ตอนที่ 19
ทางด้านเจนจิราที่เพิ่งเข้ามาทํางานใหม่ยังไม่ได้รู้จักคุณวิภาดาดีเท่ากับรุ่นพี่ทั้งสาม เธอจึงไม่ได้กลุ้มใจเรื่องนี้ แต่เรื่องที่ทําให้เธอ หนักใจกลับเป็นเรื่องของพริมโรสแทน
ท่าทางที่ปัดปืนออกไปนั้นดูคล่องแคล่ว ว่องไวเหมือนคนที่ถูกฝึกมาจนชํานาญ ยิ่งแววตาตอนที่เห็นปืนครั้งแรก ไม่มีแววของความตระหนกตกใจเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับคนที่คุ้นเคยและอยู่กับปืนมาเป็นประจํา ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าสงสัย เธอจะบุ่มบ่ามทําอะไรโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีก่อนไม่ได้เสียแล้ว เห็นทีต้องคิดแผนใหม่ให้รอบคอบกว่าเดิม
เจนจิรารีบปลีกตัวออกมานอกห้อง ก่อนจะหาที่ลับตาคนแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือมากดหมายเลขที่คุ้นเคยออกไป พร้อมกับกรอกเสียงทันทีเมื่อปลายทางรับสาย
“เห็นทีเราต้องเปลี่ยนแผนใหม่แล้วค่ะเจ้านาย”
โดยทุกการกระทําของเธอนั้น เจนจิราไม่รู้ตัวเลยว่าถูกชงคมจับตามองอยู่ เพราะเขารู้สึกสนใจผู้หญิงคนนี้เป็นพิเศษ ตั้งแต่วันแรกที่เจนจิราเข้ามาทํางานที่นี่
ชงคมถือว่าเป็นหน้าที่ของเขาโดยเฉพาะที่จะต้องดูแลความปลอดภัยให้กับเขมชาติ เขาจึงสืบประวัติพนักงานทุกคนที่มีโอกาสได้เข้ามาทํางานใกล้ชิดกับเจ้านายให้ละเอียดกว่าพนักงานคนอื่น และเจนจิราก็เป็นหนึ่งในนั้น เป็นหนึ่งในคนที่มีประวัติน่าสนใจ แม้จะได้ข้อมูลประวัติส่วนตัวของหญิงสาวคนดังกล่าวจะตรงกับที่ทางบริษัทต้องการ แต่นั่นมันไม่ใช่ข้อมูลที่เขาได้มาจากการสืบประวัติด้วยตัวเอง หล่อนต้องการอะไร หรือทํางานให้ใครกันแน่ เป็นเรื่องที่เขาต้องหาสืบให้ได้
ทําไม...นักเรียนนอกอย่างหล่อน ต้องมาเป็นผู้ช่วยเลขา ทั้ง ๆ ที่ เรียนจบวิศวะฯคอมพิวเตอร์จากอเมริกามาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ตําแหน่งอื่นที่ดีกว่านี้ในบริษัทยังเปิดรับคนที่มีความสามารถอย่างหล่อนอยู่ แต่ทําไม...ต้องสมัครตําแหน่งผู้ช่วยเลขาของประธานกรรมการบริษัทด้วย ข้อนี้แหละที่ทําให้ชงคมจับตามองเจนจิราเป็นพิเศษ
สารวัตรก้องเกียรติกับลูกน้องที่เดินออกมาจากตัวตึก ถึงกลับปล่อยหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ที่พวกตนได้เห็น พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้เห็นอะไรดี ๆ อย่างนี้ ภาพเขมชาติอดีตลูกชายเจ้าพ่อใหญ่ถูกผู้หญิงกัดเป็นภาพที่ไม่ได้หาดูกันได้ง่าย ๆ
“สารวัตรครับ...สารวัตรว่า ตอนนี้จะมีการเปลี่ยนแผนไหมครับ”
“ไม่รู้สิจ่า...ผมว่างานนี้คงต้องรอถามเจ้าตัวก่อนว่าจะเอายังไง แต่ดูท่าคงเปลี่ยนแผนไปเรียบร้อยแล้วมั้ง เราอย่ารีบร้อนทําอะไรเลยต้องคอยฟังรายงานก่อน” สารวัตรหนุ่มตอบอย่างอารมณ์ดี ขณะขับรถกลับศูนย์บัญชาการ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าลูกน้องที่ถูกสั่งให้ตามประกบกับเขมชาติจะทําอย่างไรต่อ แต่ดูท่าคงจะไม่ยอมถอยง่าย ๆ แน่นอน เพราะเขารู้จักลูกน้องดีว่า เธอเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ยิ่งฉายาจอมวางแผนที่ได้รับ เขาคิดว่าป่านนี้คงมีแผนสํารองไว้รองรับสถานการณ์ไม่คาดฝันเป็นสิบ ๆ แผนแน่ ๆ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า หนึ่งในแผนนั้นจะมีแผนรองรับเหตุการณ์เหมือนเมื่อสักครู่หรือเปล่า เขาคิดขณะเลื่อนรถเข้ามาจอดในบริเวณอาคารแห่งหนึ่ง
