EP.10
ความร้อนคล้ายจะแผ่ซ่านไปทั้งร่าง จริงอย่างที่เขาบอก ในตำราเรียนไม่ได้บอกว่าต้องเล้าโลมก่อน แต่หล่อนรู้เองอาจจะรู้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หรือไม่ก็แก่แดดแก่ลมไปเอง ก็มีบ้างที่เพื่อนจะพูดคุยกันอย่างสัปดนแบบนี้ แล้วหล่อนก็เคยเห็นในซีรีส์ที่เคยดู ยามพระเอกนางเอกจะได้กัน เขาต้องจูบ... แล้วก็...
ฉากเลิฟซีนปรากฎในความคิด ส่งผลให้อายความร้อนแผ่กระจายวาบไปทั้งร่าง เพราะพี่พีทจะทำแบบนั้นกับหล่อนใช่ไหม
“ว่าไงในตำราเรียนเขาบอกไหมว่าต้องเล้าโลมกันก่อน”
“ไม่ได้บอกค่ะ แต่เจ้าขาพอรู้”
“รู้ได้ยังไง เคยลองหรอ”
“ไม่เคยค่ะไม่เคย” เจ้าขาพูดรัวเร็วรีบหันบอก กลัวว่าเขาจะไม่เชื่อ กลัวว่าเขาจะคิดว่าหล่อนแก่แดดแก่ลมจนไปทำอะไรแบบนั้นจริงๆ
“ไม่เคยก็ไม่เคยสิ ทำไมต้องร้อนรนแบบนั้นด้วย”
“ก็เจ้าขากลัวคุณพีทเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิดว่าเธอเคยแล้วน่ะเหรอ”
อีกครั้งที่เจ้าขานิ่งไป หล่อนไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้ขนทั้งกายลุกซู่ เพราะนิ้วมืออุ่นๆ นั้นรูดซิปชุดแต่งงานของหล่อนลงจนปลายซิปไปอยู่ที่เหนือบั้นท้าย นั่นเท่ากับว่าแผ่นหลังที่ว่างเปล่ามีเพียงบราเซียร์เล็กๆ ปกปิด เขาเห็นหมดแล้วสินะ และฝ่ามือของพีทที่สัมผัสแผ่นหลังก่อเกิดอาการร้อนวูบก็ทำให้เจ้าขาผวาหันมองเขาทันที
“ฉันล้อเล่นแค่นี้ ทำเป็นตื่นไปได้”
“เจ้าขาขอโทษค่ะ”
“จะขอโทษอะไรนักหนาขยันขอโทษจริงๆ เลย เอาล่ะไม่ต้องเสียเวลา ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด”
“ถะ... ถอด... ถอดออกให้หมดเหรอคะ”
“ใช่สิ สรุปว่ารู้หรือไม่รู้ ที่ว่าเข้าหอเขาต้องทำอะไรกันบ้าง”
ดวงตาคมเข้มของเขาที่มองมาสร้างความสะท้านไปทั้งร่างจนเจ้าขาต้องหันหลังกลับ หล่อนไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา แต่สิ่งที่เขาบอกหล่อนต้องทำใช่ไหม
“สรุปว่าจะถอด ไม่ถอด”
“ถอดค่ะ ถอดแล้ว ถอดเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ”
“อย่างนั้นต่างคนต่างถอด เสร็จแล้วไปนอนรอฉันบนเตียง”
เจ้าขาค่อยๆ ปลดชุดเจ้าสาวที่เขารูดซิปไว้ให้แล้วออกจากร่างกายอย่างช้าๆ ไม่กล้าหันมองเขา และหล่อนก็ไม่รู้ด้วยว่าเขามองหล่อนอยู่หรือเปล่า
ไม่นานชุดเจ้าสาวตัวสวยฟูฟ่องดุจเจ้าหญิงตัวน้อยๆ ก็หลุดออกจากร่าง เจ้าขานำชุดไปพาดไว้บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง รับรู้ได้ในขณะนี้ว่าตัวหล่อนสั่นไปทั้งร่าง และอายร้อนก็ไม่ได้อยู่แค่หน้ากับใบหู แต่มันกระจายไปทั้งเรือนร่างแล้ว
