ตอนที่5.ไม่กลัวเหรอ

1523 Words
“แต่ก่อนอื่น...ดาวขอยืมเงินคุณไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ได้ไหมคะ เอ่อ...บวกเพิ่มกับที่เป็นหนี้ก็ได้ค่ะ” อลันพยักหน้าแล้วยื่นปากไปทางที่เขาวางกระเป๋าสตางค์ไว้ ดูเขาจะไม่ระวังอะไรเธอเลยสักนิด ดุลยาเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ส่งให้เขา อลันไม่รับแต่กลับให้เธอหยิบเงินในกระเป๋าออกไปใช้ได้เลย “จะดีหรือคะ” “ซื้อของใช้ที่จำเป็นต้องใช้ แล้วก็...หวังว่าผมคงไม่เห็นคุณใส่ชุดไทยเดินไปเดินมาหรอกนะ ผมหลอน” “ค่ะ” ดุลยากระแทกเสียง ใครจะไปรู้ว่าตัวเองจะถูกจับไปทั้งใส่ชุดนางรำแบบนั้น เอาเถอะ เธอหยิบแบงค์พันออกจากกระเป๋าเขาไปสองใบ ชูให้เขาดูเพื่อความสบายใจของตัวเองแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง ชุดชั้นในยังไม่แห้งสนิทแต่ก็ดีกว่าออกไปทั้งที่ข้างในไม่มีอะไรสักชิ้น เห็นทีว่านอกจากเสื้อผ้าแล้ว เธอยังต้องใช้ของใช้อีกหลายอย่าง คิดแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ ตกลงเธอจะได้ใช้หนี้สองแสนหรือหนี้จะงอกขึ้นกันแน่ .... ดุลยาแปลกใจที่ผู้ชายคนนั้นดูไม่ตื่นเต้นอะไรกับเรื่องของเธอนัก ราวกับเขาคุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้ เธอไม่มีอะไรติดตัวเลยนอกจากชุดนางรำนั้นแล้ว กระเป๋าสตางค์หรือโทรศัพท์มือถือก็หายไปด้วย คงต้องรอให้พ่อกลับมาแล้วถึงจะรู้ว่าเธอไม่ได้กลับบ้าน หรือบางที พ่ออาจไม่ได้สนใจลูกสาวคนนี้แล้วก็ได้ หญิงสาวคิดอย่างเหงาๆ ซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเองสองสามชุด ไม่รู้ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยหาใหม่ก็ได้ ดูท่าทางเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเหมือนเธอเลยสักนิด  เขาไม่กลัวว่าเธอจะหนีด้วยซ้ำ ปล่อยให้เธอไปซื้อของใช้ตามลำพัง ซึ่งก็ไม่ไกลจากรีสอร์ทที่พักอยู่นัก  เธอเดินกลับมาพร้อมถุงเสื้อผ้าและของใช้ เคาะประตูบอกเขาแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ลองบิดลูกบิดประตูดูก็พบว่ามันไม่ได้ล็อก เธอจึงเข้าไปโดยง่าย “คุณอลันคะ” หญิงสาวกวาดสายตามองหา แต่ไม่ได้คำตอบรับก็อดเป็นกังวลไม่ได้ ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะกังวลไปทำไม เพราะถ้าเขาหายไป  เธอก็เป็นอิสระไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สองแสนอะไรนั้น  แต่เมื่อเดินเข้ามาในห้องครัวขนาดเล็ก กลับเห็นเขานั่งเปลือยอกอยู่ เธอตกใจจนสะดุ้ง แต่ที่ตกใจกว่าคือเห็นแผลทั้งเก่าใหม่หลายแผล ซ้ำมีแผลที่มีเลือดซึมออกมา ดูเหมือนเขาพยายามทำแผลให้ตัวเองอยู่ “มีอะไร” “เอ่อ...”  