อาคารสีขาวสามชั้นที่ตั้งเยื้อง ๆ กับสถานีตํารวจแห่งหนึ่ง ดูจากบริเวณภายนอกแล้วไม่แตกต่างกับสํานักงานทั่ว ๆ ไป แต่ภายในตัวอาคารนี้ใครจะรู้ว่าเป็นศูนย์บัญชาการของหน่วยจู่โจมพิเศษและ หน่วยสืบราชการลับของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ
ระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่เข้มงวดเป็นพิเศษ เพราะงานของ หน่วยนี้ค่อนข้างเป็นความลับ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ทํางานอยู่ก็เป็น ตํารวจนอกเครื่องแบบ ถ้าเจอกันภายนอกแม้แต่ตํารวจด้วยกันเองก็ ไม่รู้ว่าเป็นคนของหน่วยนี้ เหตุผลก็เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเสี่ยงอยู่เสมอ
การจะเข้าออกตัวอาคารได้ต้องใช้บัตรประจําตัวเจ้าหน้าที่ รหัสผ่าน และลายนิ้วมือ ซึ่งบัตรกับรหัสผ่านจะเปลี่ยนทุก ๆ สามเดือน นอกจากนี้ยังติดกล้องวงจรปิดไว้ทั้งตัวอาคาร เรียกได้ว่าถ้าใครลักลอบเข้ามาได้ ต้องเป็นยอดฝีมือเลยทีเดียว
สารวัตรก้องเกียรติเข้าไปรายงานผลสรุปการประชุมให้ผู้กํากับรับทราบแล้ว เขาอดที่จะนึกถึงการประชุมเมื่อเดือนก่อนไม่ได้ การประชุมมอบหมายงานครั้งแรกก่อนที่จะลงมือปฏิบัติงานกันจริง ๆ ...หนึ่งเดือนก่อน...
ภายในห้องประชุมชั้นสาม เจ้าหน้าที่ทุกคนกําลังปรึกษากันอย่างเคร่งเครียดกับเรื่องที่ทางผู้ใหญ่ขอร้องมาให้หน่วยนี้ช่วยดูแลเป็นพิเศษ เพราะงานนี้เกี่ยวพันกับบริษัทของเจ้าพ่อนักธุรกิจส่งออก
“ผู้ใหญ่ต้องการให้เราจับตาดูเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่างานนี้เจ้าของบริษัทจะเป็นคนมาขอร้องให้ทางเราช่วยเหลือก็ตาม” เสียงผู้กํากับกล่าวยํ้ากับบรรดาลูกน้องหลังจากอธิบายงานคร่าว ๆ พร้อมทั้งส่งเอกสารให้แต่ละคนอ่านรายละเอียด
“คนระดับนั้นยังต้องการให้เราช่วยเหลืออีกหรือครับท่าน” เสียงสารวัตรถาม หลังจากก้มหน้าอ่านรายละเอียดที่ได้รับ
“ใช่...กลิ่นตุ ๆ มันมาจากข้างใน คนเก่าคนแก่ที่เปรียบเสมือนคนในครอบครัว ทางนั้นเลยจะให้เราจัดการเองโดยที่จะให้ความร่วมมือกับเราทุกอย่าง เพราะเขาต้องการจะทําธุรกิจอย่างใสสะอาด ไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนใช้อิทธิพลของเขาหาผลประโยชน์ใส่ตัวเอง” เสียงอธิบายงานยาวเหยียดของผู้กํากับทําให้หญิงสาวคนเดียวที่เป็นหนึ่งในหน่วยงานนี้ถามอย่างอดใจไว้ไม่ได้
“แล้วเราจะไว้ใจหมอนี่ได้แค่ไหนคะท่าน...ว่าหมอนี่จะไม่มีเจตนาอย่างอื่นแฝงอยู่”
“นั่นเป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องเข้าไปสืบ ส่วนคนอื่นผมจะแบ่งทีมไปสืบเรื่องอื่น เราจะเริ่มงานกันสิ้นเดือนนี้ ตอนนี้พวกคุณต้องศึกษารายละเอียดและวางแผนกันให้ดีก่อน เพราะงานนี้ไม่ง่ายเหมือนทุกครั้ง”
“อะไรนะ...ให้ไปสืบคนเดียวเนี้ยนะ” รู้สึกเจ้าตัวจะไม่พอใจกับงานที่ได้รับมอบหมายครั้งนี้เท่าไหร่
“ใช่...ไม่มีใครจะเหมาะสมกับงานนี้เท่ากับคุณอีกแล้ว” ผู้กํากับหยุดมองหน้าลูกน้องคนสวยตรงหน้าก่อนจะพูดต่อว่า
“หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์น่ะจะส่งลูกแกะเชื่อง ๆ ไปให้เชือดได้ไง...มันต้องนางจิ้งจอก ที่รู้เท่าทันกันสิถึงจะเอาอยู่”
“แต่...”
