7
จันทร์ถอนหายใจแผ่วเบาหนักอกหนักใจเหมือนมีหินก้อนใหญ่มากดทับเอาไว้ ดวงตาฝ้าฟางจับจ้องที่ร่างสาวน้อยวัยแรกรุ่น แม้จะอยู่ในเสื้อผ้าเก่าซอมซ่อ แต่กลับเน้นให้กันติชายิ่งโดดเด่นและสะดุดตาหนุ่มๆ หลายคนในงานเสียเหลือเกิน
นางคิดผิดใช่ไหมที่ชักนำกันติชามาทำงานในค่ำคืนนี้ ด้วยเพียงเพราะความเอ็นดูในความน่ารักและชอบในความขยันขันแข็ง รู้จักทำมาหากิน อาหารที่ทำก็รสชาติอร่อยหวานลิ้นและสะอาด อีกทั้งเป็นเด็กเรียบร้อยไม่ให้ท่าให้ทางผู้ชาย จะต้องมาพลาดท่าเสียทีพวกเสือสิงห์กระทิงแรดที่มาร่วมงานในคืนนี้
“ป้าเหนื่อยแล้วใช่ไหมล่ะ” เอ่ยอย่างเอื้ออาทร ป้าจันทร์คงเหนื่อยที่ต้องวิ่งวุ่นทั้งวันจนแทบไม่มีทานอาหาร แต่ไม่กล้าบอกเพราะเกรงใจเธอ
“หนูว่าวเองก็ไม่น้อยกว่าป้านะ วิ่งวุ่นทำตามคำสั่งคนนั้นคนนี้ตลอดเวลา” จันทร์แอบผ่อนลมหายใจออกจากปอดแผ่วเบา มองกันติชาด้วยความเอ็นดู พร้อมคิดถึงวันก่อนที่ได้นัดกันติชามาพบเจ้านาย ถ้าวันนั้นนางกลับมาไม่ทัน กันติชามีหวัง...
ไม่โทษและไม่คิดว่าเป็นความผิดของกันติชา เพราะรู้อยู่แล้วว่าเจ้านายของนางเป็นเสือผู้หญิงตัวฉกาจ อีกทั้งลูกล่อลูกชนก็แพรวพราว นี่คงเห็นว่าสาวน้อยหน้าตาน่ารัก ใสซื่อไม่ทันคน เลยหลอกล่อด้วยชั้นเชิงและประสบการณ์ที่เหนือกว่า ชักนำสาวไม่ประสาให้หลงไปในวังวนแห่งความรู้สึกชายหญิงที่เป็นของต้องห้าม ทำให้มีใครหลายๆ คนต่างก็ยอมทำผิดกฎเกณฑ์เพียงเพื่อกระโดดลงไปลิ้มลอง บางคนได้ดีก็ดีไป บางคนก็ร้ายกลายเป็นไฟลวกทั้งร่างกายและหัวใจให้ต้องเจ็บปวดและชอกช้ำ ขออย่าให้กันติชาเป็นหนึ่งในคนพวกนั้นเลย
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะป้า แค่นี้เองเด็กๆ มาก งานที่หนูทำอยู่ทุกวันหนักกว่านี้ตั้งเยอะ ยังสู้ไหวเลยนี่นา” กันติชาบอกเสียงนุ่มพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานๆ และเย็นใจให้
งานประจำที่ทำอยู่ต้องตื่นเลยเที่ยงคืนมาประมาณหนึ่งถึงสองชั่วโมง เตรียมทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อย เพื่อเช้ามาจะมีอาหารพร้อมพรั่งวางขายให้กับลูกค้าที่ดาหน้าเข้ามาตั้งแต่ไก่ไม่ทันจะขัน ตกบ่ายก็ไปตลาดหาซื้อของมาเตรียมไว้สำหรับวันต่อไป เหนื่อยสายตัวแทบขาดก็ยังผ่านพ้นมันมาเลย นับประสาอะไรกับงานแค่นี้ละ เหนื่อยเพียงแค่สี่ห้าชั่วโมงแต่ผลตอบแทนที่ได้รับเรือนหมื่น คุ้มแสนจะคุ้มแล้ว
มือเล็กเรียวยกขึ้นปาดเหงื่อที่มันไหลซึมทั่ววงหน้าและลำคออย่างคนมีน้ำอดน้ำทน คิ้วโก่งเป็นปื้นเลิกขึ้นเล็กน้อย “ป้ามีอะไรหรือเปล่าคะ”
“นี่ก็ดึกแล้ว กว่าจะเก็บข้าวของเสร็จก็คงจะครึ่งค่อนคืนไปล่ะ หนูจะกลับไปนอนบ้าน หรือจะนอนกับป้า” จันทร์ปล่อยวางเรื่องที่กังวล หันไปถามเรื่องที่อยากรู้
