bc

เงารักในรอยแค้น

book_age16+
223
FOLLOW
1K
READ
mafia
like
intro-logo
Blurb

เมื่อการวางแผนมาเที่ยวตุรกีแค่ไม่กี่วันของอลิตา กลับกลายเป็นการถูกจองจำอยู่ในกรงขังของคนใจร้ายของผู้ชายที่ชื่อว่าอลีเซอร์นานนับเดือน และเธอยังต้องเจ็บช้ำ เมื่อเพลี่ยงพล้ำไปรักคนใจร้ายอย่างเขา ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นเพียงเงาของผู้หญิงอีกคน

chap-preview
Free preview
ตอนที่ 0... บทนำ
เคยเจอสถานการณ์แบบนี้กันบ้างไหมคะ? เวลาชวนเพื่อนเที่ยว มักจะไม่ได้เที่ยว ยิ่งคุณมีเพื่อนสนิทเกินสามคน ฉันบอกเลยว่าเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าการที่มนุษย์จะไปใช้ชีวิตอยู่บนดาวอังคาร และแน่นอนค่ะ เกริ่นถึงขนาดนี้แล้ว ฉันเคยค่ะ นัดกันอย่างดิบดี เราจะไปช่วงนี้กันนะ เธอไปลางานวันนั้น ส่วนฉันจะลางานวันนี้ สิ้นเดือนนี้แกซื้อตั๋วเครื่องบิน ส่วนหล่อนไปจองโรงแรม หลังจากนั้นกรุ๊ปแชตก็เงียบเป็นป่าช้า ครั้นฉันจะทักไปถามว่าตกลงจะไปเที่ยวกันไหม ก็น่าจะได้คำตอบกลับมาเป็นสติ๊กเกอร์ร้องไห้ บรรทัดต่อไปก็คือคำว่าไม่ไปหรือไปไม่ได้ พร้อมคำขอโทษที่รู้สึกผิดจากก้นบึ้งของหัวใจ และบรรทัดสุดท้ายคือสารพัดเหตุผลที่เราต้องยอมจำนน แต่เอาเถอะค่ะ ฉันเข้าใจว่าทุกคนก็ต้องมีชีวิตส่วนตัว มีเหตุผลในการใช้ชีวิต ไม่ใช่ว่าเพื่อนจะไม่อยากไปเที่ยวกับเราเพราะรังเกียจเราสักหน่อย ฉันจึงไม่ถือโทษโกรธใดๆ และเมื่อปลงจนถึงขั้นเกือบบรรลุ ฉันก็กดซื้อตั๋วเครื่องบินในทันที เกิดมาคนเดียว ตายก็ต้องตายคนเดียว ทำไมจะไปเที่ยวคนเดียวไม่ได้ล่ะ “แก อยู่ไหน ว่างไหม เย็นนี้ไปกินข้าวกัน” “ตุรกี” “เฮ้ย! พูดเล่นเปล่าวะ ไปทำอะไร” “มาเที่ยวจ้า” “ไปกับใคร” “คนเดียว” “ทำไมไปคนเดียวล่ะ “ “ก็พวกแกไม่ว่าง แล้วฉันก็กลัวจะเสียวันลาของปีนี้ไปฟรีๆ เลยมาเที่ยวคนเดียวซะเลย แค่นี้นะ เที่ยวอยู่” เป็นยังไงล่ะ ตัดสายทิ้งซะเลย จะมาสนอกสนใจกันตอนนี้ สายไปแล้วค่ะ เงินก็มี ภาษาอังกฤษก็พอพูดได้ให้รอดตายกลับเมืองไทย ฉันไม่ง้อพวกแกหรอกนะ! “สวัสดีครับ” ประชดประชันเพื่อนเสร็จไม่ถึงหนึ่งนาที รถคันหนึ่งก็จอดเทียบข้างถนนตรงที่ที่ฉันยืนอยู่ พร้อมกับลดกระจกลง “เท่าไหร่ครับ” “เอ่อ... ฉันเป็นนักท่องเที่ยวค่ะ” “อ้าว ขอโทษครับ” แล้วผู้ชายหน้าคมพร้อมเคราดกดำก็เหยียบคันเร่งออกไป