“แทนที่จะกลับไปฟ้องแม่ว่าพี่ชายทำเรื่องเลวๆ กับตัวเอง แต่นี่อะไรไม่อยากกลับบ้านซะงั้น” ชนาบ่นฟึดฟัดขณะที่กำลังบังคับรถให้ออกตัวไปอย่างช้าๆ
“หนูฟ้องไปมันก็ไม่มีประโยชน์นี่คะ หนำซ้ำหนูเองจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนผิด แม่เค้าคงอยากจะเอาหนูไปยกให้ไอ้เสี่ยแก่นั่นอยู่แล้ว มีหวังหนูได้เป็นเมียเค้าแน่ๆ เลย” ว่าอย่างเดียวไม่พอสาริศายังมีท่าทางลุกลี้ลุกลนจนชนาเริ่มแปลกใจ
เด็กสาวคนนี้เจออะไรมาบ้างเนี่ย แม้แต่แม่ยังไม่เข้าข้างเธอเลยเหรอ? แต่จะให้เขาทำอย่างไรได้ ในเมื่อถ้าหากพาผู้หญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะรึเปล่าเขาก็ยังไม่แน่ใจ แต่มันไม่สำคัญเท่ากับเขาเพิ่งรู้จักเธอได้ไม่ถึงชั่วโมง ถ้าหากจะให้ไว้ใจพากลับไปด้วยมีหวังคงโดนเด็กต้มเป็นแน่
“ถึงบ้านคุณแล้วเหรอคะ?” สาริศามองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความตื่นเต้น ทว่าพอมองดูดีๆ มันไม่น่าจะเป็นบ้านใครได้เพราะเหมือนจะเป็นท่ารถเสียมากกว่า
“ฉันไม่รู้นะว่าเธอต้องการอะไร แต่ที่ช่วยเพราะทนดูไม่ได้ อะนี่ เอาไปแล้วหาทางกลับบ้านซะ” ชนาว่าพร้อมกับวางแบงก์ห้าร้อยที่เพิ่งควักออกมาจากกระเป๋าสตางค์หมาดๆ ไว้ในมือเล็ก แต่อีกฝ่ายกลับทิ้งเงินไปต่อหน้าต่อตาทั้งที่เธอเองก็ทำงานกลางคืนเพื่อหามันมาด้วยความยากลำบาก
แทนที่จะคว้าเอาไว้ หรือว่าเท่านี้มันยังไม่พอ? ชนาคิดอย่างดูถูก
“ขอร้องนะคะ พาหนูไปด้วยเถอะค่ะ หนูยอมทำทุกอย่าง หนูขอแค่คุณพาหนูกลับไปด้วย หนูขอร้องจริงๆ” ความไร้เดียงสาบวกกับแววตาที่ดูเศร้าสร้อยช่างทำให้คนมองรู้สึกลำบากใจ ส่วนมือเล็กที่ถือวิสาสะเขย่าแขนแกร่งอยู่นั้นทำเอาชนารู้สึกใจอ่อนยวบอยู่ไม่น้อย
แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ถูกต้อง ชนาแกจะพาเด็กที่ยังไม่รู้จักหัวนอนปลายตีนกลับไปจริงๆ เหรอ? เมื่อคิดได้ดังนั้นจากใจที่กำลังอ่อนยวบก็กลายเป็นด้านชาอีกครั้ง
“เอ๊ะ! เธอนี่ยังไง ฉันบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้สิ”
พอสาริศาถูกตวาดใส่ร่างบางก็ตัวสั่นระริก เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตาขณะที่เอื้อมมือไปเปิดประตูรถออกไป “หนูจะรอคุณอยู่ตรงนี้นะคะ จะรอจนกว่าคุณจะมารับค่ะ”
“จะรอฉันทำไม เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นหรอกนะ” ชนายังคงพูดเสียงขุ่น
“หนูจะรอค่ะ คุณคือผู้มีพระคุณของหนู หนูจะรอให้คุณกลับมารับอยู่ตรงนี้” ว่าแล้วร่างบางก็มองเข้าไปในกระจกรถเพื่อมองใบหน้าคนขับ ก่อนที่มือเล็กจะหันกลับไปชี้ยังอาคารที่ทำขึ้นมาเพื่อรองรับผู้โดยสาร
“ตรงนี้นะคะ”
“ดื้อด้านจริงๆ เลยเธอ” ชนามองตาขวางใส่เด็กสาวที่ตื้อจนวินาทีสุดท้าย เจ้าหล่อนทำหน้าหงอยๆ แต่ก็ยังย้ำคำเดิม
“หนูจะรอค่ะ”
เพียงไม่นานรถยนต์ก็แล่นออกไป เหลือแต่รางบางที่ยืนกอดอกมองตามจนกระทั่งรถแล่นไปไกลเกินกว่าจะมองเห็น สาริศาหันหลังกลับด้วยความห่อเหี่ยวใจ สองขาเล็กที่เหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวันค่อยๆ ก้าวอย่างช้าๆ ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงตรงเก้าอี้สำหรับผู้โดยสาร
ในขณะที่สาริศานั่งรอคนขายตั๋วก็เดินเข้ามาถามไถ่ว่าเธอจะเดินทางไปที่ไหน ทว่าหญิงสาวก็เอาแต่ส่ายหน้าปฎิเสธเอาท่าเดียวและนั่งรอชนาอยู่อย่างนั้น หญิงสาวรอทั้งที่ความหวังนั้นริบหรี่เหลือเกิน แต่ถ้าจะให้กลับบ้านเธอขอยอมตายอยู่ตรงนี้เสียดีกว่า ถ้าหากกลับไปคงโดนพ่อเลี้ยงซ้อมอีกแน่ๆ
ท้องฟ้ามืดสนิทมีเพียงแสงจันทร์ที่สาดส่องพอให้ดวงตาหวานได้เห็นแสงสว่าง ส่วนดวงดาวนั้นมองไม่เห็นสักดวงเพราะไฟที่เปิดจนทั่วท้องถนนกลบแสงดาวจนหมดสิ้น แสงดาวที่ถูกบดบังก็คงไม่ต่างอะไรกับจิตใจของสาวน้อยวัยใกล้ยี่สิบคนนี้ อนาคตเธอจบอยู่ที่การหาเช้ากินค่ำไปวันๆ ฐานะทางบ้านจะว่ายากจนจนไม่มีเงินส่งเสียเธอเรียนก็ไม่ถูกเสียทั้งหมด แต่เพราะมารดานำไปปรนเปรอสามีกับลูกเลี้ยงที่ติดการพนันจนหมดสิ้น ตัวเธอจึงไร้ซึ่งที่พึ่งใดๆ นอกจากพึ่งตัวเอง และเฝ้าบอกกับตัวเองให้อดทนและอดทน
แต่มาวันนี้เธอจะไม่อดทนอีกแล้ว และจะไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจพ่อเลี้ยงกับพี่ชายปลอมๆ พวกนั้นอีก…
ด้านชนา ชายหนุ่มขับรถมาถึงบ้านของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้สติสตางค์จะไม่ครบถ้วนร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาก็ไม่อาจลืมว่าตนได้ทิ้งใครเอาไว้ที่ท่ารถ มือหนากำแบงค์ห้าร้อยในมืออย่างหลวมๆ เงินที่เด็กผู้หญิงคนนั้นปฏิเสธน้ำใจของเขาแถมยังพร่ำบอกว่าจะรออย่างไม่แม้แต่ฟังกันเลยสักนิดเดียว
ร่างสูงหยุดยืนอยู่ตรงกระจกบานใหญ่ภายในห้องนอนแล้วมองสภาพตัวเองอย่างอนาถใจ ชุดเพื่อนเจ้าบ่าวที่ถูกตัดเย็บมาอย่างประณีต ในตอนนี้มันกลับเต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งไปหมด
พอหายเข้าไปในห้องน้ำไม่นานร่างสูงก็เดินออกมาพร้อมกับกางเกงขาสั้นที่ใส่สบายเพียงตัวเดียว ส่วนท่อนบนนั้นเปลือยเปล่าเผยให้เห็นแผงอกแกร่งบวกกับกล้ามเนื้อที่ถูกโหมออกกำลังกายเป็นอย่างหนัก ผมกึ่งสั้นกึ่งยาวถูกมือหนาเสยไปข้างหลังอย่างลวกๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงใหญ่
สามปีแล้วสินะที่เขาใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้ มันไม่ได้เล็กจนน่าอึดอัด ทว่าไม่ได้ใหญ่โตอย่างบ้านที่เขาเคยอยู่ ถึงเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานจนชนาเกือบจะอายุย่างเข้าเลขสาม ทว่าความหล่อเหลาของชายหนุ่มกลับไม่ได้ลดทอนลงเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับคมเข้มขึ้นด้วยหนวดที่ถูกตัดแต่งทรงให้เข้าที่อย่างตั้งใจไม่เหลือคราบชายหนุ่มแสนหวานคนเก่าแม้แต่เศษเสี้ยว แม้ว่าใบหน้าของชนาจะเปลี่ยนไปยังไงแต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย นั่นก็คือแววตาที่ยังคงฉายแววเศร้าหมองไม่เสื่อมคลาย
ทุกอย่างมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย แม้แต่ภาพของเธอคนนั้นที่ไม่เคยจางหายไปเลยจากความทรงจำ...
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ชนาเพิ่งจะทิ้งตัวลงนอนไม่ถึงสามนาทีร่างสูงก็ต้องลุกขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออยู่ๆ ก็มีคนมาขัดจังหวะในการพักผ่อน และเสียงเคาะประตูนั้นไม่ใช่เสียงจากประตูหน้าบ้านแต่อย่างใด แต่เป็นเสียงจากประตูห้องนอนของเขาเอง
“เฮ้อ!” ถึงชายหนุ่มจะถอนหายใจยังไงแต่เจ้าของบ้านก็ต้องไปเปิดมันอยู่ดี เพราะชนารู้ดีว่าเสียงเคาะประตูนั้นมันมาจากใคร และเจ้าตัวรู้ดีว่าการมาเคาะประตูในยามดึกดื่นเช่นนี้มันสื่อถึงอะไร
“มาทำไมดึกขนาดนี้...”
เสียงของชนาถูกกลืนเข้าไปในลำคอ หญิงสาวผู้มาใหม่ฉกฉวยริมฝีปากหนาพลางบดคลึงและดูดเสียงดังจ๊วบจ๊าบราวกับหิวกระหาย หุ่นทรงนาฬิกาทรายของเพื่อนร่วมงานวัยสามสิบถูกมือหนารั้งเข้ามาแนบชิด เหมือนไฟเจอน้ำมัน เพียงไม่กี่วินาทีมันก็ต่อกันติดและไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