ย้อนกลับมาช่วงที่เยว่กวางเพิ่งฟื้นขึ้น
จวนเสนาบดีฝ่ายซ้าย หรงลู่เสียน (หยกอันบริสุทธิ์)
เพล้ง! โครม!
“กรี๊ดดดดดดด ทำไม!! ทำไมมันยังไม่ตายอีก!!” เสียงแหลมกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับมือบางที่ขว้างปาข้าวของทุกอย่างในห้องเพื่อระบายความโกรธแค้นที่สุมอกของตน
“ไหนแกบอกว่ามันต้องตายแน่นอนไง! แล้วทำไมตอนนี้ถึงมีรายงานว่ามันหายจากอาการป่วยแล้วล่ะ!” ใบหน้าเรียวดุดันหันขวับไปหาบ่าวคนสนิทที่คุกเข่าตัวสั่นอยู่เบื้องหน้า
“อะ เอ่อ บ่าวไม่ก็ไม่แน่ใจเจ้าค่ะ ตอนนี้บ่าวไม่สามารถติดต่อสายที่เราส่งไปได้เลยเจ้าค่ะ” ไฉ่อันรีบเอ่ยบอกเจ้านายของตน ก่อนจะล้มลงไปนอนกับพื้นเมื่อโดนฝ่ามือของหรงลี่หลินฟาดเข้าเต็มแก้ม
เพี๊ยะ
“แกมันโง่!! เรื่องแค่นี้ก็ทำไม่สำเร็จ ออกไปให้พ้นหน้าข้าซะ!!” เสียงหวานตวาดลั่นพร้อมกับทิ้งตัวลงบนตั่งนั่ง มือเรียวสวยยกขึ้นมากัดเล็บตรงนิ้วหัวแม่มืออย่างใช้ความคิด
‘ทำไมนังซ่งเยว่กวางมันถึงยังไม่ตาย! มิใช่ว่ามันได้รับพิษจนอาการทรุดหนักแล้วหรอกหรือ ไม่มีทางที่มันจะหายาแก้พิษได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ แน่นอน’ หรงลี่หลินจมอยู่กับความคิด จนกระทั่งผู้เป็นมารดาเข้ามาภายในห้อง
“เหตุใดเจ้าถึงอาละวาดจนข้าวของพังเช่นนี้” เหยาเมี่ยวอิน (เสียงอันไพเราะ) มารดาของหรงลี่หลินตำหนิการกระทำของบุตรสาว ถ้าบ่าวไพร่เอาไปรายงานฮูหยินเอกคงจะไม่พ้นตัวเธอที่เป็นเพียงฮูหยินรองต้องโดนอีกฝ่ายตำหนิต่อหน้าบ่าวไพร่แน่นอน
“ก็นังแพศยาซ่งเยว่กวางสิเจ้าคะท่านแม่! เพราะมันให้ท่าท่านพี่เป่าเฉินของข้า ข้าเลยส่งคนไปวางยาพิษมัน ให้มันตายๆ ไปซะ จะได้ไม่อยู่ขวางหูขวางตา แต่มันกลับรอดมาได้ เจ็บใจนัก!!” เธอตอบมารดาด้วยอารมณ์ที่ยังคงคุกรุ่น มือเรียวกำผ้าเช็ดหน้าแน่นบิดจนแทบขาดเพื่อระบายความอัดอั้น
“อะไรนะ! ทำไมเจ้าถึงโง่งมเช่นนี้ นั่นมันจวนแม่ทัพใหญ่หาใช่ขุนนางปลายแถวไม่ การกระทำของเจ้าอาจจะส่งผลถึงตำแหน่งของบิดาเจ้าได้ เหตุใดถึงไร้หัวคิดเช่นนี้กัน” เหยาเมี่ยวอินพอได้ยินสิ่งที่บุตรสาวพูดออกมาถึงกับหน้ามืด นี่ถ้าสามีของเธอรู้คงได้สั่งโบยบุตรสาวของเธอแน่ จวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายมีฮูหยินเอก ฮูหยินรอง และอนุอีก 2 นาง ฮูหยินเอกได้ให้กำเนิดบุตรชายคนโตและบุตรสาวคนรองให้ตระกูลหรง ทำให้อำนาจในเรือนหลังอยู่ในมือนางทั้งหมด ส่วนเธอได้ให้กำเนิดบุตรสาวเพียงคนเดียว ซึ่งก็ไม่ได้เป็นที่โปรดปราณเท่าไรนัก เพราะลูกๆ ของฮูหยินเอกต่างแย่งความรักไปจนหมด ทำให้บุตรสาวของเธอเกลียดชังพี่ต่างมารดาและริษยาคนอื่นไปทั่ว แต่เธอก็จนใจเนื่องจากเธอพยายามสั่งสอนบุตรสาวแล้ว แต่เหมือนจะยิ่งทำให้บุตรสาวคิดว่าเธอก็ไม่รักในตัวบุตรสาวเช่นกัน