ท่าทางฉันเหมือนผู้หญิงอย่างว่าเหรอ บ้าจริง! ถูกคิดว่าเป็นผู้หญิงขายบริการตั้งแต่มาเที่ยววันแรกได้ยังไง เฮ้อ สงสัยเพราะไม่มีเพื่อนมาด้วย และคงยืนอยู่ผิดที่ผิดทางไปหน่อย ก็แหงสิ ฉันไม่ใช่คนในพื้นที่นิ จะรู้ได้ยังไงล่ะว่าตรงนี้เป็นสถานที่ทำงานอย่างว่า ใช่แล้วค่ะ ฉันกำลังบ่น แต่ฉันบ่นกับตัวเองในใจ คงไม่มีใครพูดออกมาลอยๆ คนเดียว เหมือนนางเอกในละครหรอก จริงไหมคะ? “ว่าแต่... พิพิธภัณฑ์ฮาเกียโซเฟียไปทางไหนวะ” “โอ้... ship หายแล้ว ฉันเผลอพูดคนเดียวแบบนางเอกจอมเพ้อเจ้อเหรอเนี่ย” “คุณอลีเซอร์ให้ผมมารับคุณไอรินไปพบครับ” ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก อะไรอีกล่ะเนี่ย “เอ่อ... ฉันไม่ได้ชื่อไอรินค่ะ” “นายคงไม่ชอบใจนะครับที่ได้ยินคุณพูดแบบนี้ แต่ผมจะไม่บอกนาย ถ้าคุณยอมขึ้นรถไปด้วยกันดีๆ” “นายไหนคะ นาย ณภัทร พระเอกที่หล่อๆ เหรอคะ” “ขึ้นรถครับ” “ไม่ค่ะ” จะบ้าเหรอ ฉันไม่ได้ชื่อไอริน ฉันจะไปกับคนแปลกหน้าได้ยังไง “ขึ้นรถครับคุณไอริน นายรออยู่” “ไม่ขึ้นค่ะ ฉันไม่ได้ชื่อไอริน” “ถ้าคุณไม่ขึ้นรถภายในหนึ่งนาที นายจะไม่พอใจและเป็นคุณเองที่จะได้รับโทษนะครับ” “ฟังฉันให้ดีๆ นะคะ เพราะสำเนียงภาษาอังกฤษของฉันมันอาจจะไทยแลนด์ไปสักหน่อย” “ฉัน ไม่ ได้ ชื่อ ไอ ริน และ ฉัน จะ ไม่ ขึ้น รถ ไป กับ คุณ” แต่ถ้านายที่คุณพูดถึงคือนาย ณภัทร ไม่ต้องส่งคนมารับก็ได้ จะให้ขึ้นเหนือ ล่องใต้ หรือเลี้ยวไปอีสาน ฉันจะไปหาน้องนาย พระเอกสุดหล่อ ดาวรุ่ง พุ่งแรงแซงทางโค้งด้วยตัวฉันเอง “ผมจะนับหนึ่งถึงห้า ถ้าคุณไอรินยังไม่ขึ้นรถ ผมคงต้องจับตัวคุณไป” “ฉันไม่ไปค่ะ ฉันว่าพวกคุณจำคนผิดแล้ว” “ผมเตือนแล้วนะครับ” “อ้าว ขู่กันซะงั้นคุณพี่” “หนึ่ง” “สอง” ทุกคนคะ สายตาผู้ชายคนนี้ดูน่ากลัวขึ้นกว่าเดิมสิบเท่า ฉันเกรงว่าเขาจะพูดจริง ทำจริง แบบคำโฆษณาของนักการเมือง จึงเริ่มคิดว่าจังหวะนี้ ฉันต้องวิ่งแล้วแหละ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่การถูกเข้าใจผิดแบบนี้ มันน่ากลัวมากจริงๆ ฉันรับมือไม่ไหว “สาม” “สี่” “ห้า” “กรี๊ดดดดดดดด” นั่นแหละค่ะคุณผู้ชม เสียงสุดท้ายที่ฉันได้พูดออกมา ก่อนจะถูกปิดปากให้นั่งเงียบๆ อยู่บนรถ และบทสรุปของการถูกเข้าใจว่าชื่อไอริน คือฉันยืนอยู่ในบ้าน (ผู้ชายที่พาฉันมาที่นี่เรียกว่าบ้าน แต่ฉันคิดว่ามันควรจะเป็นวังมากกว่า) บ้านของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินลงมาจากบันได สายตาเขามองมาที่ฉัน ไม่มีการมองขั้นบันได จนฉันกลัวว่าเขาอาจจะก้าวผิดและตกลงมาได้ แต่เขาก็เดินลงมาอย่างสง่าผ่าเผย เขาน่าจะสูงสักร้อยแปดสิบกับอีกนิดหน่อย ที่คางมีหนวดเคราจางๆ ผมเขาหยักศกเล็กน้อย หน้าตาเขาดูไม่คมเข้มเท่าไหร่ น่าจะมีเชื้อสายของชาวตะวันตกปนอยู่ด้วย เขามองฉันตาไม่กะพริบ แต่ฉันอ่านสายตานั้นไม่ออกว่าหมายความว่าอย่างไร เขาเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ ห่างจากฉันเพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตรจนฉันเห็นว่าดวงตาของเขาเป็นสีเทาอมเขียว “เอ่อ...” สติฉันหลุดไปไหนต่อไหน นี่เป็นการทักทายแบบตุรกีเหรอ ที่นี่เขาทักทายกันด้วยการจูบเหรอ เฮ้ย แต่ถ้าจูบทักทายไม่จำเป็นต้องใช้ลิ้นก็ได้มั้ง เพียะ! นี่แหนะ! เอามือฟาดแก้มเข้าให้ บังอาจมาก! “ไม่เจอกันแค่ปีเดียว เธอกล้าตบหน้าฉันเลยเหรอไอริน” “ไอริน?” “ฉันบอกแล้วใช่ไหม ว่าถ้าจะกลับมาที่นี่อีก อย่าให้ฉันต้องหาตัวเธอเจอ” ฉันงงไปหมดแล้ว นี่ถ้าฉันเป็นไก่ รับรองได้เลยว่าตอนนี้ตาฉันกำลังแตกอยู่แน่นอน งงเป็นไก่ตาแตกน่ะค่ะ เคยได้ยินกันไหมคะ? “ถ้าเธอยังไม่อยากพูดอะไร ฉันก็จะให้เธอได้พักจนพอใจก่อนก็แล้วกัน” “ราจีฟ” “ครับคุณอลีเซอร์” “พาไอรินไปที่ห้อง” “ครับ” “หวังว่าตอนฉันกลับมาแล้ว เธอคงพร้อมที่จะเคลียร์เรื่องที่ค้างคากับฉันนะ” ครั้งนี้เขากระซิบบอกฉันที่ข้างหู ขนแขนฉันสแตนด์อัปขึ้นมาทันที และสายตาของเขาที่นิ่งเรียบเมื่อครู่ ก็แปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่เจ้าเล่ห์จนฉันกังวลไปหมด “ฉันไม่ได้ชื่อไอริน! ปล่อยฉันออกไปจากที่นี่ได้แล้ว” เขาขมวดคิ้วมองฉันด้วยความไม่เข้าใจ “เอาเป็นว่า... ทันทีที่ฉันกลับมา เราจะคุยเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก” “ราจีฟ พาขึ้นไป” “ไม่นะคุณ คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ได้ชื่อไอริน จะมาจับฉันไปไหน ปล่อยนะคุณ คุณราจีฟ ฉันจำชื่อคุณได้แล้ว และจะจำไปจนวันตาย แต่คุณไม่ให้เกียรติจำชื่อฉันให้ถูกต้องหน่อยเหรอ ฉันบอกว่าฉันชื่อ...” “ปิดปากไว้เหมือนเดิม!” เสียงอลีเซอร์ดังขึ้นจนฉันต้องเงียบลงในทันที