“ฉันถามว่าร้องไห้ทำไมเธอไม่ได้ยินเหรอเฟื่องลดา! น่าเบื่อ! อย่าทำตัวน่ารำคาญไปมากกว่านี้ได้ไหม” เสียงตะคอกของรณภพดังกึงก้องไปทั้งห้องนอน “ฉันไม่ได้โง่เหมือนไอ้รันนะที่จะหลงสงสาร ผู้หญิงอย่างเธอร้องไห้ให้ตายฉันก็ไม่สนใจหรอก ถ้าไม่อยากเสียใจไม่อยากทนฟังฉันด่าทุกวันก็เก็บของออกไปจากบ้านหลังนี้เลยสิ! แต่น่าเห็นใจนะเพราะไม่มีที่ไปถึงเกาะแน่นหนึบอาศัยใบบุญของลูก ทนอยู่ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าถูกคนทั้งบ้านเกลียด”
“เฟื่องขออาศัยอยู่กับลูกช่วงที่แกยังเล็กแค่นี้เอง ทำไมคุณภพ… ต้องด่าเฟื่องทุกวันด้วยคะ ฮึก… รอให้ลูกโตกว่านี้เฟื่องก็จะไปแล้ว ถ้าเกลียดเฟื่องนักเราต่างคนต่างอยู่ก็ได้”
“ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน เพราะฉันเองก็ไม่ได้อยากเห็นหน้าเธอสักเท่าไหร่!” ปลายคางหล่อนแดงเป็นรอยมือชัดมาก รณภพก้าวถอยหลังไปหลายก้าวเพื่อจะได้อยู่ห่างจากผู้หญิงที่ตัวเองประกาศว่าเกลียด
“ฉันจะให้คนยกข้าวขึ้นมาให้ ดูแลลูกอยู่ในนี้ไม่ต้องวิ่งลงไปตีหน้าเศร้าให้ไอ้รันสงสารอีก อ้อ! คืนนี้ฉันจะออกไปเที่ยวกลางคืน หวังว่าเธอคงจะนอนหลับฝันดีนะเพราะคืนนี้ฉันคงนอนหลับสบายมากๆ”
รอยยิ้มของเขาร้ายกาจแม้แต่เด็กวัยมัธยมยังรู้เลยว่าคืนนี้เขาจะทำให้ตัวเอง ‘ผ่อนคลาย’ แบบไหน
เฟื่องลดาเบือนใบหน้าเปื้อนน้ำตามองไปทางอื่น เขาจะนอนกับใครหรือรักกับใครก็ไม่ใช่เรื่องที่หล่อนจะออกความคิดเห็นได้ เฟื่องลดาเสียใจมากรีบยกมือขึ้นโอบกอดตัวเองไม่ต้องการให้ร่างกายสั่นเทิ้มหนักไปมากกว่านี้ เขาเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูกลับลงที่เดิม
แล้วมันก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เฟื่องลดาระลึกได้ว่าตนเองไม่ควรอาศัยอยู่บ้านหลังนี้ ในช่วงเวลาแสนเปราะบางที่เฟื่องลดารู้สึกอ้างว้างยังมีความโชคดีอยู่บ้างคือมีสายเรียกเข้าจากเพื่อนรัก อาทิตยาโทรมาส่งข่าวว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเข้าพิธีมงคลสมรสกับหนุ่มเจ้าของไร่ส้ม เฟื่องลดาแสดงความยินดีกับเพื่อนก่อนจะวางสายแล้วมานั่งเศร้า คิดมากว่าหากรณภพรู้เรื่องนี้เข้าจะเสียใจหรือเปล่า
หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง ประมุขของบ้านเพิ่งจะเดินทางกลับจากยุโรป เจ้าสัวบินไปทำงานดูแลทีมฟุตบอลในประเทศอังกฤษที่ท่านเป็นเจ้าของ และถือโอกาสนั้นพักผ่อน เดินทางไปเยี่ยมญาติสูดอากาศจากหัวเมืองหลักในยุโรป สุขภาพของท่านพักนี้ไม่สู้ดีเท่าไหร่ทำงานได้ไม่เต็มร้อยเหมือนสมัยเก่า ท่านพยายามดูแลสุขภาพอยากยื้อเวลารอจนกระทั่งลูกชายพร้อมขึ้นมาเป็นผู้บริหารถึงจะวางมือ แต่ก็กลัวว่าจะไม่ทันเพราะร่างกายท่านตอนนี้ทรุดโทรมมาก จบทริปถึงเวลาเปิดกรุของฝากมีซื้อมาให้ญาติๆ แล้วก็คนรับใช้ในบ้าน ตอนนี้มีสาวใช้ แม่บ้าน คนสวน ต่างมานั่งรอรับของฝากกันถ้วนหน้า ส่วนใหญ่ของฝากจะเป็นเสื้อผ้าน้ำหอมธรรมดา ถึงจะอย่างนั้นเหล่าคนรับใช้ในบ้านต่างก็ดีใจที่ได้รับจากท่านมากอยู่ดี
