ตอนที่ 10 หอประมูล

1807 Words
“คาราวะท่านพ่อ ท่านแม่ เจ้าค่ะ” เยว่กวางเอ่ยทักบิดาและมารดาด้วยน้ำเสียงสดใสเฉกเช่นทุกวัน “รีบมาทานข้าวได้แล้วเยว่เยว่” ซ่งเยว่เล่อเอ่ยเรียกน้องสาวตัวน้อยของตนทันทีที่อีกฝ่ายเข้ามาในห้องโถง “ไม่ต้องไปเร่งน้องเล็กเลยเจ้าสาม เจ้าก็เพิ่งมาถึงเช่นกันไม่ใช่หรือไร” ซ่งเยว่จวนหันไปบ่นน้องชายเบาๆ จนซ่งเยว่เล่อเบ้ปากอย่างขัดใจเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี บรรยากาศมื้อเช้าเป็นไปด้วยความอบอุ่น บ่าวไพร่ต่างยิ้มแย้มกับภาพครอบครัวตรงหน้า การที่ได้มาเป็นบ่าวในจวนแม่ทัพใหญ่นั้นดีเสียยิ่งว่าที่ใด ทุกคนทำงานตามหน้าที่ไม่มีการโยนงานให้คนอื่นทำแทน อาหารมีให้กิน 3 มื้อไม่เคยขาด ที่สำคัญคือเหล่าเจ้านายที่แสนดี ไม่ด่าทอตบตีอย่างไร้เหตุผล ไม่ต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ยามเจ้านายมีโทสะ ขอแค่ตั้งใจทำงานให้ดีก็ได้เบี้ยเลี้ยงพิเศษทุกปีอีกด้วย แม้จะเพิ่งมีการขายบ่าวทิ้งครั้งใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ แต่ท่านพ่อบ้านหม่าก็ชี้แจงความผิดของทุกคนชัดเจน ถึงจะเป็นความผิดที่คุณชายใหญ่สรรหามาเป็นเหตุผลชี้แจงกับบ่าวทุกคน แต่เบื้องหลังโดนลากไปที่ห้องใต้ดินก็ตาม “ตอนนี้ ‘ต้นไม้’ ที่เจ้าปลูกเป็นเช่นไรบ้างเล่าเจ้ารอง” ซ่งหนิงเฉิงเอ่ยถามบุตรชายถึงความคืบหน้าของหอประมูล พวกเขาตกลงกันไว้ว่าจะใช้รหัสลับกันเสมอเพื่อป้องกันการผิดพลาดดั่งคำที่ว่า หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง ต่อให้เรามั่นใจเต็มสิบส่วนว่ากำจัดหนูไปหมดแล้วก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าในสิบส่วนนั้นจะไม่มีคนที่จะทรยศเราในภายหลัง “ตอนนี้ทุกต้นปลูกเสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ” ซ่งเยว่ส่างหันมาตอบบิดา “แล้ว ‘การค้า’ ของเจ้าเป็นเช่นไรบ้างเจ้าสาม” ซ่งหนิงเฉิงพยักหน้ารับคำบุตรชายคนรองเล็กน้อยก่อนจะหันมาถามลูกอีกคน “ตอนนี้สินค้าทั้งหมดพร้อมแล้วขอรับ และข้าก็ได้เปิดร้านเล็กๆ ไว้ทั่วแคว้นเพื่อรับซื้อสมุนไพรและของแปลกจากชาวบ้านชายป่าด้วยขอรับ” ถึงซ่งเยว่เล่อจะดูเป็นคนขี้เล่นมากเพียงใดก็ตาม แต่ต้องบอกเลยว่าฝีมือการทำการค้าของเขาไม่เป็นสองรองใคร ซ่งเยว่เล่อมักจะมองการณ์ไกลเสมอในเรื่องของธุรกิจ ทำให้คนเป็นพ่อภูมิใจมาก “สำหรับ ‘คนงาน’ ทั้งหมด ข้าได้ส่งคนที่รับการ ‘ฝึกต้อนรับลูกค้าโดยเฉพาะ’ ไปประจำการเรียบร้อยขอรับท่านพ่อ คาดว่าอีก 3 วันน่าจะเริ่มเปิดร้านได้ขอรับ” ซ่งเยว่จวนรายงานในส่วนหน้าที่ของตนเอง เขาได้ส่งยอดฝีมืออันดับต้นๆ ในหมู่คนของเขาและบิดาไปเป็นหลงจู๊ที่หอประมูลทุกสาขาเรียบร้อยแล้ว “งั้นตอนนี้ก็มาถึงเรื่องสำคัญแล้วสินะเจ้าคะ” เสียงหวานใสของเจ้าตัวเล็กเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “หืม เรื่องสำคัญอะไรเช่นนั้นหรือเยว่เยว่” หลินซูฉีหันมาถามบุตรสาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ “ก็เรื่อง ‘ชื่อ’ อย่างไรล่ะเจ้าคะ! แต่ลูกคิดว่าจะให้ท่านแม่เป็นคนตั้งให้ล่ะเจ้าค่ะ ดีรึไม่เจ้าคะ ท่านพ่อ” เยว่กวางอยากให้มารดาได้เป็นส่วนสำคัญของหอประมูลนี้ด้วยเอ่ยขึ้น พร้อมหันไปหาแนวร่วม “พี่เห็นด้วยกับเยว่เยว่นะน้องหญิง ชื่อจากเจ้าต้องมีความหมายดีแน่นอน เหมือนชื่อลูกๆ ของเราอย่างไรเล่า” ซ่งหนิงเฉิงตอบรับบุตรสาวและยังถือโอกาสเกี้ยวภรรยาอีกต่างหาก ทำเอาคนโดนเกี้ยวใบหน้าขึ้นริ้วสีแดงจางๆ จนท่านแม่ทัพใหญ่แทบอยากอุ้มร่างบางเข้าห้องนอนเสียแล้ว “อะ แฮ่ม ท่านแม่เขียนลงในนี้เถิดขอรับ” ซ่งเยว่ส่างกระแอมเล็กน้อยเพื่อให้บิดาหยุดส่งสายตากรุ้มกริ่มให้มารดาเสียที นี่น้องเล็กนั่งมองอยู่นะ!! หลินซูฉีที่เหมือนจะรู้ตัวก็รีบรับกระดาษและพู่กันมาเขียนลงไป “เป็นชื่อที่ดีมากเลยขอรับท่านแม่” ซ่งเยว่จวนเอ่ยชมมารดา “ลูกว่าแล้วเชียวว่าให้ท่านแม่ตั้งให้นั้นดีที่สุด” เยว่กวางชื่มชมด้วยดวงตาเป็นประกายน้อยๆ น่ารัก เรียกให้คนเป็นมารดาอดจะลูบหัวอย่างเอ็นดูไม่ได้ ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยก่อนซ่งหนิงเฉิงจะเผากระดาษใบนั้นจนเหลือเพียงแค่ขี้เถ้า และชื่อของหอประมูลก็เป็นที่กล่าวถึงใน 3 วันต่อจากนี้ หอประมูลชุนเฟิงยู๋อี้ (สมปรารถนาตลอดไป) … วันเปิดหอประมูลเป็นที่กล่าวถึงอย่างมากด้วยเพราะเยว่กวางทำใบปลิวหรือจะเรียกอย่างง่ายๆ ก็ใบแนะนำหอประมูลนั่นเอง ในใบนั้นระบุรายละเอียดคร่าวๆ ซึ่งหอประมูลชุนเฟิงยู๋อี้มีทั้งหมด 5 ชั้นด้วยกัน ชั้นแรกเป็นแผนกต้อนรับลูกค้า การออกแบบและตกแต่งแปลกตาจึงดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้มาก เพราะเป็นการผสมผสานระหว่างดีไซน์จัดร้านจากยุคที่เธอจากมาด้วย