เสียงของเขามันทรงอำนาจและน่ากลัวจนฉันหยุดหายใจไปชั่วขณะ “เธอได้เจอฉันแน่” เขาชี้หน้าและมองฉันอย่างอาฆาต ก่อนจะเดินออกไปจากห้องโถงของบ้านหลังใหญ่ ส่วนฉันนั่งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา แต่ถึงแม้ข้าวของต่างๆ ในห้องนี้จะดูดีมากแค่ไหน ฉันก็ไม่มีอารมณ์จะดื่มด่ำกับคุณค่าของมัน ฉันนั่งมองไปที่ลูกบิดประตู ภาวนาให้คุณที่ชื่ออลีเซอร์อะไรนั่นกลับมาสักที แต่ยิ่งรอ ฉันก็ยิ่งเบื่อ ยิ่งเบื่อ ฉันก็ยิ่งง่วง “เป็นยังไงบ้าง” อลีเซอร์กลับบ้านหลังจากหายออกไปเกือบห้าชั่วโมง “โวยวายจนเหนื่อยแล้วก็เงียบไปครับ น่าจะนอนหลับ” “ขอบใจมาก วันนี้ไปพักผ่อนเถอะ” เขาบอกลูกน้องคนสนิทอย่างราจีฟ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องของผู้หญิงที่เขาต้องการพบมาตลอดหนึ่งปี กุญแจถูกไข ลูกบิดถูกหมุน ประตูแง้มออก พร้อมกับภาพของหญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียง อลีเซอร์ยืนมองใบหน้าที่คุ้นเคย นี่คือผู้หญิงที่เขารักมาสามปี เมื่อถึงวันที่เขาจะขอเธอแต่งงาน เธอกลับหายไปโดยไม่ส่งสัญญาณใดๆ ที่แปลว่าเธอหมดรัก เธอไม่แม้แต่จะเอ่ยคำบอกลาหรือบอกความจำเป็นใดๆ ไม่มีการติดต่อกลับมาจากญาติของเธอว่าเธอป่วยหรือเจ็บไข้ หลังจากนั้นไม่นาน นักสืบก็รายงานว่าเธอมีชีวิตสุขสบายกับผู้ชายคนหนึ่งที่ประเทศอังกฤษ ทันทีที่ได้รู้ข่าว เขากลายเป็นคนบ้า เสียใจที่ถูกหักหลัง โกรธที่ถูกนอกใจ เกลียดตัวเองที่โง่คิดถึงเธอ ทั้งๆ ที่เธอมีผู้ชายคนใหม่ สู้ให้เขารู้ว่าเธอตายไปแล้ว มันยังเจ็บน้อยกว่า และเมื่อเวลาได้เยียวยาความเศร้าให้แปรเปลี่ยนเป็นความแค้น ข้อความจากอลีเซอร์จึงถูกส่งไปให้ไอริน “ถ้าผมรู้ว่าคุณกลับมาเหยียบตุรกีอีกเมื่อไหร่ ผมจะเอาคืนคุณให้สาสมกับที่ทิ้งผมไว้ที่นี่อย่างเจ็บปวด และคุณรู้ว่าผมพูดจริงไอริน”

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

กระชากกาวน์

read
7.9K
bc

ซ่านเสน่หา พี่น้องต่างสายเลือด

read
7.0K
bc

FirstLove น้องพี่ที่รัก

read
15.1K
bc

นางสาวอินทุอรณ์

read
8.0K
bc

My Buddy เล่นเพื่อน

read
26.0K
bc

ร้อยสวาททาสหัวใจ

read
6.1K
bc

แคดดี้ที่รัก

read
1.3K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook