ตอนที่ 20
ทางด้านหมวดคนสวยหนึ่งเดียวของหน่วย เมื่อมาถึงโต๊ะทํางานงาน ของตัวเองก็โยนเอกสารลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ ทําให้เจ้าหน้าที่แถวนั้นมองด้วยความสนใจ แต่ก็ไม่กล้าจะเข้าไปคุยด้วยตอนนี้เพราะ สายตาที่เหมือนจะฆ่าคนได้ของเจ้าหล่อนนั่นแหละ
‘ผู้กํากับนะผู้กํากับ...’
หญิงสาวกระแทกตัวลงบนเก้าอี้อย่างแรง ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นแฟ้มที่เปิดอ้าอยู่ ทําให้เจ้าตัวรีบหยิบมาอ่านอย่างสนใจ
รูปถ่ายในอิริยาบถต่าง ๆ ของชายในรูป รวมถึงประวัติอย่างละเอียดของนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ฉายาเจ้าพ่อธุรกิจส่งออก เจ้าของและประธานบริษัทในเครือมงคลวิบูลย์ ที่มีธุรกิจหลายอย่างแต่ที่กําลังมีปัญหาจนถึงต้องขอร้องให้ทางการเข้าไปช่วยคือ บริษัทโอเซี่ยน เอ็กเพรส จํากัด อันเป็นบริษัทเดินเรือสินค้าเข้า-ออกประเทศ
...เขมชาติ มงคลวิบูลย์...
มงคลวิบูลย์ นามสกุลดังที่ใคร ๆ ก็รู้จัก เพราะเป็นเจ้าของกิจการที่เรียกว่า เกือบครอบคลุมระบบเศรษฐกิจทั้งหมดของประเทศเลยก็ว่าได้ ยิ่งได้ชายหนุ่มคนดังกล่าวมาบริหารงานอย่างเต็มตัวด้วยแล้ว ดูเหมือนว่ากิจการของบริษัทจะขยายตัวอย่างรวดเร็วและมั่นคง
‘หน้าตาไม่เลว’
อยากจะรู้เหมือนกันว่าตัวจริงของเจ้าพ่อแห่งอาณาจักรมงคลวิบูลย์ จะเป็นคนอย่างไร ดูจากรูปท่าทางที่ดูมีสง่า บ่งบอกลักษณะของความเป็นผู้นําอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้รูปร่างที่สูงใหญ่กว่าคนทั่วไป ใบหน้าคมเข้มที่ออกจะโหดนิด ๆ ยิ่งมีแว่นตาสีดําเป็น เครื่องประดับด้วยแล้ว ยิ่งทําให้มาดเจ้าพ่อยิ่งปรากฏเด่นชัด
ถึงจะเป็นอย่างนั้น หมวดคนสวยของหน่วยต้องยอมรับกับตัวเองว่า ‘เขมชาติ มงคลวิบูลย์’ เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจไม่น้อย แถมยังมีความ เจ้าเล่ห์อยู่ในตัวอีกหน่อย ๆ ทําให้เธออยากจะรู้เหมือนกันว่า ถ้าชนกันสักตั้งใครจะอยู่ใครจะไป
จากที่หงุดหงิดเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นสงบอย่างประหลาด พร้อมกับอ่านแฟ้มตรงหน้าอย่างสนใจเหมือนจะเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ให้หมด ก่อนจะยิ้มกับตัวเองอย่างมีแผนการบางอย่างซ่อนอยู่ในใจ
ขึ้นชื่อว่าเป็นจอมวางแผน ไม่ว่าเรื่องอะไรต้องเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ ตามคติที่พูดกันติดปากในยุคนี้ว่า...ฉวยวิกฤตให้เป็น โอกาส และตอนนี้โอกาสของเธอก็มาถึงแล้ว เธอไม่ปล่อยให้มัน หลุดมือไปได้หรอก ‘อีกหนึ่งเดือนเจอกัน รับรองจะไม่ทําให้ผิดหวัง’ ...