ในชั้นนี้จะเป็นการตรวจสอบลูกค้าจากการสมัครสมาชิก จะมีตราสัญลักษณ์ซึ่งทำจากไม้เนื้อดีและออกแบบโดยตัวเธอเอง ลวดลายพยัคฆ์นอนอยู่บนกองทองนั่นทำให้ดูเหมือนมันกำลังเฝ้าขุมสมบัติอยู่ก็มิปาน และยังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มากมาย พร้อมทั้งมีหมายเลขโรมันที่เธอใช้เป็นรหัสลูกค้าถูกสลักไว้ตัวเล็กๆ ที่ด้านหลังป้ายอีกด้วย แน่นอนว่าตัวเลขโรมันพวกนี้เธอได้ทำการสอนครอบครัวของเธอและให้พี่รองกับพี่สามเป็นคนสอนหลงจู๊อีกที แต่ใช่ว่าทางร้านจะต้อนรับแค่สมาชิกเท่านั้น ถึงไม่มีป้ายสมาชิกก็สามารถแจ้งความต้องการกับหลงจู๊ได้ ไม่ว่าจะมาซื้อหรือมาขายก็ตามทางหอประมูลล้วนยินดีตีราคาสิ่งของที่นำมา ชั้นที่ 2-3 จะวางขายสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพร เครื่องประดับ หนังสือที่หาซื้อได้ยาก ผ้าไหมเนื้อดีจากต่างถิ่น หรือแม้แต่อาวุธหน้าตาแปลกๆ ก็มีมาขาย เธอเริ่มสงสัยแล้วว่าของพวกนี้พี่ชายทั้งสองของเธอไปหามาจากที่ใดกัน….แต่นอกเหนือจากของเหล่านั้น เยว่กวางยังเพิ่มสินค้าที่มีขายเฉพาะที่หอประมูลชุนเฟิงยู๋อี้เพียงที่เดียวเท่านั้นอีกด้วย นั่นก็คือ สินค้าซึ่งเยว่กวางเอาสูตรผลิตมาจากความทรงจำเก่าที่เธอพอจะจำได้ เช่น สบู่ล้างหน้า ครีมบำรุง ที่ทาแก้ม ขี้ผึ้งและชาดทาปากซึ่งผสมสีจากดอกไม้จนได้สีสันต่างๆ มา ไม่ว่าจะแดง แดงเลือดนก แดงอ่อน แดงส้ม ส้ม ส้มอ่อน ส้มชมพู ชมพู ชมพูอ่อน ชมพูม่วง และอีกหลายเฉดสี ซึ่งตอนเธอเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา มารดาถึงกับเอาสินเดิมมาสั่งให้ลงทุนทันที ก็นะ…อย่าให้เธอพูดเลยว่าลิป 24 เฉดสีในภพก่อนมันทำให้สาวๆ ในองค์กรเอาแต่บ่นว่า ‘ของมันต้องมี’ ไม่รู้กี่ครั้ง ส่วนเรื่องสูตรการผลิตพี่ใหญ่บอกว่าให้ซื้อทาสมาทำสัญญาซะ และจัดแบ่งเป็นกลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มจะรับผิดชอบขั้นตอนการผลิตเพียงขั้นตอนเดียวเท่านั้น ทำให้ไม่มีใครที่รู้ส่วนผสมและวิธีการผลิตที่แน่นอนเพื่อป้องกันการขโมยสูตร ชั้นที่ 4 คือไฮไลท์ของที่นี่เลย เพราะมันคือสถานที่ประมูลสินค้าหายาก! รูปแบบภายในห้องก็แปลกใหม่จนเรียกเสียงฮือฮาได้มากทีเดียว ปกติแล้วร้านทั่วไปจะจัดแสดงสินค้าที่ด้านในสุดทำให้ลูกค้าที่นั่งด้านหลังมักจะมองไม่เห็น