ตอนที่ 13
ห้องของหญิงสาวเปิดไฟสว่างแล้วพรายไปทั่วห้องอาบด้วยสีอ่อนนวลเย็นตาเมื่อดวงไฟบนเพดานที่ห้อยระย้าค่อนข้างประณีตในฝีมือสาดสว่างไปทั่วทุกมุมห้อง ร่างระหงยังหยุดยืนที่หน้าเตียงนอนของตนเองก่อนที่จะจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหยิบถุงกระดาษที่หิ้วขึ้นมาวางไว้ใกล้ตัวบนเตียง
ขณะเดียวกันที่รถสปอร์ตสีเข้มน้ำทะเลของชายหนุ่มบึ่งตะห้ออยู่บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ชายหนุ่มค่อนข้างขับรถเร็วเมื่อบนท้องถนนนั้นโล่ง เขาไม่นึกเหมือนกันว่า จะมีคนขับขนาบข้างเคียงมาด้วย ซึ่งตัวเขาไม่รู้สักนิด
เพราะ ดลัมภ์ยังไม่กลับบ้านเลยเสียทีเดียว เขาแวะไปหาเพื่อนสนิทที่คอนโดแถวราชเทวี พอแล่นมาถึงประตูน้ำนี่เองรถยนต์จอดติดไฟแดงข้างๆรถเขาคือบุลิศ เขาจำได้ว่าเป็นบุลิศเพราะรถสปอร์ตสีเข้มแล้วก็หน้าตาด้วยดูเหมือนจะมีอารมณ์เบิกบานใจนัก
บุลิศไปทำอะไรมาล่ะ นี่ถ้าหากน้องสาวเขารู้ว่าไปเที่ยวกับผู้หญิงอื่นฉายพัดชาคงได้ร้อนรนกระวนกระวายใจอย่างแน่
ถ้าเขาคิดว่าบุลิศจะเข้ามาสมัครเป็นน้องเขยของเขามันก็ยังจะดีกว่าที่เขาจะมาเป็นเสี้ยนหนามคู่แข่งความรักระหว่างเขากับเมี่ยงเมรัยเขาพอจะรู้ว่าทั้งบุลิศและเมี่ยงเมรัยรวมทั้งยายฉายน้องสาวของเขาด้วยเคยเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันมาก่อน
ความครุ่นคิดคำนึงยังอยู่ในใจของเมี่ยงเมรัย เพียงเท่านี้หล่อนก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจอิ่มเอมในความรู้สึกอย่างไม่รู้สึกเบื่อ การที่ได้พบหน้าเขาอีกครั้ง วันนี้ โชคดีเป็นของเธอ เธอพยายามเก็บเกี่ยวเอาความรู้สึกนี้ไว้ในใจให้มาก แม้ว่าสุลิษา เพื่อนสาวคนสนิทอีกคนจะเห็นภาพนั้นด้วย ได้กลับไปถึงบ้านและเวลานี้อยู่ภายในอาณาเขตของคฤหาสน์หลังงามหล่อนยังเก็บความรู้สึกนั้นเอากลับมาด้วยแม้ว่าในตอนที่แยกจากกัน พี่บุลิศ ไม่ได้ตามไปส่งหล่อนถึงที่หมาย คือที่บ้านของหล่อน เพราะว่าหล่อนขอร้อง อีกทั้งยังมีสุลิษาเพื่อนสนิทมาด้วยทั้งคน จึงได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ คุยเล่นสนุกสนานกับสุลิษามากกว่าแต่พี่บุลิศก็ดูเหมือนใจร้อนรนขึ้นมานิดหน่อยซึ่งอยากให้เขาเพลาลงไม่อยากให้หงุดหงิดเพราะหล่อนห่วงเขา
แม้หล่อน จะกลับพบว่าเขาไม่ได้มีอะไรติดมือมาซักชิ้นที่นั่น คงไม่ตั้งใจจะมาซื้อของ หรือเพียงแค่อยากจะมาเดินเที่ยวหล่อนไม่ทราบว่า เขาทำแบบนี้บ่อยมั๊ย แล้วทำไมเล่าตัวเองก็ไม่รู้ตัว และทำไมเล่าถึงอยากรู้ กลับกลายเป็นความเงียบคือคำตอบ หญิงสาวไม่อาจให้คำตอบที่กระจ่างแจ้งออกไป ซึ่งเมี่ยงเมรัยเก็บความรู้สึกเอาไว้ข้างใน บางทีผู้ชายใจแข็งคนนี้ อาจจะไม่ใช่ผู้ชายคนเดิมที่หล่อนเคยรู้จัก
เพราะว่าคนอย่างเมี่ยงเมรัยมีความเป็นตัวของตัวเองและหล่อนต้องใจแข็งบทเรียนที่ผ่านมาก็หลายครั้ง เธอจะต้องไม่อ่อนแอ หากแต่หล่อน ก็รู้มาว่า พี่บุลิศ เขาโทษตัวหล่อนเช่นกัน ใช่ ภาพนั้นหรือหล่อนยังจดจำได้ในวันที่หล่อนเอ่ยปากตอบปฏิเสธเขาในเรื่องความรักแต่เขามาขอหมั้นด้วยวัยที่ยังไร้เดียงสาทีแรกนึกคิดว่าพี่บุลิศพูดเล่นเสียอีก
“ก็พี่อยากจะแต่งงานกับเมี่ยงนี่จ้ะนะเมี่ยงจ้ะแต่งกับพี่เถอะนะ” คำนี้ไงเล่าที่หล่อนเองจำได้ เพราะภาพเหตุการณ์เกิดอยู่เบื้องหน้า หนุ่มน้อย
หน้าใสวัยนักศึกษามหาวิทยาลัย เขาถามหล่อนด้วยประโยคนี้คราแรกเมี่ยงเมรัยก็อึ้งอยู่แล้วจ้องมองดูริมฝีปากสีแดงอมชมพูที่จ้องสานสบตาหล่อนเองด้วยเช่นกัน
ถึงขนาดทำให้เมี่ยงเมรัยรู้สึกสั่นสะท้าน
“มะ ไม่ค่ะ เมี่ยง เอ้อ ยังแต่งไม่ได้”
หล่อนจำได้ว่าตอบคำนั้นออกไปทำให้เห็นสีหน้าของเขาที่เปลี่ยนไปเป็นบึ้งตึงอย่างชัดเจนวูบหนึ่งแล้วก็ทอแววตาที่ผิดหวังออกมา
“ ทำไม ทำไมล่ะ” เสียงของเขาไม่ได้ตะคอก แต่เหมือนคนที่ร้อนรนปนอารมณ์เศร้าและผิดหวัง จนกระทั่งเมี่ยงเมรัยเห็นเขาหันเบี่ยงตัวหันหลัง แล้วเดินออกไปจากหล่อน ขณะเดียวกันเองนั้นเมี่ยงเมรัยเองก็ตกใจมิใช่น้อย หล่อนทวนถามตัวเองเหมือนกันว่าหล่อนคิดผิดหรือไร บวกกับที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ มันตกใจเช่นกัน ..และจากนั้นเมื่อมองกลับไปอีกที พี่บุลิศไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว
แต่เขาจะรู้บ้างไหมว่าเมี่ยงเมรัยก็สั่นสะท้านเข้าไปถึงหัวใจเช่นกันกับคำตอบที่บอกไปอย่างนั้น หล่อนคิดว่าความต้องการของหล่อนเป็นแน่ผ่านโสตประสาทออกมาและหล่อนตอบออกมาเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่มีใครบังคับคำนั้นออกมาเลย หล่อนบอกออกมาในความรู้สึกของตนเองในครั้งนั้นว่าหล่อนปฏิเสธเขา แต่ทว่าเอาเข้าจริงในหัวใจลึกๆยังแฝงด้วยอาวรณ์
..เหตุที่หล่อนเป็นเด็กหญิงที่มีความสวยสดงดงามในความคิดอยู่ในชั้นประถมปีที่ห้าเริ่มที่จะเป็นสาว
แต่หารู้ไม่ลึกๆนั้นยังมีความหวงปะปนอยู่ เพียงแต่คิดว่าสิ่งที่พี่บุลิศเอ่ยพูดถึงความต้องการของเขามันมากกว่าที่เด็กหญิงอย่างเธอจะตอบรับเขาได้ ไม่ใช่ตั้งข้อรังเกียจ หล่อนไม่ได้คิดรังเกียจเขาแน่ เพราะอะไรล่ะ วุฒิภาวะยังไม่ถึง และยังไม่มีความพร้อมในเรื่องนี้
สำหรับเรื่องแต่งงานเธอมีความคิดเหมือนคนอื่นๆทั่วไปว่าเป็นเรื่องใหญ่เพียงเท่านั้นเองแล้วกาลต่อมาชีวิตของหล่อนและพี่บุลิศก็เหมือนอันตรธานจากกันไปชั่วระยะหนึ่งโดยที่เมี่ยงเมรัยเองก็ไม่ทราบข่าวคราวของเขาเหมือนกัน
ลืมใช่แล้วในบางห้วงความรู้สึกของหล่อนบางครั้งก็ลืม เมื่อเจอโลกใหม่ เพื่อนใหม่ ชีวิตใหม่ในมหาวิทยาลัย ระหว่างที่หล่อนขึ้นมหาวิทยาลัย หล่อนคาดการนั้น คิดแน่ว่า พี่บุลิศจบการศึกษาไปแล้ว ไม่มีข่าวคราวจากเขา จนกระทั่งเขาปรากฏตัวในวันนี้ ในวันที่บ้านของหล่อนจัดงานต้อนรับแขกเหรื่อเชื้อเชิญ โดยใช้คฤหาสน์หลังหรูหราโอ่โถงของตนเองในการพรีเซนต์เปิดตัวสินค้าชิ้นใหม่ของบริษัท
ในเช้ารุ่งของวันต่อมาหญิงสาวได้เข้าไปทำงานตามปกติ ใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการบริหารเกือบจะทั้งวัน มีเครียดบ้าง หลังจากผ่านไปก็ได้หัวเราะรื่นเริง จวบจนในวันนั้นผ่านไปจนถึงเวลาเย็น กระทั่งเลิกงาน สาวสวยมักมีเวลาครุ่นคิดอย่างเงียบ อดคิดไม่ได้อีกครั้ง