ทางด้านเขมชาติคนที่ถูกเปรียบเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์ เมื่อวางหูโทรศัพท์ที่ต่อตรงมาจากผู้กํากับแล้ว เขาเรียกลูกน้องคนสนิททั้งสองมาพบทันทีพร้อมกับมอบหมายงานให้
“ทางโน้นรับปากจะเข้ามาช่วยแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมสิ้นเดือนนี้คงมีเรื่องให้พวกเราจัดการอีกเยอะ”
“นายแน่ใจแล้วหรือครับ...ผมว่าเราจัดการกันเองเรื่องจะง่ายกว่านะครับ” ชงคมเสนอความเห็น เพราะเขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่เจ้านายจะดึงตํารวจมายุ่งกับเรื่องนี้
“ผมก็คิดเหมือนกันครับนาย” คาร์ลอตเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อน
“แต่ฉันต้องการให้พวกนั้นตายใจว่าผมยอมเล่นด้วย ให้ทางตํารวจจัดการน่ะดีแล้ว เราจะได้ไม่ต้องเหนื่อย...รอเวลาที่จะ ปิดบัญชีทีเดียวให้เด็ดขาดไปเลยดีกว่า” เขมชาติบอกกับลูกน้องอย่างใจเย็น
“อีกอย่างฉันไม่ต้องการถูกมองว่าเป็นผู้มีอิทธิพล...ฉันต้องการเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น” เมื่อทั้งสองคิดว่าไม่มีใครจะเปลี่ยนใจเจ้านายได้ต่างก็ขอตัวไป จัดการเรื่องที่ได้รับมอบหมาย ปล่อยให้ผู้เป็นนายนั่งจมกับความคิดของตนอยู่คนเดียว
ไม่มีใครรู้หรอกว่าภายในใจของเขมชาติตอนนี้อยากจะล้างภาพเจ้าพ่อที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิดได้มากขนาดไหน ไม่มีใครรู้หรอกว่าการเป็นผู้มีอิทธิพลต้องทําให้เขาเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง
ไม่ว่าเขาจะทําอะไรทุกคนที่เขารู้จักต่างกลัวอํานาจของเขาทั้งนั้น จนบางครั้งเขาอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า ในสายตาคนอื่นเขาดูโหดร้ายป่าเถื่อนมากเลยหรือไง
ใครจะรู้ว่าคนอย่างเขาก็มีความต้องการเหมือนกับคนทั่ว ๆ ไป แม้ว่าใครจะมองว่าคนอย่างเขาเพียบพร้อมด้วยทุกอย่างแล้วก็ตาม ความต้องการของเขา...ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง หรืออํานาจ
แต่สิ่งที่เขาต้องการคือคนที่ไม่กลัวเขา คนที่กล้าจะขวางและพร้อม ที่จะชนกับเขา คนที่ทําให้เขารู้สึกถึงความตื่นเต้นท้าทาย คนที่มอง เขาอย่างคนธรรมดาคนหนึ่ง...ไม่ใช่ลูกชายคนโตของเจ้าพ่อผู้ทรง อิทธิพล ...เขาขอแค่มีคนคนนั้น แค่เพียงคนเดียวก็พอ...
“ก้องเกียรติ...ก้องเกียรติ สารวัตรก้องเกียรติ” เสียงผู้กํากับเรียกสารวัตรก้องเกียรติ เมื่อเห็นสารวัตรหนุ่มนั่งเงียบไปนาน
“ครับ...ท่านว่าอะไรหรือครับ”
“ผมว่าคุณไม่ต้องห่วงสาวสวยของเราหรอก” ผู้กํากับตอบ เหมือนกับเดาความคิดของลูกน้องตัวเองได้
“หมายความว่าไง มีการเปลี่ยนแปลงแผนการอะไรหรือเปล่า... ครับ”
“ผมก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรมากหรอก แต่ที่แน่ ๆ ผมให้อํานาจการตัดสินใจกับหมวดไปแล้วเรียบร้อย ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก สาวสวยของเรารู้ว่าจะต้องทําอะไรต่อไป...อย่าลืมสิเห็นหงิม ๆ อย่างนั้น แต่ของเราก็ร้ายใส่ย่อยเหมือนกัน”