ความจริงการจะนอนที่ไหนของกันติชาไม่ใช่กงการอะไรของนางหรอก แต่คงเป็นเพราะความเอ็นดูส่วนตัว และไม่อยากให้สาวน่ารักต้องเดินทางกลับบ้านคนเดียวท่ามกลางความมืดที่ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายซุกซ่อนอยู่เพียงไหน
มันน่ากลัวอยู่ เพราะเท่าที่รู้ กันติชาเป็นสาวน้อยแสนสวยที่ชายหลายคนต่างหมายปอง ถ้าหากรู้ว่าหญิงสาวเดินกลับบ้านเพียงลำพัง เจอช่วงเส้นทางมืดมิดและเปล่าเปลี่ยว พวกนั้นอาจจะมาดักฉุดไปทำมิดีมิร้าย นางไม่มีปัญญาหาหลานสาวเก่งและดีอย่างนี้ไปคือน้าชายขี้เมาหรอกนะ
แม้จะเป็นห่วงน้าชายที่หายหน้าออกจากบ้านไม่รู้ว่าไปเมามายที่ไหน ก่อนที่เธอจะมาทำงานที่นี่ แต่การกลับบ้านท่ามกลางความมืดและบรรยากาศชวนขนหัวลุกแบบนี้ เธอไม่อยากจะเสี่ยง ดีไม่ดีมีใครฉุกลากเข้าพงหญ้าข้างๆ ทำมิดีมิร้ายและฆ่าทิ้งเสียละ คนเราสมัยนี้ไว้ใจใครได้ที่ไหนกัน บางคนเห็นหน้ากันทุกวันยังกลายเป็นคนไม่ดีได้เลย
“นอนกับป้าจ้ะ”
“แล้วเตรียมของมาหรือยังล่ะ ไม่มีเอาเสื้อผ้าของป้าใส่ไปก่อนก็ได้ แต่ลำบากหน่อยนะ เพราะป้าตัวใหญ่” จันทร์บอกอย่างเอ็นดู นึกถึงครั้งแรกที่เธอเห็นหน้ากันติชาแล้วไม่ใช่เพราะว่าดูถูกหรอกนะแต่อึ้งมากกว่า ใครจะคิดว่าสาวน้อยหน้าใสๆ ราวกับเด็กคนนี้จะเป็นคนขายอาหารที่มีคนชมว่าอร่อยและมีลูกค้าติดกันชนิดที่ว่าตักขายแทบไม่ทัน
“เตรียมมาแล้วค่ะ” กันติชาบอกพร้อมรอยยิ้มหวานๆ แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นแก้มอวบอิ่มเป็นรอยบุ๋มลงไปเล็กน้อย กลายเป็นลักยิ้มน่ารักๆ อันเป็นสัญลักษณ์ประจำกายที่ใครเห็นก็ต้องหลงชอบไปเสียทุกคน
“ดูเหมือนว่าตอนนี้นายและเพื่อนๆ ของนายต่างก็ย้ายตัวเองเข้าไปในบ้านกันหมดแล้ว” จันทร์ชะเง้อคอมองออกไปยังสนามหญ้าหน้าบ้านที่เคยเป็นที่ซ่องสุมของกลุ่มเพื่อนและลูกค้าเจ้านาย ซึ่งตอนนี้หายเกลี้ยงไม่มีใครเหลือนั่งอยู่ตรงนั้นแม้แต่คนเดียวแล้ว
“คงไม่มีใครเรียกหาเอาอะไรอีกแล้ว ป้าว่าเราช่วยกันเก็บข้าวของที่กลาดเกลื่อนอยู่ให้เข้าที่เข้าทางดีกว่า เราจะได้ไปพักผ่อนกัน ดีไหม” จันทร์เอ่ยถามพร้อมกับเดินไปหวังช่วยหยิบจับข้าวของที่วางระเกะระกะเกลื่อนกลาดอยู่
“ไม่ต้องหรอกค่ะป้า งานแค่นี้เองหนูทำได้สบายมาก ป้าไปนอนเถอะจ้ะ เดี๋ยวไม่สบายขึ้นมาอีก เจ้านายป้าจะมาหักตังค์หนูเอานะ” กันติชารีบห้ามอย่างเร็วด้วยน้ำเสียงกึ่งเย้ากึ่งจริง
ราชันย์รักและผูกพันกับป้าจันทร์มาก หากหญิงวัยกลางคนเป็นอะไรไป เขาจะต้องโทษเธอเป็นแน่ เดี๋ยวอดได้โบนัสงามๆ เหมือนที่เคยได้ เสียดายแย่ อย่าว่าเธองกนะ ก็เงินๆ ทองๆ มันเข้าใครออกใครเสียที่ไหนล่ะ แต่เธอเลือกที่จะหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงและความถูกต้องเท่านั้น