“หึ ไยข้าต้องสนใจบิดาพรรค์นั้นด้วย ถึงข้าจะเป็นคุณหนูรองตระกูลหรงแล้วอย่างไร แค่เพราะเกิดมาจากฮูหยินรองก็ไม่มีคนเห็นหัวข้าแล้ว! ท่านเห็นพวกบ่าวไพร่หรือไม่ว่ามันมองพวกเราเช่นไร แล้วดูพวกมันเทิดทูนพวกลูกฮูหยินเอกสิเจ้าคะ เหอะ ถ้าข้าได้แต่งเป็นฮูหยินเอกตระกูลไป๋ของท่านพี่เป่าเฉินแล้วล่ะก็ ข้าไม่ต้องสนใจตระกูลนี้แล้ว!!” ใครๆ ก็รู้ว่าตระกูลไป๋เป็นตระกูลเจ้ากรมคลังที่สืบทอดกันมา 3 รุ่น ซึ่งฐานะก็ร่ำรวยยิ่ง อีกทั้งท่านพี่เป่าเฉินยังเป็นลูกชายคนโตอีกด้วย ทรัพย์สมบัติทั้งหมดต้องเป็นของท่านพี่เป่าเฉินแน่นอน เธอต้องแต่งเข้าจวนตระกูลไป๋ให้ได้!
เพี๊ยะ
ใบหน้าหวานที่เหยียดยิ้มในคราแรกหันตามแรงตบจากฝ่ามือของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นมารดาของตน
“หรงลี่หลิน เจ้าอย่าได้เอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมาอีกเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นข้าจะส่งเจ้าไปขัดเกลาจิตใจที่วัดช่านไฉ่ในชนบทเสีย ตอนนี้แม่จะกักบริเวณเจ้า 7 วัน ห้ามออกจากเรือนเป็นอันขาด!” เมื่อเอ่ยจบเหยาเมี่ยวอินก็ออกจากห้องไปทันที โดยมีเสียงกรีดร้องและทำลายข้าวของตามมา เธอได้แต่ปวดใจนัก เพราะเธอไม่ใฝ่หาอำนาจ เธอและบุตรจึงโดนหมางเมินอยู่บ่อยครั้ง แต่ตัวเธอก็ไม่ได้เดือดร้อน เพราะถ้ามองจากมุมมองของเธอ ฮูหยินเอกคนนี้ก็ไม่ได้ระรานเหล่าภรรยารองหรืออนุ นอกเสียจากจะไปหาเรื่องอีกฝ่ายก่อน ถึงแม้เบี้ยหวัดรายเดือนจะน้อยไปบ้างแต่ก็ถือว่าพอกินพอใช้ แต่เหมือนจะไม่พอสำหรับบุตรสาวของตน เหยาเมี่ยวอินได้แต่ถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน
วันเวลาผ่านไปหรงลี่หลินก็ไม่ได้ข่าวคราวใดจากจวนแม่ทัพใหญ่อีก จนกระทั่งผ่านไปเป็นเดือนจู่ๆ ก็มีข่าวลือใหม่ในตลาด
‘คุณหนูรองหรงชอบไปดักทำร้ายแม่นางที่เข้าไปพูดคุยกับคู่หมั้นของตน บางคราถึงขั้นส่งคนไปทำร้ายก็มี’
หลังจากนั้น 3-4 วัน ข่าวลือแพร่กระจายออกไป ก็เริ่มมีคนออกมาพูดถึงเรื่องนี้กันหลากหลาย ทั้งยังมีผู้เสียหายบางคนออกมายืนยันข่าวลือนี้ด้วย
ห้องโถงจวนเสนาบดีฝ่ายซ้าย
ภายในห้องโถงตระกูลหรง หรงลู่เสียนนั่งใบหน้าเขียวคล้ำอยู่ตรงตำแหน่งเจ้าบ้าน ด้านขวาเป็นฮูหยินเอก บุตรชายคนโต บุตรสาวคนโต ด้านซ้ายเป็นฮูหยินรอง และบรรดาอนุ บรรยากาศในห้องอึมครึมเป็นอย่างมาก
เพล้ง!
