน คุยกันให้รู้เรื่องสักหน่อยก็ยังดี ไม่น่าพลาดเลย” พูดแล้วก็นึกโมโหตัวเองอยู่ไม่น้อย มัวแต่มึนงงอยู่นั่นแหละ แม่ปลาไหลนั่นลื่นปรี๊ดออกจากห้องไปเลย “นี่มันเรื่องแปลกมากเลยนะครับพี่ที ผู้หญิงคนไหนกล้าวิ่งหนีพี่ชายผมเนี่ย สติยังดีอยู่หรือเปล่านะ” คนเป็นน้องชายพูดไปก็ขำไปด้วย ท่าทางพี่ชายเขาเหมือนอยากได้เจ้าตัว มาคุยกันให้รู้เรื่องมากกว่าพิศวาสหญิงสาวคนนั้นเสียอีก “ให้ช่วยหา ไม่ใช่ให้มาขำ นี่ฉันหาจนตาลายไปหมดก็ไม่เจอสักรูป ตากล้องเขาไม่จับภาพแม่นั่นได้ยังไง หน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ขนาดนั้น” “แหมคงสวยมากเลยนะครับเนี่ย” “ไม่ใช่แบบนั้น แค่มันไม่สมเหตุสมผล ทั้งหน้าตาและชุดที่ใส่ไปงาน ไม่น่าพลาดที่จะถูกถ่ายรูปไว้ แต่นี่ไม่มีเลยหายังไงก็ไม่เจอ” เป็นเรื่องแปลกจริง ๆ ว่าไปผู้หญิงคนนั้นค่อนข้างสะดุดตาเป็นอย่างมาก หน้าตาจัดว่าสวยเลยทีเดียว ยิ่งหุ่นก็ยิ่งสมส่วนไปหมด ตากล้องลืมเอาตามาจากบ้านรึไงกัน “ถ้าอยากให้ผมช่วย พี่ทีก็ต้องเล่าเหตุการณ์คืนนั้นอย่างละเอียดนะครับ เล่าแค่ผิวเผินผมวิเคราะห์เรื่องราวไม่ถูกหรอก” ก่อฤกษ์เหลือบตามองพี่ชายเล็กน้อย เขาอยากรู้เหมือนกันว่าเรื่องราวมันเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วอะไรทำให้พี่ชายเขาหัวเสีย จนต้องมาควานหาตัวผู้หญิงคนนั้นอยู่แบบนี้ “หรือว่าคนนั้นเขาสำคัญมากจนไม่อยากเล่า ก็ไม่เป็นไรนะครับ” “สำคัญอะไรล่ะ แม่นั่นก็แค่ผู้หญิงขี้เมาคนหนึ่ง ฉันแค่หงุดหงิดที่ถูกวิ่งหนีไปแบบนั้น มันเหมือนถูกหยามหน้ารู้ไหม อีกอย่างแม่นั่นต้องเป็นญาติฝ่ายคุณดาวแน่ ๆ ทีนี้แกคิดว่าพี่ชายของแก ควรจะปวดหัวกับเรื่องนี้ไหม” “จริงสิครับ ถ้าเป็นญาติฝ่ายคุณดาวจริง พี่ทีจะไม่ซวยเอาเหรอครับ ถ้าเขาไปพูดให้ฝ่ายนั้นฟัง” ก่อฤกษ์คล้อยตามพี่ชายในทันที เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กจริงด้วย “ที่ฉันควานหาตัวอยู่นี่ เพราะกลัวปัญหาอื่นจะตามมาด้วย พอดี...ไม่ได้ใส่ถุงยางน่ะ” “กรรมไหมล่ะพี่ที” คนเป็นน้องชายหลุดปากต่อคำแบบไม่ต้องคิด “ถึงได้อยากรู้ไงว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แค่เป็นญาติฝ่ายคุณดาว ฉันก็รู้สึกแย่จะตายอยู่แล้วนี่” ขืนมีใครสักคนรู้ว่าเขาแอบมีอะไรกันกับญาติเจ้าสาวในคืนแต่งงาน เรื่องนภาวดีหนีงานแต่งไปกับผู้หญิง คงกลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วไปเลยทีเดียว ทุกคนคงพุ่งเป้ามาที่เรื่องบนเตียงของเขากับแม่นั่นแทน “แล้วถ้าพี่ทีหาตัวเจอจะทำยังไงล่ะครับ” “ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง เหยียบไว้ให้มิดอย่าได้คิดมาลอบกัดกันทีหลัง ตอนทำก็ทำด้วยกันจะมาโวยวายหาความรับผิดชอบไม่ได้” ตอนนั้นเขาเพิ่งสร่างเมาเหมือนสมองยังไม่ทำงาน เลยคิดอะไรไม่ออก ตอนนี้คิดได้แล้วว่าต้องจับมานั่งคุยกันแบบจริงจัง และทำข้อตกลงให้เรียบร้อย “ลองเล่าให้ผมฟังก่อนไหมพี่ที บางทีพี่กำลังเครียด ๆ อยู่ อาจหลงลืมอะไรไปบ้าง” ได้รู้ความคิดของพี่ชายแบบนี้ ก่อฤกษ์ก็พร้อมให้ความช่วยเหลือเต็มที่ เรื่องนี้สร้างความเสื่อมเสียให้กับวงศ์ตระกูลของเขาแน่ ทั้งเจ้าสาวหนีงานแต่งไปกับผู้หญิง แล้วเจ้าบ่าวยังขึ้นเตียงกับญาติฝ่ายเจ้าสาวในคืนแต่งงานอีก แค่คิดหายนะก็รอคอยครอบครัวของเขาอยู่ “ก็ได้ ๆ งั้นฉันจะเล่าเท่าที่จำได้นะ มันค่อนข้างสับสน ก็เมาทั้งคู่น่ะ” กลทีป์พูดแบบไม่มั่นใจ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ มันค่อนข้างคลุมเครืออยู่ “ไม่เป็นไรหรอกครับลองเล่ามาก่อน เดี๋ยวผมจะประเมินความเป็นไปได้เองครับพี่ที” กลทีป์ตัดสินใจเล่าเรื่องราว ที่เกิดขึ้นในคืนวันแต่งงานให้น้องชายฟัง แม้ส่วนใหญ่จะดูคลุมเครือไปบ้าง โดยเลือกข้ามเรื่องบนเตียงไป พอเล่าจบก่อฤกษ์ถึงกับขมวดคิ้วกันเข้ากันแน่น เหมือนคนกำลังคิดหาทางช่วยอย่างเต็มที่ “อย่างอื่นผมไม่ติดใจนะพี่ที แต่ที่บอกว่าเธอคนนั้นแอบชอบพี่อยู่นี่ มันทะแม่ง ๆ นะครับ พี่ทีจำผิดหรือเปล่าครับเนี่ย” “ไม่รู้เหมือนกัน เมาแล้วรั่วพูดไปเรื่อยเปื่อยหรือเปล่าก็ไม่รู้” พอถูกน้องชายถามเขาก็เริ่มไม่แน่ใจ อยู่ในอาการมึนเมาด้วยกันทั้งคู่ ไม่เขาก็แม่นั่นแหละที่เพ้อเจ้อไปเอง “คงเหมือนพี่ทีมั้งครับ เวลาเมาแล้วเกิดสุภาพขึ้นมา พูดครับ ๆ ทุกคำ” ก่อฤกษ์แอบขำ สภาพพี่ชายตอนเมา ทำตัวสุภาพน่ารักน่าชังเป็นอย่างมาก ขนาดน้องชายอย่างเขายังอดเอ็นดูไม่ได้ “ไม่ต้องมาย้อนฉันเลยนะ ไปถามกับญาติ ๆ ของคุณดาวก็ไม่ได้ด้วยสิ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าร้อนตัวไปเอง ทำไมฉันต้องมาเครียดกับแม่นี่ด้วยนะปวดหัวชะมัด” กลทีป์ปิดหน้าจอโน้ตบุ๊กลง โยนทิ้งไปด้านข้างอย่างหงุดหงิด เหมือนอะไรหลายอย่าง ไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิดไว้เลย “พี่ทีบอกว่าเขาพูดอะไรนะครับ ที่บอกว่าชอบพี่ทีนั่น เอาประโยคที่พี่จำได้แบบแม่น ๆ” ก่อฤกษ์เจาะลึกเรื่องนี้ลงอีกหน่อย “ที่จำได้แม่น ๆ เหรอ อืม ‘ฉันอุตส่าห์เฝ้ามองแอบจองคุณไว้ตั้งหนึ่งปี ฉันน่าจะบอกว่าฉันรักคุณ’ ทำนองนี้แหละถ้าจำไม่ผิดนะ ไม่ใช่ว่าฉันฝันไปเองนะ มันสับสนไปหมดระหว่างความฝันกับความจริง แต่คำพูดนี้มันชัดที่สุดแล้ว” “ถ้าเป็นอย่างที่พี่ทีพูด ผมว่าเธอคงวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวพี่ทีนั่นแหละครับ ไม่ใช่ที่ทำงานก็อาจตามร้านอาหารที่พี่ไปกินเป็นประจำ ไม่อย่างนั้นจะเอาเวลาที่ไหน มาแอบมองอยู่ได้ตั้งหนึ่งปี” ก่อฤกษ์วิเคราะห์ได้มากสุดเท่านี้จริง ๆ เรื่องอื่นคงแล้วแต่พี่ชายเขาจะจัดการ “วนเวียนรอบตัว เป็นสัมภเวสีหรือไงกัน” เสียงบ่นงึมงำทำให้น้องชายของเขาหัวเราะออกมาดัง ๆ “นี่ผมช่วยอยู่นะครับพี่ที พูดซะหมดมู้ดเลย สัมภเวสีอะไรกันพี่ทีก็” ก่อฤกษ์ส่ายหน้าไปมา ไม่คิดว่ากลทีป์จะปากร้ายได้ขนาดนี้ ผู้หญิงคนนั้นถึงคราวซวยหรือเปล่า แต่ถ้าแอบมองมาเป็นปี ๆ คนถูกแอบมองคงไม่รู้สึกปลื้มเหมือนกัน เริ่มเข้าใจความรู้สึกพี่ชายขึ้นมาบ้าง “เออ ๆ ขอบใจแกมากก่อ” “หรือว่าเราควรไปดูกล้องวงจรปิดที่โรงแรมดีครับพี่ที” “ไปดูเพื่ออะไร เอาเหตุผลไหนไปบอกเขา แค่เจ้าสาวหนีงานแต่งก็ขายหน้าจะแย่อยู่แล้ว ฉันไม่อยากกลับไปที่โรงแรมนั่นอีก แกเองก็ไม่ต้องไปนะก่อ เรื่องแม่นั่นถ้าเกิดมีอะไรขึ้นมาจริง เดี๋ยวคงแจ้นมาหาฉันเองแหละ” อะไรที่ว่าคือเรื่องท้องนั่นเอง เขาไม่อยากใส่ใจอีกต่อไปแล้ว หลายวันมานี้เขาหาเท่าไรก็หาไม่เจอ งั้นก็ไม่ต้องพบเจอกันอีกเลยก็ได้ “แล้วถ้าเขาเอาไปพูดต่อล่ะครับพี่ที” “ถือว่าดวงพี่ชายแกมันซวยซ้ำซวยแล้วกัน ถ้าเอาไปพูดจริงนะ เจอหน้าจะบีบคอให้ตายคามือเลย” กลทีป์พูดแล้วกำหมัดแน่น นัยน์ตาวาวโรจน์ด้วยความอาฆาตมาดร้าย “หูยแอบโหดนะเนี่ย ผมว่าเขาคงไม่กล้าเอาไปพูดหรอกครับพี่ที เพราะเขาก็จะถูกคนอื่นมองไม่ดีเหมือนกัน เรื่องที่แอบเข้าห้องหอกับเจ้าบ่าวของคนอื่นในคืนวันแต่งงาน ทางเขาน่าจะเครียดไม่ต่างไปจากพี่หรอกครับ” “ก่อเรื่องนี้ห้ามบอกคุณพ่อกับคุณแม่เด็ดขาดนะ ฉันไม่อยากให้พวกท่านต้องมาคิดมากด้วย” “ผมเข้าใจครับพี่ทีไม่ต้องห่วง งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนแล้วกันนะครับ” “อืม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD