ตอนที่ 2 ฤทธิ์สุรา

1598 Words
สตรีเจ้าของร่างอรชรเดินออกมาจากงานเลี้ยงฉลองด้วยสภาพมึนเมา หลังจากถูกเหล่าทหารมอบคำขอบคุณด้วยสุรานับร้อยจอก แม้ว่านางจะคุ้นชินกับรสชาติบาดคอของมันแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะต้านทานฤทธิ์มึนเมาของมันได้ไหว เคยได้ยินว่าสุรานี้ถูกหมักนานถึงสองปีนับตั้งแต่เริ่มทำสงคราม เพื่อจะได้นำมาใช้ดื่มฉลองในวันนี้ คงเพราะไม่มีใครคิดว่าอาณาจักรโจวเสียนจะแพ้สงครามเลยสักคน และทุกคนต่างมั่นใจว่าท่านแม่ทัพจ้าวหลี่จวินจะต้องนำชัยชนะมาให้อย่างแน่นอน ช่างเป็นความเชื่อมั่นอันแสนตรึงใจเหลือเกิน ทว่านางก็มีความคิดไม่แตกต่างจากพวกเขาเช่นกัน “เฮ้อ... ” หวังอี้หยางถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเดินมาถึงสวนท้ายสระของวังหลวง สถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรแห่งความรักของฮ่องเต้ที่มีต่อฮองเฮา เชื่อกันว่าหากผู้ใดมาขอพรกับสระน้ำแห่งนี้ในคืนจันทร์เต็มดวง ความรักของพวกเขาจะสมหวังอย่างแน่นอน ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนก้มมองดูภาพดวงจันทร์เต็มดวงที่สะท้อนผ่านผิวน้ำด้วยความรู้สึกหดหู่ เมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่ฮ่องเต้จะประกาศพระราชทานสมรสแก่ท่านแม่ทัพ ขอบตาก็ร้อนผ่าวขึ้นทันที เวลานี้หัวใจของนางราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบจนแทบแหลกสลาย ทั้งอึดอัดและทรมานจนอยากจะตายเสียตรงนี้ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยแอบรักใครมาก่อน ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าการมอบหัวใจให้ใครสักคนจะต้องเจ็บปวดเช่นนี้ ให้นางอยู่อย่างไร้ความรู้สึกเสียยังดีกว่า แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมาทำให้นางมีความสุขเหลือเกิน ใบหน้างามเงยขึ้นมองท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยดวงดาวเปล่งแสงพร่างพราวระยิบระยับท่ามกลางความมืด ในขณะที่แสงจันทร์กลับส่องแสงผ่านม่านเมฆลงมาอย่างนุ่มนวล ราวกับต้องการโอบอุ้มและปลอบประโลมนางจากความเจ็บปวดในครั้งนี้ ริมฝีปากบางสีสดยกยิ้มขึ้น ทว่าในดวงตากลับเต็มไปด้วยความขมขื่น มือเล็กที่หิ้วขวดสุรามาด้วยยกขึ้นฟ้าอย่างยอมจำนน “แด่ความรักอันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด” เสียงหวานปลอบใจตัวเองเบาๆ จากนั้นจึงยกขวดสุราขึ้นดื่มอึกใหญ่ แล้วทิ้งตัวพิงกับต้นไม้ข้างสระบัวอย่างหมดเรี่ยวแรง ทว่าดวงตากลมกลับชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาเพราะฤทธิ์สุราที่ทำให้นางไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ “ฮึก... จ้าวหลี่จวิน... ข้าเกลียดท่าน... ” “เหตุใดเจ้าถึงเกลียดข้า” หวังอี้หยางเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่นางรู้จักและคุ้นเคยดี หญิงสาวหมุนตัวหันกลับไปมองอย่างกะทันหัน ทว่าไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ดังเช่นปกติ จึงทำให้นางเสียหลัก “อ๊ะ!” จ้าวหลี่จวินตกใจรีบวิ่งเข้าไปคว้ามือของหญิงสาวเอาไว้ทันที