พิชิตพงศ์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์เป็นการฆ่าเวลา เขากำลังรอน้องชายอยู่ในห้องทำงาน ภายในใจกำลังขบคิดถึงสิ่งที่เพื่อนพูดให้ฟัง หากเขาไม่เห็นด้วยตาตัวเอง เขาไม่มีทางเชื่อเลยว่าแฟนของน้องชายทำตัวเหลวแหลกแบบนั้น แต่ก็นับว่าเป็นความโชคดีของเขาและน้องชายที่ได้รู้นิสัยของผู้หญิงคนนั้นเสียก่อน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
พชรพงศ์เปิดประตูห้องทำงานของพี่ชายเข้ามา ร่างสูงสาวเท้าเดินตรงมายังโต๊ะทำงานของพี่ชายทันที ชายหนุ่มได้แต่แปลกใจว่าวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ พี่ชายก็ให้คนสนิทเดินไปตามเขาถึงห้องทำงาน
“พี่ใหญ่มีงานอะไรให้ผมทำหรือครับ ถึงให้กรรชัยไปตามผมมา”
“ช่วงนี้พี่ไม่เห็นแฟนแกเลย”
พิชิตพงศ์ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงกับน้องชายดี เขารู้ดีว่าที่พชรพงศ์เข้ามาทำงานที่นี่ก็เพราะแฟนสาว เขาบอกไปตามความจริงก็ไม่รู้ว่าน้องชายจะคิดยังไง บางทีหากเขาได้คุยกับเธอก่อนคงจะดีกว่านี้ ถ้าเธอคิดที่จะแต่งงานกับน้องชายของเขาเธอก็ต้องปรับปรุงตัว ไม่ใช่ทำตัวเหลวแหลกแบบนี้
“ช่วงนี้ลูกแก้วเขาไม่ค่อยว่างครับพี่ใหญ่ ลูกแก้วเขาต้องทำงาน”
“แล้วแกสองคนไม่ได้เจอกันบ้างเหรอ อะไรกันคนเป็นแฟนไม่เจอกันแบบนี้มันแปลกนะนายเล็ก” พิชิตพงศ์พูดให้น้องชายได้คิด ถ้าพชรพงศ์รู้จักนิสัยของแฟนสาวบ้างดีกว่าไม่รู้อะไรเลย
“มีอะไรหรือครับพี่ใหญ่”
ชายหนุ่มเริ่มสงสัยในคำพูดของพี่ชายขึ้นมาตงิด ร้อยวันพันปีไม่เห็นพี่ชายจะพูดถึงเรื่องนี้เลย หรือจะให้พูดอีกทีพี่ชายเขาไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาเลยต่างหาก
“ฉันแค่คิดว่าวันนี้นายน่าจะชวนแฟนไปทานข้าวที่บ้านบ้าง ฉันไม่ได้เจอแฟนนายนานแล้วนะเล็ก กี่เดือนได้แล้ว”
“สามเดือนกว่าครับ วันนี้ผมคงไปรับลูกแก้วไปทานข้าวที่บ้านไม่ได้หรอกครับพี่ใหญ่ ลูกแก้วไปดูงานที่ญี่ปุ่น”
“เอาไว้ให้แฟนนายกลับมาก็แล้วกัน แล้วค่อยพาไปทานข้าวที่บ้านกันซักมื้อ นายแน่ใจแล้วเหรอที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้”
“แน่ใจสิครับพี่ใหญ่ ผมกับลูกแก้วคบกันมาจะสองปีแล้ว ผมกะว่าอีกสองปี ผมก็จะไปขอลูกแก้วกับคุณลุงพิชัย”
“ฉันอยากให้นายดูให้แน่ใจก่อนนายเล็ก ก่อนที่นายจะตัดสินใจแต่งงานกันไป ดูสิขนาดเพื่อนฉันคบกันมาเกือบสิบปีพอแต่งงานกันไปไม่ถึงสองปีก็หย่ากันแล้ว ฉันอยากให้นายกับพิชาดูกันไปให้นานๆ ก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานกัน”
“ขอบคุณครับพี่ใหญ่ที่เป็นห่วง ผมกับลูกแก้วไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่นอนครับ เชื่อผมสิ”
พชรพงศ์ได้แต่ขอบคุณในความเป็นห่วงเป็นใยของพี่ชาย อะไรก็ตามที่เป็นความสุขของเขาพี่ชายคนนี้มักจะเป็นที่ปรึกษาให้เขาได้ดีเสมอ แม้บางครั้งเขาจะไม่ต้องการคำแนะนำนั้นก็ตาม
“ไปได้แล้ว เย็นนี้ค่อยเจอกันที่บ้านก็แล้วกัน”
“ครับพี่ใหญ่ ผมขอตัวก่อน”
“ไปเถอะ”
ชายหนุ่มบอกน้องชาย ดวงตาคู่คมกล้ามองร่างสูงกำยำเดินออกไปจากห้องทำงาน พอประตูห้องทำงานปิดนั่นแหละ เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ของน้องชายกับพณิตพิชา
////////////
หลายวันต่อมา...
