แสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้าทอดแสงเงาลอดผ่านหน้าต่าง ลมเย็นเอื่อยๆ หอบเอากลิ่นดินกลิ่นหญ้ามาพร้อมกับอากาศที่แสนสดชื่นเย็นสบาย
รดาเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดที่ทะมัดทะแมงเตรียมพร้อมสำหรับการออกไปเก็บผลส้มกับคนงานในไร่ เธอทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในมือมีผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมที่เปียกหมาดๆ ให้แห้งสนิท กำลังเพลินๆ ตั้งอกตั้งใจเช็ดผมก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงฝีเท้าหนักๆ ที่เจ้าตัวตั้งใจเดินลงส้นเข้ามาในห้อง หญิงสาวมองพ่อเลี้ยงหนุ่มผ่านกระจกบานใหญ่แล้วหันขวับส่งสายตาดุๆ พร้อมกับเอ่ยต่อว่าทันที
“จะเข้าห้องผู้หญิงทำไมไม่เคาะประตูห้องขออนุญาตก่อนคะ”
ธิปรกชะงักฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับส่งสายตาดุกลับแล้วเอ่ยตอบเสียงดัง
“นี่มันบ้านผม ผมจะเข้าออกห้องไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเคาะประตูห้องก่อน”
“แต่นี่...ห้องนอนของรดา พ่อเลี้ยงไม่มีสิทธิ์เข้าก่อนที่รดาจะอนุญาต” รดาลุกพรวดขึ้นยืนเดินเข้าไปใกล้พ่อเลี้ยงแล้วเงยหน้าเชิดขึ้นเอ่ยค้านเสียงดังฟังชัดจนพ่อเลี้ยงหนุ่มถึงกับอึ้ง
“อุวะ! ให้มันได้ยังงี้สิ”
ธิปรกสบถเสียงดังก้าวถอยหลังมาก้าวหนึ่งเนื่องจากกำลังหวั่นไหวกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่โชยมาปะทะจมูก แถมริมฝีปากสีสดที่รับรู้ว่ารสชาติหวานล้ำปานใดก็อยู่ล่อตาเกินไป เขากลัวว่าตนเองจะหักห้ามใจไม่ไหวเหมือนดังเมื่อคืน...เขากวาดสายตามองชุดที่หญิงสาวสวมครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ
“แต่งตัวแบบนี้ จะออกไปไหน”
“รดาจะไปเก็บส้มกับคนงานในไร่”
รดาเอ่ยเสร็จก็ยิ้มหวานยั่วคนหน้าบึ้งกำลังจะเดินผ่านก็ถูกแขนแข็งแรงโอบไปรอบเอวคอดกิ่วแล้วดึงร่างบางระหงเข้ามาสวมกอดไว้แน่น
“ยังไม่อนุญาตให้ไป” ธิปรกเอ่ยชิดกับกลุ่มผมนุ่มสลวยหอมกรุ่น
“เอ๊ะ! ปล่อยรดานะ รดานัดกับชาญไว้แล้ว”
รดาดิ้นขลุกขลักภายใต้อ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่น พอธิปรกก้มหน้าลงมาใกล้ เธอก็ได้กลิ่นอาฟเตอร์เชฟอ่อนๆ ทำให้หัวใจเต้นระทึกรัวเร็ว