จากนั้นจึงออกแรงดึงร่างเล็กกว่าเข้าหาตัวจนใบหน้างามแทบชิดกับแผงอกกว้างของเขา เจ้าของใบหน้ารูปสลักถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้ว ก่อนจะดุคนเมาที่ประมาทจนเกือบสร้างตำนานใหม่ให้สระบัวแห่งนี้ “น้ำในสระเย็นเยียบเสียยิ่งกว่าน้ำแข็ง เจ้าอยากแช่แข็งตัวเองหรืออย่างไร” หวังอี้หยางส่ายศีรษะเบาๆ ทว่าน้ำเสียงเย็นชาของเขากลับทำให้นางอยากจะร้องไห้ยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองเจ้าของนัยน์ตาดุอย่างเกรงกลัว ก่อนปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาเพราะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าเวลาฤทธิ์สุราจะทำให้นางอ่อนไหวง่ายถึงเช่นนี้ “ฮึก... ไม่... เจ้าค่ะ” หวังอี้หยางพยายามกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นของตนเอาไว้ แต่เมื่อเห็นสายตาของจ้าวหลี่จวินอ่อนโยนลง กลับเป็นนางที่ต้องหลั่งน้ำตาอีกครั้ง ไม่รักนางไม่ว่า แต่อย่ามามองกันด้วยสายตาเช่นนี้ได้หรือไม่ นางเจ็บจนจะตายอยู่แล้ว “เหตุใดเจ้าจึงร้องไห้อีก เพราะถูกคนที่เกลียดเช่นข้าช่วยเอาไว้อย่างนั้นหรือ” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากแฝงด้วยอารมณ์ราวตัดพ้อ ในใจของตนเหมือนมีของแหลมคมจิ้มจนรู้สึกรำคาญ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นผู้ใดร้องไห้ต่อหน้ามาก่อน แต่กับสตรีผู้นี้เท่านั้นให้ความรู้สึกแตกต่างออกไป น้ำตาของนางไม่ได้ทำให้เขารู้สึกรำคาญ เพราะรู้ว่านางเข้มแข็งเพียงใดในสนามรบ ต่อให้ไม่อาจช่วยชีวิตทหารได้ นางก็ไม่เคยร้องไห้ราวกับจะตายเช่นนี้เลยสักครั้ง ดังนั้นในเวลานี้เขาจึงสงสัยมากกว่าว่าเหตุใดนางจึงร้องไห้ หญิงสาวพยายามขยับถอยห่างทว่ากลับถูกท่อนแขนแกร่งรวบกอดเอวของตนเอาไว้ “ท่านแม่ทัพ!” นางร้องออกมาอย่างตกใจ แต่เมื่อใบหน้ารูปสลักเคลื่อนเข้ามาใกล้กลับทำให้หัวใจของนางเต้นแรงมากกว่าเดิม ราวกับว่าสุราที่ดื่มเข้าไปเมื่อครู่ได้ออกฤทธิ์อีกครั้ง “เจ้ายังไม่ได้ตอบข้า ข้าไปทำสิ่งใดกัน เจ้าถึงเกลียดข้าจนร้องไห้เช่นนี้” จ้าวหลี่จวินเอ่ยถามอีกครั้ง ดวงตาคมเรียวเล็กมองนิ่งอย่างคาดหวังในคำตอบ หวังอี้หยางรู้สึกเหมือนกำลังถูกไล่ต้อน ไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ไร้ทางออกเช่นนี้ แล้วจะให้นางตอบเช่นไรว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นไม่ใช่ความจริง ในขณะที่กำลังครุ่นคิดหาทางออก หญิงสาวจึงเผลอกัดริมฝีปากล่างของตนเองอย่างไม่รู้ตัว หลงลืมไปว่าในเวลานี้นางกำลังอยู่ในอ้อมกอดของใคร จ้าวหลี่จวินขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้านิ่งไป ดวงตาของนางกำลังสั่นไหวราวกับกำลังคิดหาคำตอบ ก่อนจะสังเกตเห็นว่านางกำลังขบกัดริมฝีปากของตนเองอยู่ เหมือนกับตอนที่นางกำลังเครียดเพื่อหาทางรักษาทหารในสงคราม “อย่ากัดปาก” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยพร้อมกับใช้นิ้วโป้งสัมผัสริมฝีปากของคนตรงหน้าเบาๆ ทว่าความนุ่มนิ่มจากริมฝีปากของนางราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่าง จนเผลอโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าใบหน้ารูปสลักกำลังโน้มเข้ามา ทั้งที่หัวใจเต้นแรงเพราะรู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นคือสิ่งใด แต่นางกลับไม่สามารถตอบรับสัมผัสนั้นได้ เพราะรู้ว่ามันเป็นแค่ความเผลอไผลชั่วครู่เพียงเท่านั้น จ้าวหลี่จวินชะงักหยุดการกระทำลงเมื่ออยู่ๆ หญิงสาวกลับหันใบหน้าหนี และทั้งที่นางปฏิเสธเขา แต่สายตาของนางที่มองมานั้นกลับไม่มีความรังเกียจเลยแม้แต่น้อย ทำให้รู้สึกสงสัยมากขึ้นกว่าเดิมจนอยากจะเค้นคำตอบให้หายข้องใจ “อย่าทำกับข้าเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ” เสียงหวานปนเศร้าเอ่ยขึ้น ในขณะที่ขอบตาของหญิงสาวเริ่มร้อนผ่าวอีกครั้ง ก่อนช้อนมองคนตรงหน้าอย่างอึดอัดและทรมาน จ้าวหลี่จวินเจ็บแปลบไปทั้งใจเมื่อแสงจันทร์ที่ส่องลงมานั้นทำให้เขามองเห็นสายตาของนางอย่างชัดเจน “เพราะเจ้าเกลียดข้าอย่างนั้นหรือ” หวังอี้หยางส่ายใบหน้าช้าๆ จากนั้นจึงขยับตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแกร่งและอบอุ่นนั้นอย่างเสียดาย ทว่านางถอยออกมาเพื่อเว้นระยะห่างก่อนที่ความรู้สึกของนางจะทำให้ทุกอย่างพังทลายลง “ข้าไม่ได้เกลียดท่านเลยเจ้าค่ะ... ” จ้าวหลี่จวินนิ่งไปเมื่อได้รับคำตอบ ทว่าสีหน้าของนางกลับทำให้เขาไม่อาจปล่อยวางได้ จึงก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้นางมากขึ้นเพื่อค้นหาความจริง การไล่ต้อนคนเมาไม่ใช่สิ่งที่บุรุษพึงกระทำต่อสตรี แต่จะมีคำตอบใดเล่าที่จริงใจเท่าเวลานี้ “หากเจ้าไม่ได้เกลียดข้า แล้วเหตุใดเจ้าจึงมองข้าด้วยสายตาเจ็บปวดเช่นนั้น” บุรุษหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและแผ่วเบา ก่อนยกมือขึ้นใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของนาง การกระทำของจ้าวหลี่จวินทำให้หัวใจอันบอบบางของหญิงสาวสั่นไหวอย่างรุนแรง ทั้งที่นางควรถอยห่างจากเขา ทว่าเรี่ยวแรงที่เคยมีนั้นกลับสวนทางกับความตั้งใจ นอกจากจะไม่ขัดขืนเท่าก่อนหน้านี้แล้ว ความอ่อนโยนจากสายตาของเขากลับทำให้นางไม่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ได้อีกต่อไป “ข้าไม่ได้เกลียดท่าน... ” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์สุราหรือความตั้งใจถึงทำให้นางหลุดปากเอ่ยตามความรู้สึกที่พรั่งพรู “ข้าแค่เกลียดความรู้สึกของข้า... ที่มีต่อท่าน... ” ทั้งที่ในหัวของนางเต็มไปด้วยความกังวล แต่ริมฝีปากกลับเอ่ยไปตามเสียงของหัวใจอย่างไม่อาจห้ามได้ และคิดเพียงแค่ว่าหากนางไม่ได้เอ่ยสารภาพออกไป คงต้องเสียใจไปตลอดชีวิต และต้องขอบคุณสุราร้อยจอกที่ทำให้นางมีความกล้าอย่างที่ไม่ควรมี “ความรู้สึกของเจ้า... อย่างนั้นหรือ” เสียงทุ้มพึมพำ พร้อมมองใบหน้าเจ้าของคำตอบนั้นอย่างตั้งใจ ใบหน้างามเงยขึ้นสบตากับคนตรงหน้า ริมฝีปากนุ่มนิ่มเผยอขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนเอ่ยคำต้องห้ามออกมาทั้งที่รู้ว่ามันอาจจะทำให้เขาห่างเหินนาง “ท่านแม่ทัพ... ข้ารักท่านเจ้าค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD