ตอนที่ 12
“แล้วเจอมั๊ยค่ะ”
“ก็ไม่เจอน่ะสิและพี่ก็วนเวียนเดินดูหลายรอบแล้ว”
“งั้นก็แสดงว่าพี่บุ้นไม่มีความสามารถเลยแต่ว่ามีความพยายามค่อนข้างสูงค่ะที่หาเมี่ยงได้จนเจอ”
เขายิ้มให้หล่อนและรู้สึกอิ่มใจภูมิใจเช่นเดิม ..
เมื่อสุลิษาได้มองภาพหวานๆของเพื่อนแล้ว รู้สึกเหมือนกับว่าหล่อนไม่น่านั่งอยู่นี่เลยนะและหล่อนเหมือนกลายเป็นส่วนเกินไปแล้ว ทั้งสองคนกำลังจีบกัน แต่เมี่ยงเมรัยเหมือนจะรู้ตัวด้วยว่า ที่หล่อนนั่งนี้มีสุลิษานั่งอยู่ด้วย
หล่อนจึงพยายามปรับคำพูดให้ฟังดูเป็นปกติมากกว่า เป็นเรื่องเล่าที่หล่อนเอ่ยซักถามเขา และเหมือนให้สุลิษามีส่วนร่วมด้วย
หากเช่นเดียวกับเขา ชายหนุ่มที่ไม่กล้าแสดงตัวออกมามากนักเพียงเพราะเขานึกเกรงใจเพื่อนของเมี่ยงเมรัยด้วย จากนั้นไม่นานนักชายหนุ่มก็ขอตัว มันเป็นเหตุผลอย่างหนึ่งของบุลิศความจริงเขาอยากอยู่กับหล่อนในที่บรรยากาศสองต่อสองมากกว่า
สุลิษาเองก็เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงโปร่งสง่างามที่ก้าวลับตาไป ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนสนิทสาวที่นั่งเคียงใกล้
“แหม หล่อจังนะ ปานเทพบุตรเลย รู้จักกันมานานแล้วหรือเมี่ยง”เมี่ยงเมรัยชะงัก อึกอักอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบ
“ก็ถือว่ารู้จักกันมานานแล้วล่ะตั้งแต่เรียนอยู่ที่โรงเรียนเก่าสาธิตประถมพี่บุ้นเขาเป็นรุ่นพี่ฉันสามปี”
นั่นทำให้สุลิษาได้รับรู้ความจริงรักข้ามรุ่น
“นี่เธอรู้ไหมยัยเมี่ยง กามเทพกำลังจะกวักมือเรียกแล้วนะทำเป็นงงอีกแน่ะ แหมหน้าตาเขาแสดงความหวานอย่างนั้น ถ้าฉันเป็นมดน่ะ คงตอมอยู่แถวนั้นไม่ไปไหนแน่”
“แหมลิษาดูพูดเข้า”เมี่ยงเมรัยดุเพื่อนเบาแต่ความรู้สึกข้างในของตนเองก็รู้สึกเขินๆเหมือนกัน จริงหรือที่พี่บุ้นทำตาเชื่อมหวานใส่เธอจนเพื่อนสังเกตเห็น คนอะไรไม่เก็บกิริยาไว้มั่งเลย หล่อนนึกดุไปทางเขาจนกระทั่งถึงแก่เวลาสมควรแล้วที่ทั้งคู่ต้องผละแยกจากกัน เมี่ยงเมรัยเดินกลับมาที่รถของหญิงสาวอีกครั้ง ขณะที่สุลิษาก็แยกไปทาง เพราะจอดรถคนละที่
***************
กลับไปถึงบ้านเนื่องจากแสงไฟหน้าหม้อรถที่สาดสว่างและเสียงรถที่คุ้นเคยนั่นเองทำให้นายอัศวงค์ผลักประตูกระจกแย้มหน้าออกไปดูเขาพบว่าบุตรสาวกลับมาแล้ว
“ไปถึงไหนมาล่ะลูกเมี่ยงเพิ่งกลับมาถึงที่จริงพ่อคิดว่าหนูจะกลับดึกกว่านี้”นายอัศวงค์ทักบุตรสาวเมี่ยงเมรัยก้าวเข้ามาเนื่องจากบิดาเปิดประตูรอ หญิงสาวหิ้วถุงกระดาษตามมาด้วย
“หนูไม่ได้กลับดึกนี่ค่ะตอนนี้เมี่ยงมาให้คุณพ่อเห็นแล้วเพราะที่นั่นเมี่ยงเห็นชุดสวยดีเป็นกระโปรงที่อยากได้ก็เลยอดซื้อไม่ได้”
นายอัศวงค์ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้นัก เป็นเรื่องส่วนตัวของบุตรสาวเกี่ยวกับความสวยความงามจากนั้นนายอัศวงค์เป็นฝ่ายปิดประตูงับลงตามเดิมจนสนิทก่อนจะเดินตามบุตรสาว
“พ่อทานอะไรมาแล้วหรือยังค่ะ ”เมี่ยงเมรัยอดถามบิดาด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ แต่นายอัศวงค์กลับเอ่ยกลับว่า