เจ้าขาอดไม่ได้ที่จะมองร่างกายของตนเอง ช่วงอกขนาดกะทัดรัดไม่ใหญ่และไม่ได้เล็กไปที่หล่อนชื่นชมว่ามันเหมือนซาลาเปาลูกย่อมๆ ขนาดกำลังกิน อาจจะไม่ได้ใหญ่เท่าเพื่อนๆ แต่หล่อนก็ชอบ เพราะแบบนี้เวลาใส่เสื้อผ้าไม่ต้องระมัดระวังกลัวใครเห็นมากนัก ยิ่งใส่เสื้อตัวโคร่งก็แทบจะไม่มีใครสังเกตว่าขนาดนั้นพอดีมือ และเวลานี้ซาลาเปาสีขาวนวลราวกับจะสอดไส้ด้วยสตรอเบอรี่ร์ หล่อนเห็นเป็นสีชมพูระเรื่อไปทั้งหมด
เจ้าขาหลับตาพยายามเรียกขวัญและกำลังใจของตัวเองให้กลับมาเข้าร่าง หล่อนหวั่นไหวเหลือเกินกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ไม่เคยสักครั้งจะเปลื้องผ้าต่อหน้าใคร โดยเฉพาะต่อหน้าผู้ชาย
“รีบถอดเร็วเข้า ทำเป็นว่าฉันไม่เคยเห็นไปได้ คืนนั้นก็เห็นแล้วทั้งตัว”
เจ้าขาสะดุ้ง ใช่เขาพูดถูก ใช่ว่าหล่อนไม่เคยเปลื้องผ้าต่อหน้าใคร เพราะเวลานั้นทั้งหล่อนและเขารู้ดีว่าทั้งเนื้อทั้งตัวไม่ได้มีอะไรปกปิด ไม่รู้แค่ว่าเขาเห็นอะไรของหล่อนไปบ้างแล้ว ดังนั้นก็คงไม่มีอะไรที่ต้องอายอีกแล้ว
“มานี่... ช้ามากนักฉันถอดให้”
เจ้าขาได้แต่ยืนแข็งตื่นตะลึงเพราะพีทจับหล่อนให้หันมาเผชิญหน้า ในระยะสายตาหล่อนเห็นเขาเปลือยท่อนบนส่วนท่อนล่างนั้นหล่อนไม่กล้ามอง แต่จากปลายสายตาหล่อนก็รู้ว่าด้านล่างก็เปลือยเช่นกัน
ดวงตาคมเข้มที่มองหล่อนมีแววซุกซนบางอย่างจนทำให้หล่อนเห็นภาพบทเลิฟซีนเหล่านั้นอีกแล้ว เพราะเขาถอดหมดทั้งร่างและเขากำลังจะถอดให้หล่อน
เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก็พอจะคาดเดาได้
ปลายนิ้วมือสากแต่อุ่นเคลื่อนไปที่ตะขอด้านหลังของบราเซียร์ หล่อนได้แต่หลับตานิ่งไม่กล้าร้องไม่กล้าประท้วงไม่กล้าแม้แต่จะขยับกายหนี ยอมให้เขาปลดตะขอจากด้านหลังอย่างง่ายๆ แต่เมื่อลูกไม้เนื้อดีที่โอบอุ้มซาลาเปาสอดไส้สตรอเบอรี่ร์หลุดออก หล่อนก็ห้ามตัวเองไม่ให้ยกมือป้องปิดไม่ได้
“จะปิดทำไมล่ะของสวยๆ ฉันอยากมอง”
เขาบอกพลางรั้งมือของหล่อนออกจนหล่อนผวาเบิกตากว้างขึ้นมองเขา แต่เมื่อเห็นสายตาที่เขามองมาหล่อนก็ได้ตลับตาปี๋อีกครั้ง
เจ้าขาได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ อยากจะคิดว่าเขาขำที่หล่อนเขินอายแต่บางอย่างที่เจือในน้ำเสียงหล่อนกลับคิดว่ามันแปลกเหมือนเยาะเย้ย
“หันหลังสิ จะแกะผมให้ คงไม่คิดจะนอนทั้งผมเป็นพวงแบบนี้หรอกนะ”
เจ้าขาหันหลังขวับในทันทีเพราะหล่อนไม่อยากให้เขาจ้องหล่อนนานนักทั้งๆ ที่หล่อนก็ไม่รู้ว่าเขาจ้องหรือมองเมิน