“ลองไปก่อนได้รับอนุญาตสิ ผมจะสั่งให้งดเก็บส้มอาทิตย์หนึ่ง”
ธิปรกเอ่ยขู่ชิดแก้มเนียน ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดหน้าจนรดาอายแก้มแดงก่ำลงไปถึงลำคอ
“ชอบทำหน้ายักษ์ จิตใจแปรปรวนแล้วยังเป็นพ่อเลี้ยงที่ไม่มีเหตุผลอีก”
รดาต่อว่าพ่อเลี้ยงฉอดๆ โดยไม่นึกกลัว แต่พอธิปรกก้มหน้าลงจนปากร้อนผะผ่าวแนบชิดกับริมฝีปากอวบอิ่มหญิงสาวก็รีบก้มหน้างุดกับอกกว้างแล้วเอ่ยห้ามเสียงอู้อี้
“ห้ามจูบรดาอีกนะ จูบแล้วพ่อเลี้ยงชอบตีหน้ายักษ์โกรธรดา ทั้งๆ ที่รดาไม่ได้ทำอะไรเลย”
ธิปรกยิ้มละไม นัยน์ตาคมเต้นระริกแพรวพราวขบขำ มืออุ่นเชยคางมนขึ้นแล้วเอ่ยถามเสียงนุ่มนวล
“ถ้างั้น...จูบเสร็จแล้วพี่ไม่โกรธ...รดาจะยอมให้จูบไหม”
“ไม่!” รดาส่ายหน้าปฏิเสธจนเส้นผมนุ่มสลวยกระจายเต็มหลัง
“อ้าว...เป็นงั้นไป ทำไมครับ” ธิปรกเอ่ยถามเสียงนุ่ม ก้มหน้าจนริมฝีปากชิดกับปากอวบอิ่มหอมหวาน
“ก็รดากับพ่อเลี้ยงไม่ได้เป็นคนรักกัน จู่ๆ จะให้รดายอมให้พ่อเลี้ยงจูบได้ไง แค่เรื่องเมื่อคืนรดาก็อายคนงานในไร่จะแย่แล้ว ป่านนี้พวกเขาคงคิดว่าดาราอย่างรดาคงใจแตกยอมให้พ่อเลี้ยงจูบง่ายๆ โดยไม่คิดทักท้วง”
หญิงสาวเอ่ยเสียงปนเศร้า เธอมีความสุขกับการอยู่ที่ไร่ธิปรกและกับคนงานที่ใสซื่อเหล่านี้ เธอไม่อยากให้พวกคนงานเข้าใจผิดและรังเกียจเดียดฉันท์เธอ
“อืม!...ถ้างั้นสวมแหวนวงนี้ไว้ ใครๆ ก็ไม่กล้าแตะแม่เลี้ยงแห่งไร่
ธิปรก นอกจากจะไม่กล้าแตะแล้ว ต่อไป คนงานในไร่จะรักและก็เทิดทูนรดายิ่งกว่าชีวิตของพวกมันเสียอีก”
ธิปรกเอ่ยเสร็จก็สวมแหวนเพชรวงงามน้ำหนึ่งเข้าไปที่นิ้วนางข้างซ้ายซึ่งสามารถสวมได้อย่างพอดิบพอดี เขายกมือบางขึ้นมาจรดจุมพิตตรงตัวแหวนแล้วพลิกกลับจุมพิตตรงกลางฝ่ามือนุ่ม
รดางงเป็นไก่ตาแตกตั้งตัวไม่ติดที่จู่ๆ ก็ถูกเปลี่ยนสถานะเป็นแม่เลี้ยงแห่งไร่ธิปรกจริงๆ เธอมองแหวนเพชรเรือนงามสลับกับใบหน้าคมเข้มที่ยิ้มกริ่มแล้วเอ่ยออกมาเหมือนคนละเมอ
“แม่เลี้ยงแห่งไร่ธิปรก”
“ใช่ครับ แม่เลี้ยงแห่งไร่ธิปรก ต่อไปพี่สัญญาว่าจูบเสร็จแล้วจะไม่โกรธรดาเด็ดขาด คราวนี้อนุญาตให้จูบได้หรือยัง”
พ่อเลี้ยงธิปรกเอ่ยถามยิ้มๆ แต่ไม่ได้รอคำตอบจากรดา ริมฝีปากร้อนผะผ่าวก้มลงไปประทับจุมพิตหวานล้ำรัญจวนใจเป็นการต้อนรับแม่เลี้ยงคนใหม่ รดาปล่อยให้พ่อเลี้ยงหนุ่มตักตวงความหอมหวานจนพอใจจึงผลักอกกว้างแข็งแกร่งดุจหินผาออก