“พ่อสิสมควรถามหนู”
หญิงสาวยิ้ม
“สำหรับเมี่ยงไม่เป็นไรหรอกค่ะ เมี่ยงอิ่มแล้ว ทานบะหมี่” เมี่ยงเมรัยเลยอดนึกถึงพี่ชายไม่ได้
“แล้วพี่อัชล่ะคะพ่อ”
“แกคิดว่าเขาจะอยู่บ้านหรือแฟนเขาก็มีมันนะลูก ก็เรื่อยๆตามประสาแต่พ่อคิดว่าไม่เกินเที่ยงคืนคงจะกลับมา”
นายอัศวงค์เอ่ยตอบบุตรสาวสุดหวงคนเดียวเท่าที่ตนเองรู้ความจริงเมี่ยงเมรัยก็ไม่อยากรับรู้เรื่องราวของพี่ชายมากนัก
แต่เพราะว่าเขาเป็นพี่ชายคนโตเป็นพี่ชายของหล่อนคนเดียว
“กับคนไหนค่ะคนที่มาในงานของเราเมื่อสามสี่วันที่ผ่านมาหรือเปล่า”
เมี่ยงเมรัยพอจะจำหน้าได้ แต่นายอัศวงค์ส่ายหน้า
“แต่พ่อคิดว่าไม่ใช่หรอกเขาไม่ได้พามาด้วยนี่ เห็นบอกว่าชื่อเอื้อง เอื้องอะไรนี่ล่ะ”
“อ๋อ เอื้องอาภา”หล่อนตอบบิดา เมื่อท่านเอ่ยชื่อ
“หนูรู้จักด้วยหรือ ”
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะแต่ได้ยินผ่านหู”
นายอัศวงค์ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องเมื่อนึกถึงด้วยว่าเรื่องนี้ก็สำคัญ
“เอ้อดลัมภ์ก็เพิ่งกลับไปครู่ใหญ่นี่เองเขามีธุระกับพ่อจะมาถามเรื่องธุรกิจใหม่”
ร่างระหงหันหน้าเงยขึ้นมาทางบิดา
“ดลัมภ์จะหาธุรกิจใหม่ให้เราหรือค่ะแปลกใจจริงธุรกิจของเราก็ราบรื่นดีนี่คะแล้วคุณพ่อว่าเหมาะสมไหมค่ะที่เราจะทำธุรกิจเพิ่มขึ้นอีก”
นัยน์ตาและสมองที่ชาญฉลาดของเมี่ยงเมรัยหันมาถามบิดา
“พ่อเองก็ยังไม่ตัดสินใจนะเลยอยากจะมาถามหนู”
“ดีแล้วค่ะคุณพ่อถ้าจะให้ดีอย่างมากๆอีก คุณพ่อต้องรอพี่ชุนตัดสินด้วยค่ะเพราะเราไม่ควรเสี่ยงที่จะทำอะไรทั้งสิ้นในเวลานี้ ในเมื่อบริษัทเรามีอยู่แล้ว”
เมี่ยงเมรัยเอ่ยต่อไปอีกว่า
“อีกอย่างเศรษฐกิจของประเทศเรา เดี๋ยวนี้ ก็ไม่ค่อยดีนัก ไม่ราบรื่น อีกทั้งมีเรื่องผันผวนทางการเมือง หนูว่า คุณพ่อต้องชะลอการลงทุนไว้นะคะ อย่าเชื่อใครง่าย”
เมี่ยงเมรัยเอ่ยด้วยคำพูดที่เป็นตัวของตัวเอง เวลาทำงานหรือตัดสินใจแล้วหล่อนเป็นคนเด็ดขาด นายอัศวงค์จึงพึงพอใจอย่างมากกับคำพูดที่สามารถบริหารคนได้ เพราะคนที่จะบริหารคนได้ต้องไม่อ่อนแอ ต้องเป็นคนเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ..หญิงสาวไม่ได้เอ่ยถึงดลัมภ์อีกเลย
และในวันนี้เองก็ตาม เรื่องที่หล่อน ได้พบเจอกับพี่บุ้นหรือบุลิศ หล่อนก็ไม่ได้เอ่ยให้บิดาฟังอยากให้มันอยู่ในความทรงจำของตัวเองมากกว่าหล่อนยังประมาณท่าทีของเขาเหมือนกันว่าสนใจหล่อนมากแค่ไหน
ซึ่งมันต้องไม่ใช่มันเป็นภาพที่ทำให้หล่อนต้องเบือนหนีด้วยความเสียใจ ในวันที่เขาควงแขนกับผู้หญิงคนนั้นประเจิดประเจ้อสายตาของหล่อนนัก อยู่คุยกับบิดาได้สักชั่วครู่ หญิงสาวก็ขอตัวขึ้นไปที่ห้องของตนเอง
นายอัศวงค์ก็ผละตัวไปทางอื่นเหมือนกัน บ้านเขาอาณาเขตกว้างขวางในฐานะที่เป็นเจ้าของบ้านเดินตรวจตราดูความเรียบร้อยของเรือนพักอีกครั้งจะดีกว่า ถึงแม้จะมีพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่สองนายแล้วก็ตาม แต่ความเป็นเจ้าของบ้าน ทำให้อยากตรวจตราด้วยตัวเอง