“ผมก็หวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย...ไม่มีความยุ่งยากตามมาทีหลัง” สารวัตรก้องเกียรติกล่าวก่อนจะขอตัวออกจากห้องนั้นไป เขาได้หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่ตกลงกันไว้ จะไม่มีเรื่องให้ต้องเสียใจกันทีหลัง เพราะจากที่เห็นวันนี้ ลูกน้องของเขาแปลกไปจากเดิม เขากลัวว่าหล่อนจะเผลอมีใจให้กับเจ้าพ่อหนุ่ม
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง งานนี้มีหวังต้องมีใครคนใดคนหนึ่งต้องเสียใจ เป็นแน่ ยิ่งผู้หญิงอีกคนที่เขาพบวันนี้ ท่าทางเอาเรื่องอยู่ไม่ใช่น้อย ไม่รู้ว่าลูกน้องของเขาจะรับมือไหวหรือเปล่า
เขมชาติที่กึ่งลากกึ่งจูงพริมโรสออกมาจากห้องทํางานของ ตัวเองนั้นอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าพริมโรสเป็นใครกันแน่ จาก ประสบการณ์ที่คลุกคลีมาทางด้านนี้ เขาสามารถบอกได้ทันทีว่า การปัดปืนของหญิงสาวนั้นเป็นการกระทําของมืออาชีพ เป็นฝีมือ ของคนที่ถูกฝึกมาอย่างดี เขาได้แต่เก็บความสงสัยไว้ภายในใจ ถึงจะถามคุณนายระเบียบตอนนี้คงจะไม่ได้เรื่องอะไรอยู่ดี สู้คอยตะล่อมถามทีละนิดดีกว่า และเขาต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใครกันแน่ แต่ไม่ว่าพริมโรสจะเป็นใคร มาจากไหน เขาตั้งใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยผู้หญิงคนนี้ให้หลุดมือไป อย่างเด็ดขาด
ดูจากสีหน้าบอกบุญไม่รับ ดวงตาที่มีแววครุ่นคิด เขาว่าตอนนี้เธอคงยังไม่รู้ตัวไปด้วยซํ้าว่าเขากําลังจะพาไปไหน
“พริมคุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม” เขมชาติถามขึ้นอย่างเอาใจ เมื่อทั้งคู่ออกมายืนรอรถที่หน้าบริษัท แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้การตอบรับเท่าที่ควร เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้จิตใจของเธอล่องลอยไปอยู่ตรงไหน
“นี่คุณป้าระเบียบ” เรียกด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม
“โอ๊ย...ตาบ้า ตกใจหมดเลย เรียกอยู่ได้” ว่าพลางสะบัดแขนออกจากมือใหญ่ของเขมชาติ
“ก็ผมเรียกคุณตั้งหลายครั้งแล้วแต่คุณไม่ตอบ ผมเลยต้องเรียกเสียงดังเพราะเขาบอกมาว่า...คนแก่มักจะหูตึง”
...ผลัวะ...
ได้ผล...การเรียกร้องความสนใจจากผู้หญิงวิธีนี้ได้ผล เพราะฝ่ามืออรหันต์ของคุณนายระเบียบฟาดลงบนต้นแขนทันทีที่จบประโยค
“โอ๊ย!!!” เขมชาติร้องออกอยู่คําเดียวเมื่อต้องเจอกับสายตาดุ ๆ ที่มองมาอย่างคาดโทษ เขาได้แต่คลําแขนตัวเองป้อย ๆ ปากก็บ่นขมุบขมิบ แถมยังส่งสายตาแบบงอน ๆ มาให้อีก แต่เจ้าของฝ่ามือนั้นกลับเท้าสะเอวมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
เกิดมาเขาก็เพิ่งเคยเจอ ผู้หญิงที่พร้อมจะมีเรื่องได้ทุกเวลาอย่าง พริมโรสเป็นครั้งแรก ยิ่งท่าทีที่ไม่กลัวใครหน้าไหนของเธอด้วยแล้วยิ่งทําให้เขาถูกใจ
‘พ่อจะปราบเสียให้เข็ด...’
“ไม่เอาน่า...ผมแค่แหย่หน่อยเดียวเอง”
เขมชาติพูดขณะโอบร่างบางให้เดินไปที่รถ ซึ่งขณะนี้พนักงานได้เลื่อนมาจอดพร้อมกับเปิดประตูให้ เขาดันพริมโรสให้เข้าไปในรถก่อนที่จะวิ่งอ้อมไปประจําที่คนขับ แล้วขับรถออกไปจากบริเวณนั้น ทิ้งให้สายตาของพนักงานหลายคู่ที่แอบมองอยู่ มองตามด้วยความสงสัยและอยากรู้