“แต่...รดากับพ่อเลี้ยงเพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่วัน พ่อเลี้ยงแน่ใจแล้วหรือคะ” รดาเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ เธอไม่อยากผิดหวังในเรื่องความรักอีก
“ไม่เคยมั่นใจเรื่องใดเท่านี้มาก่อน ออกไปข้างนอกด้วยกันดีกว่า เดี๋ยวพี่จะประกาศให้ทุกคนรับรู้และเป็นสักขีพยาน”
ธิปรกเอ่ยย้ำพลางโอบแขนไปรอบเอวคอดกิ่วแล้วดึงร่างบางระหงมาแนบชิดเรือนร่างแข็งแกร่งจากนั้นก็พาเดินออกไปนอกเรือนพร้อมกัน
รามกับชาญพากันเดินเตร็ดเตร่เตะฝุ่นเล่นหน้าเรือนกล้วยไม้ พวกเขากำลังรอรดาเพื่อพาไปเก็บผลส้มตามที่นัดหมายกันไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ชาญมองขึ้นไปบนเรือนแล้วทำหน้ามุ่ยสงสัยคุณรดาไม่ไปเก็บส้มแล้ว
ทั้งสองมองสบตากันอย่างผิดหวังกำลังจะเดินกลับไปที่รถกระบะก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ ของพ่อเลี้ยงเดินออกมาก่อน
“ไอ้ราม! มึงไปเคาะโหม่งเรียกคนงานทุกคนมาที่นี่ด่วน!” ธิปรกเอ่ยสั่งแขนแข็งแรงโอบกอดเรืองร่างหอมกรุ่นไว้ตลอดเวลา
“ได้ครับพ่อเลี้ยง”
รามรับคำแล้วรีบวิ่งไปที่โรงครัวจากนั้นก็เคาะโหม่งรัวเป็นสิบๆ ครั้ง ไม่ถึงห้านาทีคนงานทุกคนก็วิ่งหน้าตาตื่นมาที่หน้าเรือนกล้วยไม้ ป้าอ้วนวิ่งเนื้อกระเพื่อมมาถึงเป็นคนสุดท้ายแต่ก็วิ่งมาหยุดหอบอยู่ข้างหน้าสุด
“พ่อเลี้ยงมีเรื่องด่วนอะไรหรือคะ อีนังหนูมันไม่สบายหรือเปล่า”
ป้าอ้วนเอ่ยถามรัวเร็วปนหอบมองไปยังหญิงสาวที่ยืนเคียงข้างพ่อเลี้ยงด้วยความเป็นห่วงพลอยทำให้คนงานคนอื่นๆ แสดงสีหน้าเป็นกังวลไปด้วย
“คุณรดาไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ”
ธิปรกเอ่ยปฏิเสธให้ทุกคนสบายใจ จากนั้นก็ชูมือหญิงสาวขึ้นให้ทุกคนเห็นแหวนเพชรที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย
“ผมมีข่าวดีจะบอกทุกคน ต่อไปนี้...คุณรดาจะเป็นแม่เลี้ยงแห่งไร่ธิปรก ขอให้ทุกคนเคารพรักคุณรดาเหมือนดังที่เคารพในตัวผม”
“เฮ้ๆ”
คนงานทุกคนต่างปรบมือตะโกนร้องเสียงดังด้วยความดีใจ รามกับชาญกอดกันกลมถูกใจในตัวแม่เลี้ยงคนใหม่เป็นที่สุด ป้าอ้วนรีบเดินขึ้นมาบนเรือนแล้วดึงตัวรดามาจากพ่อเลี้ยงพลางสวมกอดไว้แน่นจนหญิงสาวนิ่วหน้าเพราะความเจ็บแต่ก็ไม่ได้เอ่ยท้วงออกมา