“ไม่มีแต่...งานนี้ไม่ได้อาศัยความสามารถของคุณเพียงอย่างเดียว เราต้องอาศัยอย่างอื่นในตัวคุณด้วย ที่พวกเราที่อยู่ในที่นี้ไม่มี”
“อะไรหรือครับ...ผมว่างานนี้ให้หมวดไปคนเดียวมันอันตรายเกินไป ถึงแม้ว่าหมวดจะมีความสามารถมากแค่ไหนก็ตาม แต่ทางนั้นยังไงก็มีอิทธิพลมากพอสมควรนะครับ” สารวัตรแย้งเพราะเป็นห่วงลูกน้องของตัวเอง
“แล้วมีใครในที่นี้ที่เป็นผู้หญิงบ้างล่ะ ผู้หญิงที่สวยพอที่จะเรียกร้องความสนใจจากเสือผู้หญิงได้” ผู้กํากับมองไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะหยุดตรงหญิงสาวเพียงคนเดียวที่เป็นหนึ่งในทีมนี้ ...เป็นทั้งหมาป่า เป็นทั้งเสือ แล้วเธอคนเดียวจะเอาตัวรอดได้ไง...
ดูเหมือนผู้กํากับจะอ่านความคิดของลูกน้องออก
“ไม่ต้องห่วง... ผมเชื่อว่าจิ้งจอกคงไม่ยอมถูกหมาป่าหรือเสือเขมือบได้ง่าย ๆ หรอก... เอาล่ะรายละเอียดงานของแต่ละคน อยู่ในแฟ้มตรงหน้าแล้ว ทําความเข้าใจให้ดีสิ้นเดือนนี้เราจะลงมือกัน” ผู้กํากับสั่งพร้อมกับปิดการประชุม
และคนที่เดินออกจากห้องประชุมเป็นคนแรกคงไม่พ้นหญิงสาวคน เดียวในทีมที่อารมณ์เจ้าตัวตอนนี้เดือดปุด ๆ เพราะงานที่เพิ่งได้รับ มอบหมายมาใหม่ ‘ให้ไปโดดตึกยังจะง่ายกว่า’ แต่จะให้ไปอ่อยผู้ชายนี่นะ...ฝันไป เถอะ
“ท่านครับ...จะดีหรือครับ” ทั้งรองผู้กํากับและสารวัตรต่างรอให้คนอื่นออกไปจากห้องประชุม ก่อนจะถามผู้กํากับอย่างเป็นห่วงผู้หญิงคนเดียวของหน่วย
“ไม่ต้องห่วงหรอกเขมชาติ...เป็นคนดี” ผู้กํากับมองหน้าลูกหน้าทั้งสองคนอย่างชั่งใจก่อนจะเล่าเรื่องบางให้คนทั้งคู่ฟัง
“ผมรู้จักคนคนนี้ดีตั้งแต่เด็ก จะว่าไปแล้วเขาก็เหมือนหลานชายคนนึงของผมซะด้วยซํ้า ส่วนหมวดก็เหมือนลูกสาวผม คุณคิดว่าผมจะส่งลูกสาวไปในที่ ๆ อันตรายหรือไง...คุณสองคนไม่ต้องห่วงหรอก บางทีงานนี้สาวสวยของเราอาจจะเจอคู่ของตัวเองซะทีก็ได้นะ”
“อย่าบอกนะครับ...ว่างานนี้ท่านกําลังจะทําตัวเป็นพ่อสื่อ” ท่านรองถามอย่างรู้ทัน
“ไม่รู้สิ” ตอบอย่างยิ้ม ๆ
“ท่านว่าหมวดเป็นจิ้งจอก แต่ท่านเองก็ร้ายใช่ย่อยเหมือนกัน” สารวัตรแซวหัวหน้า
ถึงแม้ว่างานที่ทําจะเคร่งเครียดขนาดไหน แต่ความสัมพันธ์ในหน่วยเป็นไปรูปแบบเป็นกันเองเหมือนคนในครอบครัวมากกว่าจะเป็นเจ้านายกับลูกน้อง ผู้กํากับหัวเราะเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี ...งานนี้สนุกแน่ อยากจะรู้เหมือนกันว่าระหว่างหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์กับจิ้งจอกจอมวางแผน ใครจะอยู่ใครจะไป