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ปล่อยให้มีข่าวลือเช่นนี้ได้ยังไงห๊ะ!!” หรงลู่เสียนเขวี้ยงจอกชาลงบนพื้นอย่างแรงจนบ่าวไพร่ต่างก้มหน้าหนีเพราะกลัวที่จะต้องรองรับอารมณ์ของผู้เป็นนาย
“ใจเย็นๆ ก่อนนะเจ้าคะท่านพี่ บางทีอาจจะมีคนไม่หวังดีกับหลินเอ๋อร์ก็ได้นะเจ้าคะ” ซือซูฮวา (ดอกไม้ที่สวยงาม) ฮูหยินเอกตระกูลหรงเอ่ยปลอบสามีด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ดวงตาหงส์เหลือบมองไปยังร่างบอบบางของหรงลี่หลินที่ตอนนี้นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นกลางห้องโถง
“เจ้าไม่ต้องออกหน้าแทนเลยฮวาเอ๋อร์” หรงลู่เสียนรับคำฮูหยินเอกของตนก่อนจะหันไปมองภรรยาอีกคนด้วยความกรุ่นโกรธ
“เพราะเจ้าสั่งสอนบุตรสาวไม่ดี! หลินเอ๋อร์ถึงได้ทำเรื่องเช่นนี้!” ท่านเสนาบดีตวาดกร้าวใส่เหยาเมี่ยวอินด้วยความโมโห
“ข้าไม่ได้ทำดั่งเช่นข่าวลือนะเจ้าคะท่านพ่อ!!!” หรงลี่หลินตะโกนใส่บิดาด้วยความน้อยใจ
“ไม่ได้ทำเช่นนั้นรึ หึ เจ้าลองออกไปดูสิว่ามีคุณหนูตระกูลอื่นที่โดนเจ้าทำร้ายออกมายืนยันข่าวลือนี้กี่คน!!” ร่างหนาลุกขึ้นชี้หน้าบุตรสาวของตนอย่างอดไม่อยู่ เหตุใดบุตรสาวคนนี้ถึงไม่ได้ความเฉลียวฉลาดของเขาดั่งเช่นบุตรสองคนแรกบ้าง
“เป็นความผิดข้าเองเจ้าค่ะท่านพี่ ข้าจะจัดการทำโทษหลินเอ๋อร์เองเจ้าค่ะ” เหยาเมี่ยวอินเอ่ยเสียงสั่น พลางหันไปสบตาบุตรสาว แล้วพยายามส่งสายตาเป็นนัยว่าให้บุตรสาวก้มลงขอโทษบิดาเสีย แต่ก่อนที่หรงลี่หลินจะเอ่ยสิ่งใด ก็มีเสียงใสกังวานน่าฟังเอ่ยออกมาเสียก่อน
“เอ แต่เหมือนวันนี้ลูกจะได้ยินข่าวลืออื่นมาด้วยนะเจ้าคะ เหมือนจะว่ากันว่า ‘คุณหนูรองหรงภายนอกดูเรียบร้อยอ่อนหวาน สดใสสมวัย หากแต่ความจริงแล้วช่างโหดเหี้ยมอำมหิต ทำร้าย ตบตีบรรดาบ่าวไพร่เพื่อระบายอารมณ์เสมอ เท่านั้นยังไม่พอ ยังถึงขั้นกรีดใบหน้าและร่างกายบ่าวที่ทำผิดแล้วขายทิ้งเป็นทาสอย่างไม่ไยดีอีกด้วย’ เจ้าค่ะ” หรงลี่หรู (ดั่งความงาม) บุตรสาวคนโตของฮูหยินเอกแห่งจวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายเอ่ยเล่าสิ่งที่ตนได้ยินมาวันนี้ขณะที่กำลังเดินเล่นในตลาดให้กับบิดาฟัง ใบหน้าหวานเรียวสวย ดวงตาหงส์ได้มารดามาหรี่ลงเพียงเล็กน้อย ก่อนเหยียดยิ้มให้น้องสาวของตนที่ตอนนี้มองมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
‘หึหึ เป็นแค่สุนัขที่เห่าและไล่กัดคนไปทั่ว ไม่รู้จักเก็บอารมณ์ของตนก็เป็นเช่นนี้ล่ะนะ’ หรงลี่หรูคิดอย่างเยาะเย้ยพลางมองความสนุกเบื้องหน้า
“เจ้า! เจ้ามันลูกไม่รักดี! นำความอับอายมาสู่ตระกูลของข้า นำตัวคุณหนูรองไปโบย 20 ไม้ แล้วสั่งกักบริเวณให้อยู่แต่ในห้องเป็นเวลา 1 เดือน!!” หรงลู่เสียนโกรธหน้าดำหน้าแดง ก่อนจะตะโกนเรียกบ่าวไพร่
“ไม่นะเจ้าคะท่านพี่! ท่านลงโทษลูกรุนแรงเกินไปแล้ว!! ข้ายอมรับโทษโบยแทนลูกเองเจ้าค่ะ ท่านพี่ได้โปรดเมตตาด้วย ฮืออ” ฮูหยินรองหรงคุกเข่าขอร้องผู้เป็นสามีทันที ถึงเธอจะเหนื่อยใจกับนิสัยของบุตรสาว แต่ถึงยังไงนั่นก็เป็นลูกของเธอ เธอคงไม่สามารถทนเห็นลูกโดนโบยถึง 20 ไม้ได้
“ไม่ได้!! เพราะเจ้าคอยให้ท้ายเช่นนี้หลินเอ๋อร์ถึงเสียคน!! ต่อไปเรื่องของหลินเอ๋อร์ยกให้ฮูหยินใหญ่เป็นคนดูแล จะได้ไม่ทำตัวให้อับอายขายหน้าเช่นเดิมอีก!!” ผู้เป็นใหญ่ในจวนประกาศกร้าวก่อนจะเดินออกนอกห้องไปด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น ทิ้งให้บรรยากาศในห้องโถงเงียบงันลงท่ามกลางเสียงกรีดร้องของหรงลี่หลิน ที่บัดนี้รับโทษโบยอยู่ตรงลานหน้าบ้าน หรงหลี่จวิน (แข็งแรง เข้มแข็ง) บุตรชายคนโตของจวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายเห็นว่าจบเรื่องแล้วก็ลุกออกจากห้องไปเช่นกัน ด้วยนิสัยที่ไม่สนใจเรื่องของเรือนหลังเท่าใดนัก จึงไม่มีความคิดเห็นในเรื่องนี้ ผิดกับมารดาและน้องสาวของตนซึ่งกำลังส่งสายตาเวทนาไปยังเหยาเมี่ยวอินที่นั่งหมดแรงอยู่บนพื้นก่อนจะพากันลุกแล้วเดินนวยนาดออกไปพร้อมกัน
.......................................................................................