“อีกอย่างเดี๋ยวหนูทำงานเสร็จก็ต้องไปรับเงินจากคุณราชันย์ก่อนด้วย พรุ่งนี้ตื่นตอนเช้าจะได้รีบออกไปเลย เป็นห่วงน้าค่ะ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะไปเมาอยู่ที่ไหน” หญิงสาวบอกกึ่งรำพันด้วยความหนักอกหนักใจ เมื่อคิดถึงน้าชาย
“อ้าวทำไมล่ะ ป้านึกว่าพรุ่งนี้คุณใหญ่จะฝากเงินกับป้ามาให้หนูว่าวเสียอีก” จันทร์ถามอย่างงุนงง ปกติคือหลังจากเสร็จงาน ราชันย์จะเป็นคนให้นางนำเงินให้กับกันติชาในวันรุ่งขึ้นเสมอ แต่คราวนี้กลับไม่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
จันทร์สะดุ้ง หรือว่านายคิดจะทำอะไรกับกันติชาเข้าแล้วจริงๆ ไม่ได้การละ จะให้นายมาทำเด็กสาวไร้เดียงสาใจแตกไม่ได้ ต้องรีบเตือน...
แล้วจะเตือนใครล่ะ?
กันติชาหรือ ก็หญิงสาวยังไม่รู้เล่ห์เหลี่ยมนายเสียหน่อย มีแต่นางเท่านั้นที่รู้ อีกอย่างถ้าพูดกันไปตรงๆ อาจทำให้หญิงสาวไม่พอใจก็เป็นได้ เพราะคิดว่านางไปก้าวก่ายและยุ่มย่ามกับชีวิตส่วนตัวจนมากเกินไป หรือจะเตือนนาย อย่ายุ่งกับเด็กก็ไม่ได้อีก ถึงจะรักและเคารพเธอเหมือนกับญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่ก็เป็นคนเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ นอกจากคุณยาย...แต่ท่านก็เสียชีวิตไปตั้งหลายปีแล้ว ถึงตอนนี้จึงไม่มีใครห้ามราชันย์ได้ ยิ่งห้ามกลับจะเป็นยิ่งยุให้เร่งทำเร็วขึ้น
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ก็วันนั้น คุณใหญ่เอ่อ...”
ไฟร้อนผ่าวแล่นลิ่วมาแตะพวงแก้มอิ่มและกระจายไปทั่ววงหน้าอย่างรวดเร็ว สองมือเล็กจะกำหมัดก็ไม่ใช่ จะคลายออกก็ไม่เชิง รู้สึกว่ามันเป็นเหมือนสิ่งของเกะกะที่ไม่รู้ว่าควรจะนำไปไว้ตรงไหนดี เพียงแค่พูดถึงวันที่เธอเกือบจะกลายเป็นขนมหวานให้กับราชันย์ได้กิน ทั้งความหวาดกลัว วาบวิว เสียวซ่านมันปนเปกันไปจนแยกไม่ออกก็เข้ามาแทนที่ความรู้สึกและทุกๆ อย่างจนลืมไปด้วยซ้ำว่าจะพูดอะไร
“ไม่ต้องพูดละ ป้าเข้าใจดี” จันทร์โบกมืออย่างเข้าใจจริงๆ
“เอาเป็นว่าหนูระวังตัวให้ดีละกันนะ เพื่อนผู้ชายของนายป้าแต่ละคนมือเร็วใช่เล่น คืนนี้ก็เมาได้ที่กันทั้งนั้น ป้ากลัวว่าจะครองสติไม่อยู่แล้วเผลอทำอะไรหนูเข้านะ” ยังไงจันทร์ก็ยังคงมีความรักและจงรักภักดีกับนายผู้ที่ให้ที่อยู่และที่กินอยู่ดี คำพูดที่ออกมาจากปากจึงมีการละไว้ไม่เอ่ยถึง เพื่อไม่ให้นายนั้นต้องมาเสียชื่อเพราะปากคนในอย่างนาง
“ขอบคุณค่ะป้า หนูจะระวังตัวให้มากที่สุดค่ะ” กันติชารับปากอย่างเข้าใจ “เดี๋ยวหนูจะเก็บของพวกนี้ทำความสะอาดจนเสร็จแล้วจะไปเอาค่าจ้างและกลับมาหาป้าให้เร็วที่สุดค่ะ แล้วก็จะไม่ทำตัวให้เป็นที่สังเกตของทุกๆ คนด้วยดีไหมคะ”