“เอาไปเปิดดูนะว่าชอบกันไหม ฉันจัดให้เป็นเซ็ตข้างในมีเสื้อมีของใช้กับขนมเล็กๆ น้อยๆ” ท่านแจกจ่ายให้เป็นถุงขนาดกลางถือว่าของฝากไม่ได้ขี้เหร่เลย เสร็จจากแจกคนใช้ก็มาถึงคิวลูกชายตัวเองของตาภพเป็นสูทแอร์เมสแบรนด์โปรด
“โอ้โห ซื้อของแบรนด์เนมมาเยอะขนาดนี้โดนภาษีไปเท่าไหร่เนี่ยครับ ได้สำแดงไหม”
“ระดับคุณนายแขไขจะหนีภาษีได้ยังไงก็ต้องสำแดงหมดสิจ๊ะ”
คนในบ้านต่างคุยแจจอดูของในถุงไม่มีใครสนใจเสิร์ฟน้ำให้เจ้าบ้านเลย หน้าที่นั้นจึงตกเป็นของเฟื่องลดา หล่อนรินน้ำส้มคั้นสดมาเสิร์ฟวางให้เจ้าของบ้านทั้งสามคน เสิร์ฟเสร็จก็จะคลานเข่าออกไปทันทีทว่าท่านเจ้าสัวเรียกไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวก่อนสิเฟื่อง ของหนูก็มีนะวางของไว้ก่อน มานั่งตรงนี้”
“ใช่ ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบอะไรก็เลยซื้อน้ำหอมกับครีมบำรุงผิวมาฝาก”
รณภพหัวเราะในลำคอ “ผมว่าไม่จำเป็นต้องแบ่งอะไรให้มั้งครับ เพราะไม่กี่วันก่อนไอ้รันก็เพิ่งหมดเงินหลายหมื่นซื้อเสื้อผ้ามาฝาก”
“เรื่องแบบนี้เก็บไว้ในใจก็ได้นะ คนอื่นเขาจะคิดแย้งได้ว่าคนอื่นเขายังมีน้ำใจให้เฟื่องมากกว่าภพ ที่เป็นถึงสามีและพ่อของลูกเขา”
แรง คนทั้งบ้านเงียบกริบไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มคนใช้
รณภพขมวดคิ้วนิ่งจ้องมองหน้ามารดาอย่างไม่พอใจที่ถูกท่านฉีกหน้า “อยากจะยกอะไรให้กันก็เชิญตามสบาย ผมจะพาลูกไปเล่นบนบ้าน!”
“พ่อไม่ได้อุ้มหลานตั้งนานนะ ภพยังจะมาแย่งอีกเหรอ”
ไม่ใช่แค่มารดาแต่บิดายังผสมรวมด้วย ให้มันได้อย่างนี้ เชิญเล่นให้เต็มที่เลย! รณภพหัวเสียผลุนผันลุกจากโซฟาชุดใหญ่ขึ้นบ้าน
“เป็นยังไงบ้างเฟื่อง อยู่บ้านด้วยกันสองคนทะเลาะกันน้อยลงบ้างไหม แต่… ก็ไม่น่าถามเลยเนอะ สายตาของตาภพอ่อนลงที่ไหน”
คุณนายพูดเองเออเองปลงแล้วว่าสองคนนี้คงไม่มีวันพูดคุยกันดีๆ แผนการวางไว้ว่าจะกลับบ้านให้ช้าที่สุดเผื่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นไปในทางที่ดีขึ้น คว้าน้ำเหลวเลยสิเพราะดูท่าแล้วคงตีกันหนักกว่าเดิม
“สิ้นเดือนนี้มีงานสัมมนานะฉันจะให้เธอไปช่วยงาน ไว้จะให้คนส่งกำหนดการให้”
“แต่เฟื่องใกล้สอบแล้วอยากมีเวลาอ่านหนังสือ ไหนจะต้องดูแลลูกอีกล่ะคะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกคนช่วยเลี้ยงออกจะมีเยอะแยะ หนังสือก็เอาไปอ่านด้วยได้ คุณแขเขาไม่ว่างจริงๆ มีค่าขนมให้ด้วยนะ ถือซะว่าไปเที่ยวทะเลเปลี่ยนบรรยากาศจะได้ไม่จำเจ”
“เฟื่องไม่ไปไม่ได้เหรอคะคุณแข ท่านเจ้าสัว เฟื่องไม่อยากไปจริงๆ ค่ะ”
“ฉันเองก็ไม่อยากไปเหมือนกันถึงได้ให้เธอไปแทน โอเคนะ” คุณนายเลิกคิ้วขึ้นสูงพลางถามก่อนจะส่งถุงของฝากไปให้เป็นการปลอบใจ
“นี่ของฝากของเธอ หวังว่าเธอจะชอบ”
ท่านพูดมาถึงขนาดนี้แล้วหล่อนจะตอบอะไรได้นอกจากตอบตกลง “ขอบคุณค่ะ พรุ่งนี้เฟื่องจะเข้าไปถามรายละเอียดกับเลขาของคุณแขนะคะ”
“จ้ะ อ่านหนังสือไปถึงไหนแล้ว ให้ภพช่วยไหมฉันจะคุยกับเขาให้”
“เฟื่องอ่านเองดีกว่าค่ะ เกรงใจเขา”