พณิตพิชาลงจากรถด้วยความเหน็ดเหนื่อย เกือบอาทิตย์ที่เธอต้องไปร่วมงานการแสดงแฟชั่นโชว์ที่ญี่ปุ่นกับห้องเสื้อปาลิดาของคุณหญิงปาลิตามารดาของปนัดดา ทันทีที่ถึงห้องเธอแทบจะกระโดดขึ้นไปบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า ปวดไปหมดทั้งตัวเลย นั่งเครื่องกว่าจะมาถึงเมืองไทย แถมยังนั่งรถมาอีกต่อหนึ่งกว่าจะถึงคอนโดก็เกือบเที่ยงคืน
“พรุ่งนี้ค่อยโทรไปบอกคุณเล็กก็แล้วกัน เฮ้อ...เหนื่อยเป็นบ้าเลย แต่ก็มีความสุขจัง”
นี่เป็นงานแรกที่เธอได้เข้าไปร่วมในแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ คิดแล้วก็อยากจะไปกระโดดกอดเพื่อนรักสักที หากไม่ได้ปนัดดาความฝันของเธอก็คงจะไม่มีวันเป็นจริง
“ลองโทรหานัสหน่อยดีกว่า ไม่รู้ป่านนี้อาบน้ำนอนหรือยัง”
พณิตพิชาล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาเพื่อนรักทันที
“ว่าไงจ๊ะลูกแก้ว”
“ลูกแก้วแค่โทรมาถามนัสนะว่าขับรถถึงไหนแล้ว เป็นห่วง ขับรถกลางคืนมันอันตราย ลูกแก้วบอกให้นัสนอนกับลูกแก้วก็ไม่นอน”
“ลูกแก้วไม่ต้องห่วงนัสหรอก อย่าลืมสินัสไม่ได้ขับรถมาคนเดียวเสียเมื่อไร ลุงชาญเป็นคนขับรถให้นัสนั่งนะลูกแก้ว แล้วนัสจะเป็นอันตรายยังไง ลูกแก้วมีอะไรหรือเปล่า”
ปนัดดาถามกลับไปด้วยความเป็นห่วง น้ำเสียงของเพื่อนรักดูจะแปลกๆ ไป หรือว่าเธอคิดมากไปหรือเปล่า
“เปล่าหรอกจ้า ลูกแก้วเพียงแค่โทรมาถามว่าไปถึงไหนแล้ว อ๋อ ขอบคุณมากนะนัสที่ทำให้ความฝันของลูกแก้วเป็นจริง งานแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ลูกแก้วชอบมากเลย และก็มีความสุขมากด้วย”
“เรื่องแค่นี้เอง สบายมาก อย่าลืมสิลูกแก้วเป็นเพื่อนรักของนัส ต่อไปนัสกับลูกแก้วคงต้องเหนื่อยมากกว่านี้อีก เพราะอีกไม่กี่เดือนเราสองคนจะต้องเปิดตัวแสดงชุดแฟชั่นโชว์ที่นัสกับลูกแก้วเป็นคนออกแบบ”
“จริงเหรอนัส”
“คุณแม่จะเปิดแสดงชุดแฟชั่นโชว์เพื่อการกุศล เสื้อผ้าส่วนใหญ่จะเป็นชุดที่นัสกับลูกแก้วเป็นคนออกแบบ”
ปนัดดาบอกเพื่อนอย่างอารมณ์ดี ตอนมารดาบอกเธอก็ดีใจไม่น้อย ถึงขนาดกระโดดกอดมารดาด้วยความดีใจเลยทีเดียว แล้วมีหรือที่เพื่อนเธอจะไม่ดีใจ เพราะมันคือความฝันของพวกเธอทั้งสองคนเลยทีเดียว
“ลูกแก้วดีใจจังเลยนัส เห็นทีลูกแก้วคงต้องไปกราบคุณป้างามๆ สักหน่อยแล้ว”
“จ้า...แค่นี้ก่อนนะ ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว อ๋อ พรุ่งนี้คุณแม่บอกว่าให้หยุดได้หนึ่งวันจ้ะ”
“ฝากบอกคุณป้าด้วยว่าลูกแก้วขอบคุณมาก คืนนี้ขอให้ฝันดีนะนัส”
“จ้า...ฝันดีเช่นกัน”
ปนัดดาตัดสายจากเพื่อนรัก ตอนนี้เพื่อนเธอคงกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่คนเดียวอย่างแน่นอน คงดีใจที่ได้ทำตามความฝันของตัวเอง ทั้งเธอและพณิตพิชาเคยฝันกันเอาไว้ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะจัดแสดงแฟชั่นโชว์ด้วยชุดที่พวกเธอร่วมมือกันออกแบบ และวันนี้ความฝันของพวกเธอก็กำลังจะเป็นจริง ด้วยความช่วยเหลือของมารดาสุดที่รักของเธอนั่นเอง
/////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...