แต่ที่หอประมูลชุนเฟิงยู๋อี้แห่งนี้กลับออกแบบให้แท่นประมูลอยู่ตรงกลางห้อง ที่นั่งของลูกค้าจากด้านหน้าห่างแท่นประมูลเล็กน้อยไล่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงที่นั่งด้านหลัง ทำให้แม้จะนั่งหลังสุดก็ยังสามารถมองลงมายังสินค้าประมูลได้ นอกจากนี้ยังมีห้องพิเศษทั้งหมด 10 ห้อง รายล้อมรอบห้องประมูลอีกด้วย ภายในห้องพิเศษเป็นการตกแต่งแบบญี่ปุ่นที่เยว่กวางชอบมาก โต๊ะชาจะตั้งอยู่ใกล้ริมระเบียงเพื่อให้เห็นสินค้าด้านล่าง บนพื้นตรงโต๊ะไม่ได้มีเก้าอี้ดั่งเช่นปกติทั่วไป หากแต่เป็นเบาะรองนั่งที่มีพนักพิงวางไว้บนพื้นและมีหลุมให้หย่อนขาลงไป เมื่อพินิจดูดีๆ จะพบว่าโต๊ะชานั้นโผล่ขึ้นมาจากหลุมนี่เอง นอกจากนี้รอบๆ ห้องยังมีการตกแต่งด้วยหินทรงกลมแบนๆ ไว้ทั้งริม 2 ฝั่ง ประดับด้วยต้นไม้และดอกไม้ชวนให้ดูร่มรื่นเหมือนอยู่ในสวนยิ่งนัก ไหนจะกลิ่นหอมอ่อนๆ อีก ทำเอาบรรดาแขกพิเศษติดใจไปตามๆ กัน และชั้นที่ 5 ชั้นสุดท้ายของหอประมูลคือสถานที่ทำงานของตัวแทนหอนั่นเอง เพื่อบิดเบือนข้อมูลตัวตนของผู้ก่อตั้งหอประมูลชุนเฟิงยู๋อี้ ท่านพ่อจึงให้คนที่ไว้ใจได้สร้างตัวตนขึ้นมา ดังนั้นเหล่าสายสืบทั้งหลายจึงสืบได้แค่ว่าผู้ก่อตั้งคือคหบดีมีชื่อผู้นึงจากต่างแคว้นเท่านั้นเอง นอกจากนี้พี่ใหญ่ยังเสาะหาจอมยุทธหญิงที่พี่ใหญ่รู้จักมาเป็นองครักษ์เงาให้เธอ 2 คนอีกด้วย เพื่อให้สะดวกต่อการสั่งงานและส่งข่าวมากยิ่งขึ้น ซึ่งเธอได้ตั้งชื่อให้ทั้งสองคนว่า ฮุ่ยหวง (รัศมีแห่งความเมตตา) กับ ฮุ่ยเหอ (สายธาราแห่งความการุณย์) ทั้งสองคนอายุมากกว่าเธอ 3-4 หนาว แถมยังถือว่าเป็นคนที่สวยในระดับนึงเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ไปพาทั้งสองคนมาจากไหนกัน เอาเถอะ เรื่องนั้นไม่สำคัญในตอนนี้ เพราะถ้าพี่ใหญ่เป็นผู้พามาก็เท่ากับว่าไว้ใจได้ล่ะนะ ‘งั้น…เรามาเริ่มลงมือกันเลยดีกว่า จะปล่อยให้อีกฝ่ายรอนานคงจะไม่ดีเท่าไหร่นัก’ เยว่กวางคิดในใจพร้อมใบหน้าที่ดูเยียบเย็นจนองครักษ์ทั้งสองคนได้แต่มองหน้ากัน ‘เหตุใดคุณหนูทำหน้าชั่วร้ายแบบนั้นกัน’ ฮุ่ยเหอและฮุ่ยหวงที่เพิ่งมารับใช้นายใหม่ได้แต่สับสน ไม่ใช่ว่าตนได้รับคำสั่งให้มาดูแลคุณหนูในห้องหอหรอกหรอ… .......................................................................................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD