น่าอิจฉาฉิบหายเลยว่ะ ไม่ต้องทำอะไร เขาก็รัก ต่างจากฉันที่ทำแม่งทุกอย่าง มากสุดก็ได้แค่ความสงสาร ไม่รู้จะน่าสมเพชไปไหน เสียใจโคตร
นนท์แวะไปหาเพื่อนของเขาแป๊ปนึง เหมือนเขาจะเอาของขวัญวันเกิดมาให้เพื่อนและกะจะกลับ ฉันเดินตามแล้วพยายามยิ้มให้เพื่อนเขาอย่างเป็นมิตร หลังจากนั้นฉันกับเขาก็พากันกลับไปที่หอเขา
หอนนท์อยู่ไกลมาก แทบจะข้ามจังหวัด ฉันนั่งรถเป็นชั่วโมง อยากจะชวนคุย แต่ก็ไม่รู้จะคุยอะไร กลัวว่าถ้าคุยกับเขามากๆ แล้วฉันจะคาดหวังอีก ฉันอยากจะอยู่อย่างปลงๆ ไม่ยึดมั่นถือมั่น รักแบบสงบๆ ในพื้นที่ของตัวเองอะไรอย่างนั้นอ่ะ
หอของนนท์สะอาดสะอ้านและเรียบร้อยผิดจากผู้ชายปกติทั่วไป ฉันคิดว่าฉันเข้ามาจะเจอกับสภาพสกปรกรกรุงรัง แต่นี่มันเหนือกว่าที่จินตนาการเอาไว้นิดหน่อย ผ้าปูที่นอนเป็นสีน้ำเงินเข้ม สีเดียวกับผ้าห่มนวม หอของเขากว้างอยู่พอสมควร อันที่จริงมันดูคล้ายคอนโดซะมากกว่า เพราะมีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องครัวครบไปซะทุกอย่าง
ฉันสังเกตว่านนท์สูงขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเซนติเมตร แถมยังขาวขึ้นด้วย เขาเปลี่ยนไปหลายอย่าง แต่อย่างเดียวที่เขายังไม่เปลี่ยนคือใจของเขานั่นแหละ ถ้าจะถามว่าฉันรู้ได้ยังไง ก็อาจจะเป็นเพราะแหวนของคนที่เขาชอบนักชอบหนายังร้อยเป็นสร้อยห้อยคออยู่จนถึงตอนนี้ไง
คิดแล้วก็หงุดหงิด รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ แต่ก็เซ็ง เข้าใจอารมณ์ปะวะ
“แล้วแฟนไม่ว่าเหรอ ตามนนท์มาเนี่ย?” นนท์หันมาถามฉันด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม บ่งบอกว่าเขาไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาถามนักหรอก ต่อให้ฉันมีแฟน และแฟนฉันด่า... ก็แล้วยังไงล่ะ ฉันสะเออะตามเขามาเอง นั่นและนิสัยของนนท์
“ไม่มีแฟน” ฉันเน้นย้ำกับคนร่างสูงพลางสบตา แอบคาดหวังว่าเขาจะปฏิกิริยาอะไรขึ้นมาบ้าง แต่ไม่เลย เขาเฉยๆ และตอบกลับมาสั้นๆ
“ก็ดี” เขาว่าแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ปรายสายตามามองหน้าฉันเหมือนจะเรียกให้เข้าไปหา ฉันยืนอยู่เฉยๆ เหมือนเล่นตัว จนคนตัวสูงยิ้มหวานยื่นมือมาจับฉันแล้วดึงเข้าไปนั่งบนตักเขา ใจฉันกระตุก นึกย้อนถึงวันเก่าๆ ขึ้นมา ทว่าฝันไปได้แป๊ปเดียว ความเป็นจริงก็ย้ำเตือนให้ฉันรู้ว่าอย่าหวังสูง เพราะถ้าหล่นลงมามันจะเจ็บ เหมือนที่ฉันเคยเป็นมาแล้ว
“ดีที่ไม่ต้องรู้สึกผิดกับเนลอะเหรอ?” ถึงฉันจะชอบนนท์ แต่ฉันก็หมั่นไส้นนท์ไปด้วย ฉันแอบแขวะเขาเล็กน้อยในขณะที่คางของเขาเกยอยู่ที่บ่าฉัน แก้มของเราติดกันจนรับรู้ได้ถึงไอความร้อนจากคนตัวสูง ฉันคิดถึงเขามาก ฉันอยากจะกอดนนท์ อยากจะบอกทุกอย่างที่ฉันคิด แต่ฉันไม่อยากรู้สึกเหมือนตัวเองพยายามคนเดียวอีกต่อไปแล้ว
“นนท์ก็ไม่มี” เขากระซิบชิดใบหู ให้ความหวังฉันเหมือนทุกครั้งที่เขาเคยทำ
ไอ้ความหวังที่มันไม่เคยจะมีอ่ะ...
“อ๋อเหรอ แล้วนี่คือ?” ฉันเปลี่ยนท่านั่งจงใจคร่อมเขาอยู่บนโซฟา ขาทั้งสองข้างฉันอยู่ระหว่างขาของนนท์ พื้นที่เล็กๆ นี่แอบทรงตัวลำบากแต่ด้วยความอยากจะแกล้งให้นนท์หงุดหงิดเล่นๆ ฉันจึงกระชากสร้อยคอที่ร้อยแหวนสลักชื่อย่อของผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา จงใจใช้นิ้วกลางรั้งมันไว้กลางอากาศ ปรายสายตาเหยียดหยามมองด้วยหลากหลายความรู้สึก
ทั้งรัก ทั้งชัง ทั้งคิดถึง...
“ก็รักมาก เลยลืมไม่ได้”
“...”
ฉันกระตุกยิ้มเหยียดอย่างอดไม่ได้ ฉันคงแสร้งทำตัวเป็นคนดีต่อหน้านนท์ไม่ไหว ฉันก็เข้าใจความรู้สึกของนนท์นะ เพราะฉันก็เป็นแบบเขา แค่ต่างกันตรงที่ฉันลืมนนท์ไม่ได้ แต่นนท์ลืมคนอื่นไม่ได้เท่านั้นเอง
“แล้วเนลต้องทำยังไง?” ฉันพูดเสียงเบา ไม่ได้หวังจะให้นนท์สงสาร แต่ฉันก็พูดไปอย่างนั้น น้อยใจก็ไม่ได้อะไรหรอก ฉันรู้ตัวว่าความสำคัญของฉันมันอยู่ที่ตรงไหน
“เนลก็ไม่ต้องทำอะไร” นนท์พูดเสียงเรียบพลางสบสายตากับฉัน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มทรงเสน่ห์จ้องนิ่ง ฝ่ามือหนาค่อยๆ ดึงสร้อยของเขากลับไปก่อนจะเปลี่ยนมาซุกซนไล้วนอยู่บริเวณกระดุมของฉัน เขาปลดมันทีละเม็ดและใช้แขนอีกข้างนึงรั้งสะเอวฉันไว้
เขากระตุกยิ้มเล็กๆ เพียงแวบเดียวก่อนจะฝังจุมพิตลงที่ลำคอเรียวระหง ความนุ่มหยุ่นที่มากับสัมผัสร้อนและเย้ายวนทำเอาฉันร้อนวาบไปทั้งหน้า เขากดมันลงครั้งนึงราวกับเป็นสัญญาณเตือนว่าเขากำลังจะเริ่มคุกคามฉันแล้ว
“เดี๋ยวนนท์ทำเอง”
ใจฉันเต้นแรงนิดๆ ก่อนที่ฉันจะผลักนนท์ออกเพื่อขัดขวางไม่ให้เขาล่อลวงฉันได้มากไปกว่านี้ นนท์ชะงักพลางย่นคิ้วมองฉันด้วยสายตาสงสัยว่าฉันเป็นอะไร
ฉันขบฟันกรอดเมื่อนัยน์ตาสบกับแหวนแสนรักของเขา มันตะขิดตะขวงใจฉันมากจริงๆ จนถึงตอนนี้ ผู้หญิงคนนั้นก็ยังตามหลอกหลอนฉันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ฉันตั้งสติก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นเหมือนเดิมแต่ฉันก็ทำไม่ได้
ฉันเคยปลงให้กับมันไปแล้วครั้งนึง แต่พอฉันต้องมาพบเจอกับความรู้สึกเดิมๆ ความน้อยใจ ความเสียใจและความรู้สึกแย่มันก็พรั่งพรูขึ้นมาอีกจนฉันร้อนไปทั้งหน้าอก ขนาดฉันพยายามถามเขาจริงจัง นนท์ก็ยังสนใจแต่เรื่องอย่างว่าเลย...
สำหรับเขา ฉันก็มีค่าอยู่แค่นี้แหละ ไม่ได้มากไปกว่านี้หรอก
“ไม่... เดี๋ยวเนลจะทำเอง”
นนท์นิ่งไปพร้อมมองฉันนิ่งเมื่อเห็นขอบตาฉันรื้นขึ้นมาเล็กน้อย มันหยดลงมาที่แขนของเขาเพียงหยดเดียวและมันก็ไม่มีอีก
เอาเหอะ จะอะไรก็เหอะ ฉันไม่สนใจแล้ว ช่างมัน ช่างแม่งให้หมด คงไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้ได้ละล่ะ
เพียงวินาทีถัดมา คอของคนร่างสูงถูกรั้งเข้ามาใกล้ด้วยฝ่ามือเล็กเรียวของฉัน ฉันจงใจขย้ำเรือนผมเขาแรงๆ เพื่อระบายอารมณ์หงุดหงิดก่อนจะโน้มใบหน้าและกดปลายจมูกลงที่ผิวอ่อน ในขณะที่มืออีกข้างของฉันก็ปลดกระดุมเสื้อนิสิตของเขาไปด้วย
นนท์ตัวร้อนมาก แต่ฉันร้อนกว่า ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พลุ่งพล่านหรืออารมณ์โกรธ กลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นกายของนนท์ลอยเข้ามาแตะจมูก ฉันปรายนัยน์ตามองเขานิดหน่อยด้วยความคิดหลายอย่างก่อนจะฝังริมฝีปากลงกับผิวกายของนนท์ เขายังคงน่าหลงใหลเหมือนครั้งก่อน แต่ตอนนี้ฉันไม่ใช่คนที่จะติดอยู่ในวังวนคนเดียวต่อไปแล้ว
ฉันจงใจฝากฝังคมเขี้ยวและดูดดึงผิวเนื้อเขาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด นนท์คงคิดว่าเรื่องระหว่างเรามันก็แค่เซ็กส์ แต่สำหรับฉันนอกจากเซ็กส์แล้วมันคือการแสดงความเป็นเจ้าของ ฉันจะฝากฝังไว้ทุกรอยบนร่างเขา ฉันจะตีตราไว้ทุกที่ให้คนอื่นรู้ว่านนท์เป็นของใคร และฉันทำมันแรงขึ้นทุกครั้งที่สายตาสบกับแหวนวงนั้น
ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้คบกับนนท์ แต่เรื่องที่นนท์ชอบเธอมันก็ไม่เปลี่ยน
สำหรับผู้ชายความรักกับเซ็กส์มันแยกขาดออกจากกัน แต่ฉันเป็นคนโลภมากที่อยากได้จากนนท์ทั้งสองอย่าง ดังนั้น ในเมื่อฉันไม่ได้...
คนอื่นฉันก็ไม่ให้