เธอเห็นเขามองอย่างไม่สนใจนัก ทำให้ตัวเองสงบใจลงได้ ดุลยาวางถุงข้าวของถุงของที่ซื้อมาแล้วเดินเข้าไปหา เธอยื่นมือไปหยิบสำลีและเทน้ำเกลือล้างแผลเช็ดรอยแผลที่เลือดซึมออกมา “ไม่กลัวเหรอ” “อะไรคะ” “ผู้หญิงเห็นเลือดก็มีแต่ร้องวี๊ดๆ น่ารำคาญ” อลันบ่นแต่ก็ยอมให้ดุลยาทำแผลที่หัวไหล่ให้ มันเป็นแผลที่ถูกกระสุนถากจากการถูกลอบฆ่าครั้งล่าสุด คนอย่างอลัน หยาง ไม่เคยต้องหลบหนีอย่างนี้ แต่เพราะเหตุครั้งนี้เรื่องไม่เล็กอย่างที่คิด เขาจึงจำเป็นต้องหลบซ่อนตัว ดุลยาอยากรู้แต่ไม่กล้าถาม หากเขาไม่อยากพูด เธอก็ไม่ควรพูดด้วยเรื่องปิดปากทำไม่เป็นไม่รู้ไม่เห็นมันก็เรื่องถนัดเรื่องหนึ่งของเธอเลยล่ะ     แผลที่หัวไหล่ซ้ายของเขามีรอยเย็บและเป็นแผลที่ค่อนข้างใหม่ เธอช่วยล้างแผลใส่ยาฆ่าเชื้อเสร็จแล้วก็ปิดด้วยผ้าปิดแผล   เพราะยืนอยู่ด้านหลังเลยไม่รู้ว่าเขามีสีหน้าอย่างไร แต่ไม่ได้ยินเสียงร้องอะไรก็แสดงว่าเขาไม่ได้เจ็บมาก  ทำแผลให้แล้วก็อดสำรวจแผลอื่นของเขาไม่ได้ ผู้ชายคนนี้เป็นนักสะสมแผลเป็นหรืออย่างไรกัน เขาเป็นนักเลงหัวไม้ หรือพวกมาเฟีย ยากูซ่าอะไรพวกนั้นนะเหรอ แต่เห็นเขาใช้จ่ายเงินซื้อตัวเธอมาสองแสนเหมือนเป็นแค่เศษเงินแล้วก็... เขาคงเป็นคนมีเงินมีฐานะคนหนึ่งเลยทีเดียว “เรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าไม่ขยับตัวแรงไปแผลคงไม่เปิดอีก” “คงเปิดตอนอุ้มคุณมานั้นแหละ”   ดุลยาอ้าปากค้าง เห็นสีหน้าจริงจังของเขาแล้วก็เบ้ปากกลอกตามองเพดาน “นี่เพราะฉันหรือคะ” “เปล่า” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “คุณแค่มีส่วนร่วม” ดุลยาทำแก้มป่องแบบไม่พอใจเล็กน้อย แต่เขากลับหัวเราะอารมณ์ดี เจอผู้หญิงไม่ส่งเสียงกรี๊ดๆเวลาเจอเลือดแล้วก็สบายใจ แรกทีเดียวตั้งใจจะทำแผลให้ตัวเองก่อนเธอกลับมา แต่เพราะทำเองไม่ถนัดเลยช้ากว่าที่คิด พอดีที่ดุลยากลับมาพบเข้าเลยทำให้อะไรที่ยุ่งยากกลับง่ายขึ้น “ได้ของที่ต้องการครบแล้วใช่ไหม” “ค่ะ” “พัทยานี่นักท่องเที่ยวเยอะ เราคงแฝงตัวอยู่กับพวกเขาได้กลมกลืน” “เอ่อ เราไม่ได้ทำอะไรผิดกฏหมายใช่ไหมคะ”   “หือ? ไม่รู้ซิ” เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มองดูเธอเก็บกล่องยาและเดินไปล้างมือ ร่างบางชะงักแล้วหันมามองเขาอย่างสับสน ดุลยาได้แต่ถอนหายใจเบาๆ  แค่เรื่องที่เธอถูกจับไปประมูลเหมือนสินค้าก็ผิดกฏหมายอยู่แล้ว นับจากนี้ไปยี่สิบวันเธอคงต้องเจออะไรอีกมากกว่าที่ตัวเองจะรู้  อลันหยิบเสื้อเชิ้ตที่พาดพนักเก้าอี้มาสวม เธอเห็นว่าเขาใส่เสื้อลำบากจึงช่วยใส่ให้พร้อมติดกระดุมเสื้อด้านหน้าให้อย่างเรียบร้อย “เหมือนจะถนัดกับเรื่องแบบนี้นะ” “ก็แล้วแต่จะคิดเถอะค่ะ” เธอเริ่มขี้เกียจจะต่อปากต่อคำกับเขาแล้ว “พักผ่อนซะ ผมจะไปเดินเล่นแถวนี้ ถ้าหิวก็หาอะไรกินเอาเอง” “ค่ะ” ดุลยาพยักหน้ารับอย่างงุนงง “ทำไมเหรอ อยากตามไปด้วยหรือไง” “เปล่าคะ คุณไม่กลัวฉันหนีหนี้คุณเหรอ” “ถ้าคุณหนี คงไปตั้งแต่ออกไปซื้อของใช้แล้วล่ะ และถ้าคุณไปแจ้งความ ผมก็คงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้หรอก” นั้นซิ ทำไมเธอไม่คิดอะไรแบบนี้ คิดง่ายเกินไปว่าเป็นหนี้เขาแล้วก็ต้องทำงานใช้หนี้ หนีไปตั้งแต่เมื่อกี้เขาก็คงไม่รู้หรอก ดุลยาเพียงพยักหน้ารับ แล้วเธอก็ประหลาดใจเมื่อเขายื่นมือมาแตะศีรษะของเธอ จะเรียกว่าลูบผมปลอบโยนก็ไม่ได้ หรือจะตบหัวมันก็ไม่ใช่ ท่าทางประหลาดนี้แม้แต่อลันเองยังแปลกใจ เขากำลังทำอะไร เอ็นดูหรือสงสาร หรือเห็นเธอเหมือนสัตว์เลี้ยงที่ต้องดูแล  คงจะเป็นอย่างหลังมากกว่า เพราะคนอย่างเขาไม่ใช่คนจิตใจดีขนาดนั้น “ผมไปไม่นานหรอก ล็อกประตูดีๆ ผมมีกุญแจสำรองแล้ว” “ค่ะ” อลันหยิบแว่นตากันแดดมาสวมด้วยความเคยชิน แม้นาฬิกาจะบ่ายสี่โมงแล้วก็ตาม เขาเดินออกมาแต่ก็อดเหลียวมองไปด้านหลังไม่ได้ นี่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดผิดหรือถูกที่ให้ดุลยาพักอยู่ด้วยกัน อาจพอช่วยกลบเกลื่อนไม่ให้เขามีพิรุจได้บ้าง พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวก็จริง แต่เป็นที่หลบซ่อนได้ดีนัก ครั้งนี้เขาบาดเจ็บหลบมาพักรักษาตัวและสืบเรื่องที่ถูกลอบทำร้าย แรกทีเดียวนึกว่าดุลยาได้เงินแล้วจะหนีไป ไม่นึกว่าเธอจะกลับมาอีก ซ้ำยังช่วยทำแผลให้ ท่าทางยี่สิบวันนี้คงสนุกไม่ใช่เล่น ชายหนุ่มเดินมาที่บาร์เหล้า ยังไม่ถึงเวลาเปิดร้านแต่เพราะรู้จักกับเจ้าของร้านเขาจึงเดินเข้าไปด้านหลังได้ “ร้านยังไม่เปิดครับ” “มาหาพ่อครัว”  “เอ่อ”  “ไมเคิลอยู่มั้ย?”   อลันพูดชื่อออกไป “อ้อ! อยู่ครับ” เด็กเสิร์ฟทำหน้างงๆ แต่ก็พาไปทางครัว แม้เห็นด้านหลังอลันก็จำได้แม่นยำ จะมีพ่อครัวสักกี่ครั้งที่สักเต็มท่อนแขนทั้งสองข้าง แถมยังไว้ผมยาวอีกต่างหาก หากไม่มีผ้ากันเปื้อนสีชมพูหวานแหววนั้นละก็.. “ใครมาวะ ยังไม่ได้เวลาเปิดครัวเลย” “ก็ไม่ได้มากินข้าว แต่มาหาคนทำกับข้าว” “อ้าว! อลัน มาเมืองไทยเมื่อไหร่เนี้ย” “แน่ใจหรือว่าไม่รู้ว่าผมมาถึงเมื่อไหร่” เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจ พ่อครัวทิ้งมีดแล้วหมุนตัวเดินมาตบไหล่หนุ่มเลือดมังกร  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD